ระบบสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง - ตอนที่ 52
SB:ตอนที่52 ยกระดับต้าเฮ่ย
“ที่จริงแล้ว เหตุผลที่ข้ามาหาท่านพี่ซุนวูก็คือข้าอยากให้ท่านช่วยอะไรบางอย่างหน่อย”
หลังจากดื่มไวน์กันไปสองถึงสามแก้ว ลู่หยางเริ่มคุยธุระวันนี้กับซุนวู
เตี่ยซู่ ก็ดื่มไปค่อนข้างมาก เขาพูดว่า “ใช่แล้วท่านพี่ซุนวู พี่หยางพูดถึงท่านให้ข้าฟังอยู่เสมอๆ เมื่อข้ามาถึงที่นี่ เขารีบพาข้ามาตามหาท่านเพื่อให้ท่านช่วยหางานให้ข้าหน่อย”
“อ้อ เท่านั้นเองรึ ง่ายนิดเดียว มาบ้านข้าพรุ่งนี้สิ ข้าจะช่วยเจ้าหางานที่เจ้าชอบแน่นอน!”
“ดี!” “ในภายหน้า น้องของข้าคนนี้จะได้พึ่งพาท่านพี่ซุนวู!”
ซุนวูมีสถานะสูงกว่าลู่หยางมากจริงๆ หลังจากที่ลู่หยางถอดคราบความสัมพันธ์ระหว่างตำหนักเมฆาม่วงและผู้จารึกออกแล้ว ลู่หยางไม่มีพื้นเพใดใดเลย แต่สำหรับซุนวูนั้น เขาอยู่ในเมืองเซียงหยางมาหลายปีแล้ว อีกทั้งบิดาของเขายังเป็นผู้กล้าที่แท้จริงอีกด้วย ดังนั้น เขาพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้างในเมืองเซียงหยาง
เมื่อได้มอบเตี่ยซู่ไว้กับมือของซุนวูแล้ว ลู่หยางรู้สึกสบายใจขึ้นมาก แม้ว่าเตี่ยซู่ได้เป็นผู้คุมอสูรแล้ว แต่เขายังไม่มีเงินมากนัก เขายังไม่สามารถซื้อบ้านในเซียงหยางได้ เขาจึงต้องอาศัยอยู่กับลู่หยางทุกวัน ตอนนี้มีคนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนแล้ว ซุนวูก็เลยมีเวลามาบ้านลู่หยางมากขึ้น
คืนนั้น ทั้งสามคนอยู่คุยกัน ลู่หยางไม่ได้กะจะให้ซุนวูรู้ถึงความแค้นใจระหว่างเขากับหลี่ซิ่ว แต่เตี่ยซู่กลับเผลอพูดออกมาถึงการกระทำของหลี่ซิ่ว และสถานการณ์ที่บ้านเกิดของเขาตอนนี้
“หลี่ซิ่วคนนี้! ในฐานะที่เป็นผู้ครองเมืองฉิงเหอ เขากล้าไปทำตัวชั่วร้ายที่เมืองชิงหยางของเรา!”
“ใช่แล้ว ไม่เพียงแต่กระทำการชั่วร้ายต่อครอบครัวพี่หยางแล้ว มันยังฆ่าคนบริสุทธิ์ด้วย ทำให้ทุกคนที่นั่นหวาดกลัวและทุกข์ใจ”
“ไอ้คนเลว! ข้าต้องรายงานเรื่องนี้ให้พ่อของข้ารู้ ให้พ่อข้าถามหลี่ซิ่วเอาคำอธิบายของมันมา!” ซุนวูพูดอย่างโกรธ เขาเอาฝ่ามือตบโต๊ะตรงหน้าแตกเป็นชิ้นๆ เศษไม้เกลื่อนกระจายเต็มพื้น
“อย่าโมโหไปเลยท่านพี่ซุนวู นี่เป็นความแค้นระหว่างหลี่ซิ่วกับข้า เมื่อเวลามาถึง ข้าจะตามหาหลี่ซิ่วมาคิดบัญชีกับมัน!”
“ตอนนี้ มันไม่ได้เป็นศัตรูกับเจ้าเท่านั้น เราเป็นพี่น้องกัน ศัตรูของเจ้าก็คือศัตรูของข้า!”
ลู่หยางสัญญากับซุนวู แต่ในใจเขานั้นยังวางแผนแก้แค้นของเขาเอง ตอนนี้ เขาแข็งแรงมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ลู่หยางเข้ามาร่วมกับตำหนักเมฆาม่วงแล้ว ผลึกในกระเป๋าของเขามีมากขึ้นๆ เขาจะทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ ก่อนหน้านี้ เขาได้ยกระดับพยัคฆ์เพลิงสีชาดขึ้นเป็นสัตว์เลี้ยงสงครามระดับกลางแล้ว และตอนนี้ เขาได้ยกระดับราชสีห์คลั่งขนทองเป็นอสูรดุร้ายชั้นกลางกลายเป็นราชาราชสีห์คลั่งขนทอง
เมื่อคุณลักษณะของสัตว์เลี้ยงสงครามเพิ่มขึ้น กำลังของลู่หยางก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วย
ลู่หยางเรียกระบบออกมาเงียบๆ ตรวจสอบข้อมูลปัจจุบันของเขาแล้วเขาก็ต้องตกใจ
“เจ้าของ : ลู่หยาง (ผู้คุมอสูรชั้นต้น)”
“วิชาฝึกอสูร : เริ่มต้น (สิบดาว)”
“สมรรถนะทางกาย : 24,000 จิน”
“อายุขัย : 16/100”
“สัตว์เลี้ยงสงคราม : ราชาราชสีห์คลั่งขนทอง(1) อสูรดุร้ายชั้นกลาง สุนัขล่าเนื้อแห่งอเวจี (1) สุนัขราชสีห์แผดเผา (10) ราชาพยัคฆ์เพลิงสีชาด (1)”
“ทักษะ : การผสานร่าง (ระดับ1:ระดับ8 ระดับ2 : ระดับ3 ระดับ3 : ระดับ1)”
“ความสามารถเฉพาะตัว : ระฆังทองคำอมตะ(ระดับเจ้าโลก) การกลืนกินมืดมิด ทุ่งหญ้าเพลิงดารา เพลิงสีชาด”
“กระเป๋าสัตว์เลี้ยง : 15 ช่อง”
“กระเป๋าสวรรค์และปฐพี : คุณภาพต่ำ (11 ลูกบาศ์กเมตร ต่อพื้นที่)”
“เตาหลอมหมื่นอสูร : ชั้นยอด (ทำสายเลือดสัตว์เลี้ยงให้บริสุทธิ์สู่ชั้นยอด)”
“อาภรณ์เทวะควบคุมอสูร : ไม่ทำงาน”
พละกำลังของเขาขึ้นมากกว่า 20,000 แล้ว ดังนั้นกำลังของลู่หยางอยู่ที่ระดับค่อนข้างสูงในบรรดาผู้คุมอสูรชั้นกลาง แต่จะจัดการกับไอ้เฒ่าหลี่ซิ่ว ลู่หยางรู้สึกว่ามันยังไม่พอ
“ได้เวลาแล้ว” ลู่หยางกระซิบ หลังจากที่ส่งซุนวูและเตี่ยซู่ไปแล้ว ลู่หยางก็ปิดประตูและขังตัวเองอยู่ในห้องฝึกฝน
ลู่หยางเรียกต้าเฮ่ยออกมา เขาลูบหัวมันเบาๆแล้วพูดว่า “ต้าเฮ่ย เจ้าโตมาพร้อมกับข้า ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าจะพัฒนาไปด้วย”
ลู่หยางเตรียมการสำหรับวันนี้มานานแล้ว เขาแลกศิลาผลึกมาจำนวนหนึ่งจากฟางตง
เขาเอาศิลาผลึกชั้นกลางออกมาหนึ่งร้อยอันจากกระเป๋าสวรรค์และปฐพี เขาเรียกระบบช้าๆ
“สัตว์เลี้ยงสงคราม : สุนัขล่าเนื้อแห่งอเวจี”
“ธาตุ : ความมืด”
“ระดับ: อสูรชั้นต้น”
“สายเลือด: ชั้นยอด”
“ความสามารถเฉพาะตัว : การกลีนกินมืดมิด(พลังของความมืดสามารถกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในเป้าหมายและขณะเดียวกันทำให้ผู้ใช้แข็งแรงขึ้น)”
“แต้มเติบโต: 22/100”
ต้าเฮ่ยยังคงเป็นอสูรชั้นต้นอยู่ เขาต้องรีบเลื่อนระดับต้าเฮ่ยไปเป็นอสูรชั้นกลาง
สุนัขราชสีห์แผดเผาทั้งสิบตัวถูกเตรียมไว้แล้ว ตราบใดที่เขาสามารถยกระดับเตาหลอมหมื่นอสูร มันก็จะเพียงพอที่จะยกระดับสายเลือดของต้าเฮ่ยขึ้นไปชั้นจักรพรรดิได้
“ระบบ ช่วยข้ายกระดับเตาหลอมหมื่นอสูรไปที่คุณภาพสุงสุด”
เสียงระบบตอบเย็นชา” ติ้ง !” “ ยกระดับเตาหลอมหมื่นอสูรไปที่คุณภาพสุงสุดใช้แก่นผลึกชั้นกลางหนึ่งร้อยแก่น ท่านต้องการที่จะยกระดับเตาหลอมหมื่นอสูรไปที่คุณภาพสุงสุดทันทีมั้ย”
ลู่หยางตอบแน่วแน่ “ข้าจะยกระดับแน่นอน!”
แสงสีทองสว่างวาบผ่านเข้าไปในใจของลู่หยาง เขาเห็นเตาหลอมหมื่นอสูรขยายใหญ่ขึ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ พร้อมกับมีแถบแสงสีทองเป็นชั้นๆบนตัวเตาหลอม ใจของเขารับรู้ได้ว่าระบบได้ทำการยกระดับให้แล้ว
“ยินดีด้วย คุณภาพของเตาหลอมหมี่นอสูรเพิ่มขึ้นแล้ว ยกระดับไปที่คุณภาพสูงสุดสำเร็จและขีดจำกัดที่สูงขึ้นของสายเลือดได้รับการยกขึ้นสู่ระดับจักรพรรดิ์”
ลู่ยางเรียกสุนัขราชสีห์แผดเผาออกมาทีละตัวและเริ่มยกระดับสายเลือดต้าเฮ่ย
“ติ้ง!” “ สัตว์เลี้ยงสงครามสุนัขแผดเผาเหนึ่งตัว แก่นผลึกชั้นกลางสิบแก่น อัตราการผสานร่าง 10%”
“ติ้ง!” “ สัตว์เลี้ยงสงครามสุนัขแผดเผาเหนึ่งตัว แก่นผลึกชั้นกลางสิบแก่น อัตราการผสานร่าง 20%”
“……”
“ติ้ง !” “สัตว์เลี้ยงสงครามสุนัขแผดเผาเหนึ่งตัว แก่นผลึกชั้นกลางสิบแก่น อัตราการผสานร่าง 100%”
“ติ้ง!” “ สายเลือดของสัตว์เลี้ยงสงครามเลื่อนขึ้นสู่ชั้นจักรพรรดิ”
ตอนนี้ ข้อมูลของต้าเฮ่ยเป็นดังนี้
“สัตว์เลี้ยงสงคราม: ราชาสุนัขล่าเนื้อแห่งอเวจี”
“ธาตุ: ความมืด”
“ระดับ: อสูรชั้นต้น”
“สายเลือด: ชั้นจักรพรรดิ”
“ความสามารถเฉพาะตัว: ประตูอเวจี (รูปแบบที่ปรับเพิ่มของการกลืนกินมืดมิด)เรียกประตูจากเขตอเวจีและใช้พลังความมืดกลืนกินเป้าหมายที่อยู่เบื้องหน้า ขณะเดียวกันทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นมาก เป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ระดับเจ้าโลก”
“แต้มเติบโต: 22/1000”
ลู่หยางมองคุณสมบัติที่ก้าวหน้าของตาเฮ่ยด้วยความพอใจ เช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงสงครามตัวอื่น หลังจากที่เป็นอสูรสายเลือดชั้นจักรพรรดิ ชื่อของต้าเฮ่ยเปลี่ยนเป็นราชาสุนัขอเวจี
การกลืนกินมืดมิดเปลี่ยนเป็นประตูอเวจี พลังของมันรุนแรงขึ้น อีกทั้งร่างกายของผู้ใช้ก็แข็งแกร่งมากขึ้น
ลู่หยางยิ้มพอใจ เขาต้องการยกระดับต้าเฮ่ยอีก
การที่ต้าเฮ่ยกลายเป็นอสูรชั้นยอดนั้นนำแต้มพลังมาให้ลู่หยางมากกว่าสองสามพันแต้ม เมื่อต้าเฮ่ยพัฒนาขึ้นเป็นอสูรชั้นกลาง มันจะนำผลประโยชน์มาให้ลู่หยางอีกมาก เขารอไม่ไหวแล้ว ปัจจุบันแต้มเติบโตของต้าเฮ่ยอยู่ที่ยี่สิบสองแต้ม ลู่หยางหยิบเอาผลึกชั้นต้นออกมาเก้าร้อยอัน ให้ต้าเฮ่ยเติบโตเต็มกำลังของมัน เสียงระบบดังขึ้นอีกครั้ง
ติ้ง สัตว์เลี้ยงสงครามราชาสุนัขอเวจีสามารถยกระดับเป็นสัตว์เลี้ยงสงครามชั้นกลาง ท่านต้องการที่จะยกระดับมั้ย
ครั้งนี้ ไม่มีการแจ้งเตือน พละกำลังของลู่หยางขึ้นถึงระดับผู้คุมอสูรชั้นกลางแล้ว และเขาสามารถควบคุมอสูรชั้นกลางได้โดยสมบูรณ์ เขาไม่ลังเลเลย เขาเลือกฝึกฝนให้ก้าวหน้าขึ้นทันที แสงสีขาวจับมาที่ลำตัวของต้าเฮ่ยเป็นการเตือนว่าเขาแข็งแรงเพียงพอ ต้าเฮ่ยก็สูงขึ้นด้วย อีกทั้งยังนำผลประโยชน์มากมายมาสู่ลู่หยาง กำลังของลู่หยางเพิ่มขึ้นเป็นพัน ตอนนี้ ลู่หยางรู้สึกว่าภายในตัวของเขาเต็มไปด้วยพลังงานที่บ้าระห่ำ เขาสามารถล้มอสูรชั้นยอดระดับต่ำได้ด้วยหมัดเดียว
“เจ้าของ : ลู่หยาง (ผู้คุมอสูรชั้นต้น)”
“วิชาฝึกอสูร : เริ่มต้น (สิบดาว)”
“สมรรถนะทางกาย : 32,000 จิน”
“อายุขัย : 16/100”
“สัตว์เลี้ยงสงคราม : ราชาราชสีห์คลั่งขนทอง(1) ราชาสุนัขล่าเนื้อแห่งอเวจี (1) พยัคฆ์เพลิงสีชาด (1)”
“ทักษะ : การผสานร่าง (ระดับ1 ระดับ8 ระดับ2 ระดับ3 ระดับ3 ระดับ2)”
“ความสามารถเฉพาะตัว : ระฆังทองคำอมตะ(ระดับเจ้าโลก) ประตูอเวจี (ระดับเจ้าโลก) เพลิงสีชาด
“กระเป๋าสัตว์เลี้ยง : 15 ช่อง”
“กระเป๋าสวรรค์และปฐพี : คุณภาพต่ำ (11 ลูกบาศ์กเมตร ต่อพื้นที่)”
“เตาหลอมหมื่นอสูร : ชั้นยอด (ทำสายเลือดสัตว์เลี้ยงให้บริสุทธิ์สู่ชั้นยอด)”
“อาภรณ์เทวะควบคุมอสูร : ไม่ทำงาน”
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ลู่หยางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยคือหลังจากที่สุนัขราชสีห์แผดเผาทั้งสิบตัวหายไปจากกระเป๋าสัตว์เลี้ยงของเขา ลู่หยางรู้สึกสูญเสียพลังงานไปเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ความสามารถเฉพาะตัวที่ดึงมาจากสัตว์ลี้ยงสงครามที่หายไปได้หายไปด้วย ที่หลังมือข้างซ้ายของเขาไม่มีรอยประทับของเพลิงดาราอีกแล้ว เขาอดที่จะรู้สึกสูญเสียไม่ได้เพราะเพลิงดาราเป็นทักษะสู้รบที่ดีที่สุดของเขาตอนนี้ มันคงจะน่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกผิดหวังกับเรื่องนี้
สำหรับความสามารถเฉพาะตัวของต้าเฮ่ย เป็นเพราะต้าเฮ่ยได้รับการเลื่อนขั้น ความสามารถเฉพาะตัวก็แข็งแรงขึ้นด้วย แต่ทว่าความสามารถเฉพาะตัวที่ลู่หยางดึงออกมาคือการกลืนกินมืดมิดซึ่งซึ่งไร้ประสิทธิภาพไปตั้งแต่แรกหลังจากที่ต้าเฮ่ยเลื่อนระดับขึ้นมาแล้ว แต่กระนั้นลู่หยางใช้ศิลาผลึกชั้นต้นหนึงพันอันซื้อความสามารถเฉพาะตัวของต้าเฮ่ยอีกครั้ง รอยประทับบนหน้าผากของเขาได้เปลี่ยนจากรูปดวงตาแนวตั้งมาเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำ ราวกับประตูอเวจีที่ยังไม่ถูกเปิดออก
“เฮ้อ! นี่เป็นทางเดียวเท่านั้น เมื่อข้ามีสัตว์เลี้ยงสงครามที่ดีกว่านี้ ข้าก็จะมีความสามารถเฉพาะตัวที่แข็งแรงกว่านี้” ลู่หยางพูดปลอบตัวเอง