ระบบสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง - ตอนที่ 54
SB:ตอนที่ 54 ชำระหนี้แค้น
“ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม! ช่างเป็นลูกวัวอ่อนไม่รู้จักพยัคฆ์ซะแล้ว! ใครก็ได้ ฆ่ามัน!”
หลี่ซิ่วคำรามขึ้น ชายร่างกำยำแข็งแรงทั้งเจ็ดต่างก็เรียกอสูรของมันออกมาทันที เตรียมอัดลู่หยางและเตี่ยซู่ตลอดเวลา
“พี่ชายหยาง ไม่ต้องกลัว” “ข้าจะช่วยท่าน!” เตี่ยซู่ตะโกน
หมีพลังเดรัจฉานปรกฏตัวขึ้นทันทีตรงหน้าเตี่ยซู่ อสูรดุร้ายตัวใหญ่โตยืนขวางชายแข็งแรงทั้งเจ็ดคนไว้ทำเอาพวกมันสะดุ้งตกใจ หลังจากที่สำรวจดูใกล้ๆแล้ว พวกมันตระหนักว่าเป็นเพียงอสูรชั้นต้นตัวหนึ่งเท่านั้น
พวกมันหัวเราะเยาะ “ข้าก็ว่างั้น! มันก็แค่หมีพลังเดรัจฉาน!”
“อสูรชั้นต้นแค่นี้ ให้อสรพิษของข้าจัดการก็ได้!”
พอพูดจบ ชายกำยำก็โบกแขนของมัน ฉับพลันนั้น โครงร่างใหญ่มหึมากระโดดสูงขึ้นไปในอากาศจากข้างหลังเขา มันพุ่งกระโจนเข้าใส่หมีป่าเถื่อนพร้อมขู่คำราม อสูรอีกหกตัวร้องคำรามต่อกันไปทีละตัวแล้วบุกเข้าใส่ลู่หยาง
ลู่หยางยิ้มพร้อมกับพูดว่า “พวกเจ้าดูถูกหมีพลังเดรัจฉานของข้ารึ งั้นข้าจะให้ลองชิมของมีระดับกันบ้าง”
ลู่หยางโบกมือ ลูกบอลเพลิงระเบิดออกจากฝ่ามือลู่หยางทันที แรงระเบิดปะทะเข้าอย่างจังกับเจ้าอสรพิษที่อยู่ด้านหน้า นี่เป็นความสามารถเฉพาะตัวของอสูรชั้นยอด พลังของมันมหาศาลซึ่งเป็นอะไรที่อสูรชั้นต้นไม่อาจต้านทานได้
แรงระเบิดฉีกร่างสูงของเจ้าอสรพิษออกเป็นชิ้นๆ เผยให้เห็นหนังและเนื้อ ลงมือเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะกระแทกอสูรชั้นต้นให้ลงไปกองกับพื้นแน่นิ่งไม่ไหวติง
“ถอยไป ไอ้เวรนี่ให้ข้าเอง!”
หลี่ซิ่วโพล่งออกมาอย่างโมโห มันย่างเท้าเข้ามาหาลู่หยาง อสูรชั้นกลางสามตัวตามหลี่ซิ่วมาติดๆ อสูรร้ายก้าวแต่ละครั้งทำเอาพื้นดินสั่นสะเทือนไปด้วย
“หลี่ซิ่ว เจ้าต้องการใช้อสูรสู้กับข้างั้นรึ? ข้าจะสงเคราะห์ให้เจ้าเอง”
ในหนึ่งอึดใจ ลู่หยางเรียกอสูรออกมาสามตัว ราชาพยัคฆ์เพลิงสีชาด อยู่ข้างหน้าต้าเฮ่ย และ ราชาราชสีห์คลั่งขนทองซึ่งกลายเป็นตัวเล็กที่สุดในบรรดาสามตัว
เขาให้ต้าเฮ่ยและราชาราชสีห์คลั่งขนทองสู้กับอสูรร้ายทั้งสามตัวของหลี่ซิ่ว ส่วนราชาพยัคฆ์เพลิงสีชาดให้กระโจนเข้าใส่อสูรชั้นต้นตัวอื่นๆ
ราวกับพยัคฆ์วิ่งเข้าสู่ฝูงแกะ ในบรรดาอสูรชั้นต้นเหล่านี้ ไม่มีแม้สักตัวเดียวที่จะมีสายเลือดชั้นยอด ราชาพยัคฆ์เพลิงสีชาดกระโจนฝ่าคู่ต่อสู้ราวกับมันกำลังบดขยี้พงหญ้าและขอนไม้ผุๆ
หลี่ซิ่วจ้องลู่หยางอย่างเย็นชา เขาโบกมือแล้วสั่งสัตว์เลี้ยงสงครามของตัวเอง “ฉีกอสูรพวกนี้ให้หมด!”
“(เสียงคำราม)!” อสูรร้ายสามตัวร้องขึ้นพร้อมกัน พร้อมกับเขย่าร่างอันใหญ่โตมหึมาของมันแล้วพุ่งไปข้างหน้า
เมื่อเห็นอสูรสามตัวกำลังตรงเข้ามา เขาพูดแผ่วเบาว่า “ต้าเฮ่ย ให้พวกมันเห็นความสามารถเฉพาะตัวของเจ้าหน่อยซิ”
ต้าเฮ่ยอ้าปากกระหายเลือดของมัน แต่สิ่งที่ออกมาไม่ใช่กระแสน้ำวนดำอีกแล้วแต่เป็นประตูสีดำ นี่เป็นหน้าตาที่แท้จริงของประตูอเวจี
ตามตำนานมีอยู่ว่า ที่หน้าประตูอเวจีจะมีสุนัขศักดิ์สิทธิ์แห่งอเวจีเฝ้าอยู่ โดยธรรมชาติแล้ว ต้าเฮ่ยซึ่งมีสายเลือดของสุนัขศักดิ์สิทธิ์แห่งอเวจีอยู่ด้วยจะมีความชำนาญในยุทธวิธีของประตูอเวจี ด้วยการใช้พลังความมืดของมัน ผลักประตูสีดำให้เปิดออกแล้วปล่อยแรงดึงดูดที่น่ากลัวให้ระเบิดออกมาจากห้วงลึกของประตูอเวจี
ก่อนที่อสูรร่างยักษ์ทั้งสามตัวจะพุ่งเข้าใส่ลู่หยางนั้น อสูรตัวแรกได้ตกลงไปในวังวนของประตูอเวจีแล้ว เป็นการยากที่จะป้องกันได้ทัน และทุกย่างก้าวในนั้นต้องออกแรงมากมายมหาศาล
ลู่หยางมองไปที่ราชาราชสีห์คลั่งขนทองแล้วมันก็เข้าใจในทันที มันแบกระฆังทองคำอันใหญ๋โตไว้บนหลังแล้วทะยานเข้าไปในวังวนแห่งประตูอเวจี ด้วยการป้องกันของระฆังทองคำอมตะและด้วยความสามารถเฉพาะตัวที่ระดับเจ้าโลก ประตูอเวจีไม่สามารถทำอันตรายราชาราชสีห์คลั่งขนทองได้ง่าย ราชาราชสีห์คลั่งขนทองอ้าปากกระหายเลือดแล้วกัดเข้าที่อสูรร้ายโดยที่มันไม่มีพลังที่จะตอบโต้เลย
มันกัดเข้าที่คอของอสูรร้ายจนหัวมันแทบหลุดออก ร่างของมันจมหายลงไปในประตูอเวจี ประตูอเวจีส่ายไปส่ายมา ราวกับว่ามันกำลังเคี้ยวอยู่แล้วย่อยสลายร่างของอสูรร้ายอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุด มันส่งลำแสงสีแดงเลือดเข้าไปในต้วต้าเฮ่ยดูราวกับว่าต้าเฮ่ยกำลังสวมชุดเกราะสีเลือดอยู่
“รสชาติของอสูรชั้นยอดระดับกลางคงจะอร่อยดีนะ มันทำให้อัตราเติบโตของต้าเฮ่ยเพิ่มขึ้นสิบสามแต้ม”
สิบแต้มที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากแก่นผลึกชั้นกลาง อีกสามแต้มมาจากพลังงานเลือดของอสูรร้าย ความสามารถเฉพาะตัวของต้าเฮ่ยนี้ลึกล้ำพิสดารมาก ไม่เพียงแต่มันจะสามารถกลืนกินอสูรที่ระดับเดียวกันแบบเป็นๆได้ มันยังสามารถเปลี่ยนซากศพของอสูรเหล่านี้ไปเป็นคุณค่าการเติบโตของมันได้ด้วยอีกทั้งยังสามารถเพิ่มพลังของมันได้ชั่วคราว
เมื่อพลังงานเลือดของอสูรระดับกลางเข้าสู่ร่างของต้าเฮ่ย พละกำลังของต้าเฮ่ยก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการคุ้มภัยของเสื้อเกราะแดงเลือด กำลังป้องกันของต้าเฮ่ยขึ้นสูงไปอีกระดับเลย
หลี่ซิ่วไม่เคยคิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปเช่นนี้ อสูรร้ายที่เขาเฝ้าฝึกฝนมาด้วยความเพียรพยายามจะถูกกระชากหัวออกมาในพริบตาเดียว
“ทั้งหมดเป็นเพราะความสามารถเทวะเฉพาะตัว เร็วเข้า ใช้ความสามารถเทวะเฉพาะตัวของพวกเจ้า!”
ในบรรดาอสูรที่เหลือสองตัว หนึ่งในนั้นคืออสรพิษสีเหลือง เมื่อได้ยินคำสั่งของหลี่ซิ่ว มันรีบใช้พลังพรสวรรค์เหนือธรรมชาติของมัน ด้วยการเปลี่ยนพลังงานธาตุดินทั่วร่างของมันเป็นเขาแหลมยื่นตรงออกมาที่หัวของอสรพิษ ด้วยแรงปะทะที่มหาศาลของอสรพิษที่พุ่งเข้าใส่ประตูอเวจี ระฆังทองคำอมตะถึงกับสั่นสะเทือนเป็นผลให้แรงดึงดูดของอสูรทั้งสองตัวลดลงมาก
อสูรร้ายที่เหลืออีกหนึ่งตัวปกคลุมไปด้วยหนามแหลมเต็มไปหมด ทันทีที่ความสามารถเทวะเฉพาะตัวถูกปลดปล่อย เดือยแหลมที่อาบไว้ด้วยแสงเขียวถูกยิงออกมาราวกับขีปนาวุธ
“อย่างนี้ไม่ดีแน่!” ลู่หยางร้องออกมา เขารู้ว่าสถานการณ์กำลังแย่ลง
เขาเรียกระฆังทองคำอมตะของเขาทันที เป็นการเพิ่มปราการคุ้มกันอีกชั้นหนึ่ง วินาทีที่ลู่หยางกำลังทำสิ่งเหล่านี้อยู่ หนามสีเขียวได้เจาะทะลุผ่านประตูอเวจีและจะเข้าถึงตัวลู่หยาง ระฆังทองคำอมตะปรากฏขึ้นทันเวลาพอดี มันล้อมลู่หยางไว้ข้างในได้ทันก่อนที่หนามสีเขียวจะถึงตัวลู่หยาง หนามแหลมยังคงยิงมาไม่หยุด มันตกกระทบผิวระฆังทองคำอมะ แต่ไม่สามารถฝ่าทะลุเข้ามาได้ แค่ทำให้เกิดรอยเป็นระลอกๆ
“นี่ไม่ใช่อสูรธรรมดาๆ! ทั้งสองตัวนี้เป็นอสูรชั้นจักรพรรดิ์!” หลี่ซิ่วร้องแปลกๆออกมา
เขาเลือกสัตว์เลี้ยงสงครามทั้งสามตัวของเขามาด้วยความพิถีพิถัน ใช้เวลามากกว่าสิบปีในการเลือกหนึ่งตัวจากอสูรบ้าบิ่นจำนวนนับไม่ถ้วน เขาคิดมาเสมอว่ายากที่จะหาคู่ต่อสู้ชั้นยอดมาสู้กับอสูรทั้งสาม แต่การสู้รบครั้งนี้ ลู่หยางฆ่าพวกมัน เขาคิดว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัวของมัน
และตอนนี้ลู่หยางเองก็ได้ปล่อยความสามารถเฉพาะตัวของเขาเองออกมา ประตูอเวจียังไม่ถูกทำลาย ระฆังทองคำอมตะก็ยังอยู่ในสภาพดี ถ้าไม่เป็นเพราะความสามารถเฉพาะตัวที่เหนือกว่า หลี่ซิ่วจะไม่ยอมเชื่อว่าอสูรร้ายของเขาจะพ่ายแพ้อย่างราบคาบ
อสูรร้ายของชายร่างกำยำทั้งเจ็ดคนถูกราชาพยัคฆ์เพลิงสีชาดฆ่าตายหมด และหลังจากที่อสูรของเขาถูกต้าเฮ่ยและระฆังทองคำอมตะฆ่าตายแล้ว หลี่ซิ่วก็สูญเสียตัวตนของตัวเองแล้ว เขาจ้องลู่หยางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาพูดว่า “ทำไม ทำไมเด็กสารเลวจนๆคนหนึ่งเช่นเจ้าจะมีอสูรชั้นจักรพรรดิได้!?”
หลังจากที่ลู่หยางจัดการกับอสูรทั้งสองตัวของมันแล้ว เขาได้ควักเอาแก่นผลึกของมันออกมาด้วยต่อหน้าหลี่ซิ่ว
“ไอ้หนู เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้า!”
ลู่หยางยักไหล่แล้วกล่าวว่า “ถ้าข้าไม่มีความสามารถขนาดนั้น ข้าจะมาตามล้างแค้นกับเจ้ารึ?”
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะฆ่าข้าได้รึ? เจ้ายังไร้เดียงสาเกินไป!” หลี่ซิ่วโกรธจนหัวเราะออกมาแทน เสียงหัวเราะของมันสั่นสะเทือนท้องฟ้าและทำให้ลู่หยางหน้าชาไป
ลู่หยางตอนนี้ไม่หลงเหลือความดีใจอยู่ แต่กลับรู้สึกว่าเขาถูกข่มขู่อยู่จากเสียงหัวเราะของหลี่ซิ่ว
“ไอ้เฒ่าสารเลว! เจ้ากำลังคิดทำอะไร!”
หลี่ซิ่วยังคงหัวเราะต่อ มันไม่ได้ตอบคำถามลู่หยาง หากแต่ย่างเท้าเข้าหาเขาทีละก้าว ทีละก้าว
น้ำเสียงของหลี่ซิ่วมีทั้งสิ้นหวังเดียวดายปนอาฆาตแค้น “ไอ้หนู เจ้าช่างมีพรสวรรค์ในการฝึกอสูรซะจ่ริง แต่เจ้าอาจไม่รู้เหตุผลว่าทำไมผู้คุมอสูรถึงได้แข็งแกร่งนัก นั่นไม่ใช่เพราะสัตว์เลี้ยงสงครามหรอกนะ ถึงแม้ไม่มีสัตว์เลี้ยงสงคราม อำนาจที่แท้จริงของผู้คุมอสูรก็ยังจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อยู่!”
และด้วยการกระทืบเท้าที่หนักหน่วง ร่างของหลี่วิ่วก็พุ่งออกไปเหมือนกับลูกธนูพุ่งออกจากคันธนู มันพุ่งเลียดมากับพื้นตรงมาหาลู่หยาง
“พี่ชายหยาง ระวัง!” เตี่ยซู่ร้องตะโกน
แน่นอนว่าลู่หยางเองก็รู้สึกผิดปกติ แต่หลี่ซิ่วพุ่งมาเร็วมาก เขาจะเรียกสัตว์เลี้ยงสงครามมาก็ไม่ทัน ในเวลาจวนเจียนนั้นเอง เขาทำได้แค่โบกแขนแล้วถือลูกบอลเพลิงไว้ แล้วขว้างใส่หลี่ซิ่วอย่างเร็ว
จังหวะที่กำปั้นทั้งสองของหลี่ซิ่วปะทะกัน ลู่หยางตาเบิกโพลง ไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองเห็น
หลี่ซิ่วกลายเป็นอสูรกาย แขนของเขาหนาใหญ่ขึ้น และมีชั้นของหินแข็งอยู่บนสุดของแขน ยิ่งไปกว่านั้น พละกำลังที่ออกมาจากแขนของหลี่ซิ่วนั้นไม่ใช่แค่สี่หมื่นจิน แต่มากกว่าห้าหมื่นจินแน่
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลู่หยางต้องถูกอัดลอยกระเด็นไปแล้วกระอักเลือดออกมา ในที่สุดลู่หยางได้ตระหนักว่า นอกจากอสูรร้ายทั้งสามตัวของหลี่ซิ่วก่อนหน้านี้ ยังมีอสูรตัวอื่นๆที่ยังไม่ถูกเรียกออกมา ตอนนี้เขาไม่ได้สู้เพียงลำพัง เขาเลือกที่จะรวมร่างกับสัตว์เลี้ยงสงครามแล้วลงมืออย่างโหดเหี้ยมที่สุด กำลังของลู่หยางตอนนี้เกือบจะเท่าๆกับหลี่ซิ่ว แต่หลังจากที่หลี่ซิ่วรวมร่างกับสัตว์เลี้ยงสงครามแล้ว ลู่หยางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันแล้ว หมัดเดียวของหลี่ซิ่วทำร้ายเขาสาหัสมาก แต่ว่าหลี่ซิ่วเองก็ได้รับบาดเจ็บจากลูกบอลเพลิง ถ้าไม่มีหินพวกนั้นป้องกันไว้ แขนของหลี่ซิ่วก็อาจต้องพิกลพิการไปเลย แต่ถึงกระนั้น เขาเองก็ถูกเผาไหม้ไปทั้งตัว แม้ไม่ตาย ก็บาดเจ็บสาหัสมาก หลังจากที่กลิ้งไปกับพื้นได้ครู่หนึ่ง หลี่ซิ่วเช็ดเลือดที่มุมปาก แล้วจ้องมองลู่หยางอย่างโกรธแค้น เขาพูดว่า “ไอ้เด็กระยำ! เจ้านี่มีลูกเล่นมากนักนะ หมัดเดียวของข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าได้!”
หลังจากครั้งนั้นแล้ว หลี่ซิ่วไม่มีโอกาสอีก เพราะต้าเฮ่ย และราชาราชสีห์คลั่งขนทองเมื่อเห็นลู่หยางได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกมันรีบพุ่งมาอยู่ข้างๆคอยคุ้มครองลู่หยาง แม้หลี่ซิ่วจะมีลูกเล่นอีก มันก็จะทำร้ายลู่หยางไม่ได้อีก
ลู่หยางอดทนต่อความเจ็บปวด เขากัดฟันลุกขึ้นยืนเขาบอกต้าเฮ่ยและราชาราชสีห์คลั่งขนทองว่า “ต้าเฮ่ย ราชาราชสีห์ เร็วเข้า รีบลงมือ อย่าปล่อยให้มันหนีไป!”
“เฮ้ เฮ้! อยากฆ่าข้านักรึ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก!”
หลี่ซิ่วหัวเราะ และทันใดนั้นมันก็แยกตัวเป็นอิสระจากสภาพร่างกายของมัน เหลือเพียงแค่สัตว์เลี้ยงสงครามอยู่ที่เท้าของหลี่ซิ่ว มันป็นตัวนิ่มตัวเล็กๆแต่พลังวิญญาณที่มันปล่อยออกมาไม่น้อยเลย มันไม่รอให้ต้าเฮ่ยและราชาราชสีห์คลั่งขนทองเล่นงานมันก่อน มันชิงมุดลงดินไปก่อน หลุมที่มุดลงไปนั้นไม่ได้สัดส่วนกับขนาดตัวของมันเพราะทันใดนั้นก็ปรากฏเท้าของหลี่ซิ่วขึ้นมา
“ลาก่อน ไอ้หนู!”
หลี่ซิ่วไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง มันคลานไปเกาะหลังตัวนิ่มแล้วพากันกระโดดลงไปในหลุมหนีหายไปในพริบตาเดียว