ระบบสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง - ตอนที่ 56
SB:ตอนที่ 56 ก่อนวันอสูรบุก
“โอ้?” ลู่หยางหันไปเห็นหน้าของหลอหยุนชาน เขาถาม “ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้ก็สายมากแล้ว ข้าคงไม่กวนท่านดีกว่า หากข้ามีเวลาพวกข้าจะมาเยี่ยมท่านใหม่”
เขากล่าว “ลาก่อน!”
เขาพาเตี๋ยซู่จากไปโดยไม่หันมอง
“พี่หยาง ทำไมท่านรีบออกมาเช่นนี้ล่ะ ท่านไม่คิดหรอสตรีนางนั้นงดงามมากนะ?” เตี๋ยซู่กล่าวถาม
ลู่หยางกรอกตามองมันและกล่าว “เจ้าไม่รู้สึกหรอว่าพวกเขาไม่ชอบพวกเรา?”
“และเจ้ารู้ไหมนางเป็นใคร?”
“อย่างเก่งนางก็เป็นเพียงสตรีงามแค่นั้น มีอะไรน่าภูมิใจ?” เตี๋ยซู่ยิ้มและกล่าว แต่ในใจเขาต้องยอมรับว่าเขาไม่เคยเห็นสตรีไหนสวยเท่านี้มาก่อน
ทว่า เขารู้สึกว่าตัวเขานั้นไม่มีหวัง ในความคิดเขา ลู่หยางนั้นมีโอกสชนะใจสตรีนางนี้ได้ ขนาดหลี่ซิ่วเขาก็เอาชนะมาแล้ว
ลู่หยางส่ายหัวกล่าว “น้องข้า เจ้าพึ่งมาที่นี่ แน่นอนว่าเจ้าไม่รู้จักนาง นางคือสตรีอันดับหนึ่งในซียงหยาง และผู้ฝึกอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นนี้
“ทีนี้บอกข้าสิ เหตุใดพวกเขาจะต้องชอบบ้านนอกอย่างเราด้วย?”
“จริงรึ?” แต่พี่หยาง ท่านกระทั่งเอาชนะหลี่ซิ่วมาแล้วนะ ท่านจะสู้นางไม่ได้เชียวหรือ?”
“ในสายตานาง หลี่ซิ่วก็แค่มดปลวก ด้วยสถานะของเขา เขาไม่กล้าเทียบกับนางหรอก!” ลู่หยางกล่าว
ด้วยฐานะของหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ หลอหยุนชานถือเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในเซียงหยาง ด้วยตัวมันดูแลตระกูล ตระกูลหลอย่อมเป็นตระกูลที่แกร่งที่สุดในสามตระกูลใหญ่ แม้ผู้ครองแคว้นยังต้องไว้หน้าตระกูลหลอ ไม่ต้องพูดถึงคนด้อยค่าเช่นหลี่ซิ่ว บัดนี้พายุกำลังมา ปีศาจอเวจีปรากฏตัวขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้ยังมีอสูรคลั่งจากหุบเขาเทวะร่วงหล่น ลู่หยางเริ่มมองเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างในหุบเขาเทวะร่วงหล่น
หากมันเป็นอสูรอเวจีนั่นเป็นต้นเหตุ ข้าเกรงว่าทั้งแคว้นเซียงหยางจะลุกเป็นไฟ ณ ตอนนั้น ไม่มีใครช่วยใครได้ แต่ละคนต้องดูแลตัวเองเท่านั้น
ในบ้านตระกูลหลอ
หลออู๋ฮวงนำสารลับจากลู่หยางมาอ่าน เมื่อนางเห็นข้อความ แม้คนเช่นหลอหยุนชานยังตกตะลึง
“ผนึกเริ่มอ่อนกำลัง ปีศาจอเวจีเริ่มปรากฏขึ้นในแผ่นดินมนุษย์ พวกมันพยายามที่จะปฏิวัติและครอบครองแคว้นเซียงหยาง และคลายผนึกอเวจี!” เพียงประโยคสั้นๆ แต่ลายมือในสารลับนั้นทำให้หลอหยุนชานไม่อาจปฏิเสธได้
“นี่มันลายมือ หลิวกงหมิง!” เมื่อเห็นชื่อ หลอหยุนชานตกตะลึง
หลออู๋ฮวงย้อนคิดในอดีต และนึกถึงเรื่องราวเกี่ยวกับคนผู้นี้ นางถึงเข้าใจเหตุใดบิดานางถึงตกตะลึง
หลิวกงหมิงเป็นผู้อาวุโสจากหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ ตระกูลหลิว เขาเข้าไปในหุบเขาเทวะร่วงหล่นเพื่อตามหาที่อยู่ของปีศาจอเวจี แต่เขาไม่ได้กลับออกมาอีกเลย
พูดถึงความแข็งแกร่งของหลิวกงหมิง เล่ากันว่าเขาเป็นผู้ฝึกอสูรชั้นสูง บัดนี้เขาส่งข่าวเกี่ยวกับปีศาจอเวจีออกมา เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นข่าวปลอม
หลังจากอ่านสารลับ หลอหยุนชานคิดหนัก หลออู๋ฮวงกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “ใจกลางแคว้นเป็นจุดที่สำคัญที่สุดของแคว้นเซียงหยาง ไม่เพียงแต่พวกเรา ตระกูลอื่นๆจะช่วยปกป้องด้วย มันไม่ง่ายนักหรอกที่จะชิงไป”
“อู๋ฮวง” หลอหยุนชานกล่าว “เจ้าอย่าดูถูกพลังของปีศาจอเวจีจะดีกว่า อีกอย่างเจ้าไม่รู้ว่าภายใต้หุบเขาเทวะร่วงหล่นมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวอยู่ แม้กระทั่งข้าก็ไม่ใช่คู่มือพวกมัน”
หลออู๋ฮวงกล่าวขณะขมวดคิ้ว “ท่านพ่อ หรือท่านกำลังพูดถึงราชสีห์ขนทองหกเนตรและอสูรอีกสองตนข้างใน?”
“ถูกแล้ว” ดวงตาของหยุนชานลุกวาว เขากล่าวต่อ “ฝูงอสูรครานี้ หากเราสู้อสูรร้ายทั้งสองนั่น ข้าเกรงว่าด้วยพลังของทุกคนในแคว้นเซียงหยางรวมกันก็อาจรับมือแทบไม่ไหว
แต่หากปีศาจอเวจีฉวยโอกาสเข้ามา ใครจะป้องกันใจกลางแคว้น?” นี่ไม่ใช่เหตุผลที่มันตื่นกลัว แม้พวกมันจะทรงพลังแต่เมื่อตอนเขาเป็นเด็ก หลอหยุนชานก็เคยสู้กับพวกมันมาแล้ว
เพียงแค่รับรู้แผนการของปีศาจอเวจีก็ทำให้เขาตกใจกลัวแล้ว
บางทีอู๋ฮวงกับพวกรุ่นลูกจะยังไม่รู้ แต่เขาเข้าใจดี เหตุผลที่แคว้นเซียงหยางถูกสร้างที่ชายขอบของหุบเขาเทวะร่วงหล่นก็เพื่อป้องกันมัน
เพราะลึกเข้าไปในหุบเขา มันมีผนึกอยู่และสิ่งที่ถูกผนึกก็คือพรรคปีศาจอเวจี ทุกๆสิบปียอดฝีมือในแคว้นจะรวมตัวกันและเข้าไปในหุบเขาเพื่อเสริมพลังของผนึก
ใจกลางแคว้นคือแก่นของแคว้น มันมีพลังที่สามารถดูแลทั้งสี่มุมของแคว้นได้ หากสงครามเกิดขึ้นมามันสามารถเสริมพลังของพรรคมนุษย์ได้ ระดับของหัวใจแคว้นแบ่งเป็นต่ำถึงสูง ระดับสาม สอง และหนึ่ง เหนือกว่านั้นคือแคว้นบรรพกาลที่แข็งแกร่งที่สุด
หัวใจของแคว้นนั้นมีหน้าที่เสริมพลังผนึกและเป็นหนทางที่จะคลายผนึกเช่นกัน ยิ่งระดับหัวใจแคว้นสูง มันยิ่งมีประโยชน์
ยิ่งกว่านั้นหลอหยุนชานรู้ว่าหัวใจแคว้นที่กล่าวในสารลับไม่ได้พูดถึงแคว้นเซียงหยางแต่เป็นแคว้นหลักในอดีต ทว่าด้วยเวลาที่ผ่านมานานหัวใจของแคว้นหลักนั่นได้แหลกสลายไปแล้ว และแคว้นหลักนี่ถูกตั้งอยู่ในแคว้นเซียงหยาง สิ่งที่พวกปีศาจอเวจีต้องการคือหัวใจที่แหลกสลายของแคว้นหลัก ตราบเท่าที่พวกมันได้ไป เป็นไปได้ว่ามันจะสามารถคลายผนึกในหุบเขาเทวะร่วงหล่นได้ ถึงตอนนั้น ปีศาจอเวจีที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นจะปรากฏขึ้นมาพร้อมกับการนองเลือด
ถึงเวลาส่งข่าวพวกเฒ่าจากตระกูลอื่นรู้แล้ว “หลังจากหลายปีที่พวกมันไม่ได้ทำอะไรเลย ถึงตอนที่จะออกกำลังหน่อยแล้ว”
อู๋ฮวงกล่าว “ท่านพ่อ ให้ข้าไปเถอะท่านสุขภาพไม่ดีอยู่”
“เจ้าเริ่มดูถูกสุขภาพข้าแล้วรึ?” หยุนชานแกล้งโมโหขึ้นมา “พ่อเจ้าไม่เป็นอะไรหรอก แต่เซียงหยางแห่งนี้ยังไม่อาจแยกจากข้าได้ ข้ามีงานอื่นให้เจ้าทำ เจ้าไม่ต้องยุ่งเรื่องของข้าหรอกน่า”
เขามอบหมายภารกิจให้อู๋ฮวงขณะที่เขาเตรียมรับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น
ลู่หยางรู้สึกคิดถูกที่ไม่ได้อยู่ต่อในตระกูลหลอแต่กลับมาที่บ้านของเขาเอง
หลังจากสู้กับหลี่ซิ่วเขารับกระบวนท่าสุดท้ายของหลี่ซิ่ว แม้เขาจะเตรียมตัวแล้วก็ตามแต่บาดแผลเขาไม่เบาเลย เขานำเม็ดยารักษาออกมาและโยนเข้าปาก เม็ดยาเริ่มออกฤทธิ์รักษา ความเจ็บปวดค่อยๆหายไป
“ข้าไม่คิดว่าเม็ดยานี้จะเห็นผลดีขนาดนี้ ดูเหมือนข้าต้องเตรียมไว้เพิ่มในอนาคตแล้ว” ลู่หยางกล่าว
ลู่หยางและหยูชานนอนจนฟ้าสางและตื่นขึ้นมา
หลังจากมาที่ตำหนักเมฆาม่วง เขาพบว่าวันนี้มีผู้คนมากมาย เขาเห็นคนมาจากต่างเมืองและบางคนเป็นคนคุ้นหน้าที่เขาเคยเห็น
ลู่หยางมองไปที่ฝูงชน ดูราวกับพวกมันกำลังหนีเอาตัวรอด เขาพบว่าพวกมันกำลังหนีเข้ามาที่แคว้นเซียงหยาง เมืองเล็กๆต่างๆรีบรุดเข้ามาที่แคว้นเซียงหยาง มันทำให้ที่นี่เริ่มแออัด
ลู่หยางสงสัยเล็กน้อยเกี่ยวกับหุบเขาเทวะร่วงหล่น เขาคิดถึงเหตุผล แน่นอนว่าพวกนักล่าในเมืองชิงหยางก็เหมือนกับพวกมันถูกอสูรร้ายโจมตีจึงหนีเข้ามาในเซียงหยาง
เขาทนเห็นพวกคนในเมืองที่เขาจากมาแบบนี้ไม่ได้ เขาไปที่บ้านซุนวูและส่งข่าวนี้ เมื่อได้ยินข่าว ซุนวูตะโกน “อะไรนะ! หุบเขาเทวะร่วงหล่นจะมีอสูรบุกออกมา! ไม่ใช่ว่าเหลือเวลาอีกเดือนหรอกรึ พ่อข้ายังเตรียมอาหารไม่เสร็จเลย ?”
ต้องรู้ว่าหลายปีที่แล้วเมื่ออสูรบุก ทุกคนจะซ่อนตัวในแคว้นและผู้นำเมืองจะเตรียมอาหารการกินให้ชาวเมืองขณะที่หลบซ่อนตัว เพียงแต่ครานี้มันกะทันหัน บิดาของเขายังไม่ทันเตรียมอาหารเสร็จเลย
“ไปเถอะน้องชาย ไปดูสถานการณ์กัน!”ซุนวูดึงลู่หยางออกไปดูเหล่าผู้อพยพ
ลู่หยางชี้ไปที่ถนนตรงหน้าตำหนักเมฆาม่วง “ผู้อพยพปัจจุบันอยู่ตามท้องถนน พวกเขามีมากมาย ข้าไม่อาจช่วยพวกเขาได้ ข้าจึงมาบอกพี่ซุนวู”