ระบบสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง - ตอนที่ 60
SB:ตอนที่ 60 เทพเจ้าแห่งการฆ่าฟัน
ดังเช่นการปรากฏตัวของนกประหลาด แม้พวกมันจะไม่ดุร้ายเท่า แม้พวกมันจะมีเพียงสายเลือดธรรมดา แต่พวกมันมีจำนวนมหาศาล เพียงแค่พยัคฆ์เพลิงสีชาดตัวเดียวมิอาจเอาชนะได้
ผู้อาวุโสตำหนักเมฆาม่วงเองก็ตระหนกกับการโจมตีของนกประหลาดพวกเขาต่างเรียกอสูรของตนเองออกมาป้องกัน
ทว่าจำนวนของนกประหลาดมีมากเหลือเกิน พวกเขาแต่ละคนต้องรับมือกับนกอย่างน้อยสิบตัว สิ่งที่น่ารำคาญสำหรับนกประหลาดนี่คือมันบินได้และต่อให้มันเอาชนะพวกเขาไม่ได้มันก็หนีได้
ลู่หยางมองดูสถานการณ์โดยรอบที่นกประหลาดถูกฆ่าพร้อมๆกับพรรคพวกของเขาที่ตายไป สีหน้าเขามืดมนลง
ที่แห่งนี้คือตำหนักเมฆาม่วงและเป็นจุดที่ครึกครื้นที่สุดในแคว้น ผู้คนจำนวนมากอยู่ที่นี่และเมื่อนกประหลาดโจมตี พวกเขาหลายคนไม่อาจหนีรอดได้
นกประหลาดนั้นมิอาจทำอะไรกับพวกลู่หยางได้และบางตัวถูกเขาฆ่า พวกมันจึงเล็งไปที่คนธรรมดาแทนที่ไม่มีทางสู้
เมื่อลู่หยางเห็นดังนี้เขาตะโกน “ไม่ได้การแล้ว!”
ร่างเขาทะยานราวกับลูกเกาทัณฑ์พุ่งไปหานกประหลาด ท่ามกลางเหล่าผู้คนนี้ บางคนเป็นเพื่อนเขาหากพวกเขาถูกโจมตี เพียงแค่กระบวนท่าเดียวจากนกประหลาดก็สามารถเอาชีวิตพวกเขาได้ ลู่หยางมองไปที่นกด้วยสายตาอาฆาต เขาทำได้เพียงมองคนถูกฆ่าใต้กรงเล็บนกประหลาด จิตอาฆาตพุ่งพล่านในอกเขา ดวงตาเขาแทบเปลี่ยนเป็นสีเลือด
เขากำหมัดแน่นด้วยความโกรธ และชกไปที่หัวของนกประหลาด
“ข้าจะบอกเจ้าไว้ซะ” ลู่หยางปรากฏตัวต่อหน้านกประหลาด
“อย่าทำร้ายพวกเขา!” เขายกหมัดของเขาชกไปที่หัวของนกประหลาด
เขาใช้กำลังทั้งหมดที่มีกระทั่งเพลิงสีชาดก็ถูกจุดขึ้นมาด้วยกำลังสี่หมื่นจิน แม้อสูรชั้นยอดก็ไม่อาจต้านทานได้ ไม่ต้องพูดถึงนกธรรมดา
นกนั่นถูกบดเป็นชิ้นๆในพริบตา นกประหลาดที่เหลือเห็นความร้ายกาจของลู่หยางและกลัวหัวหดมันพยายามที่จะหนีกัน ลู่หยางมองด้วยแววอาฆาต “เจ้าฆ่าคนไปและยังอยากจะหนีรึ?”
เพลิงสีชาดพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าและนกสามตัวถูกเผาจนไหม้เกรียม ร่างของมันร่วงหล่นลงมา
กลิ่นหอมฉุนของร่างที่ไหม้เกรียมทั้งสามก่อให้เกิดความตื่นเต้น พวกเขาบางคนเข้าไปฉีกกินเนื้อนกประหลาด เขาตื่นเต้นมากและตะโกน “ทุกคนมาลองชิมเนื้อนี่สิ มันอร่อยเหลือเกิน!”
ลู่หยางหน้าแดงด้วยความเขิน เขาไม่คาดว่าความโกรธของเขาจะก่อให้เกิดเรื่องดีเช่นนี้ พวกเขาหลบหนีมาและบางคนไม่ได้กินมาทั้งวัน ยิ่งกว่านั้นคุณภาพของเนื้อนกประหลาดนี่ดีกว่าเนื้ออสูรธรรมดา ยิ่งถูกเผาด้วยเพลิงสีชาดที่คุณภาพสูงแล้ว รสชาติของนกนี่เยี่ยมยอดไม่มีที่ติ
กลุ่มคนเริ่มแย่งชิงเนื้อนกกันบนถนนพวกมันต่างกลัวว่าจะกินไม่อิ่ม โทสะของลู่หยางเริ่มจะหายไป เขากล่าวกับตัวเอง
“บางที พวกเราคงต้องพึ่งเนื้ออสูรพวกนี้ในการอยู่รอดแล้วล่ะ” เขามองขึ้นดูมันยังมีนกจำนวนมากที่บินอยู่บนฟ้า และเขายังได้รับข่าวจากด้านหน้า การต่อสู้ที่ประตูเมืองนั้นร้ายแรงมาก กองทัพอสูรเสริมกำลังเข้ามาอย่างต่อเนื่องพยายามที่จะทะลวงเข้าสู่ภายในตัวแคว้น
เมื่อประตูเมืองพังลง เหล่าอสูรจะรุกล้ำเข้ามาด้านในราวน้ำป่า แคว้นเซียงหยางจะเต็มไปด้วยซากศพและทะเลเลือด
“ไม่ได้ ข้าจะไม่ปล่อยให้แคว้นเซียงหยางกลายเป็นเช่นนั้น!”
ลู่หยางไม่สนใจนกประหลาดนั่นและเดินไปที่ประตูเมือง นกประหลาดที่นี่กว่าครึ่งได้ถูกกำจัดไปแล้ว และยอดฝีมือจากตระกูลต่างๆถูกส่งมาปกป้องชาวเมือง ดังนั้นมันไม่มีความหมายที่เขาจะอยู่นี่ต่อ แต่สถานการณ์ที่ประตูเมืองนั้นคับขันกว่านี้
ลู่หยางเดินไปบนถนนหลักราวกับลม ระหว่างทางเขาพบนกประหลาดพยายามโจมตีผู้คน เขาจึงฆ่ามันด้วยเพลิงสีชาด
ทว่า ทุกครั้งที่เขาฆ่านก ซากศพของมันจะถูกช่วงชิงโดยชาวเมืองทันที เขาหัวเราะในใจ ช่างน่าสมเพชนกพวกนี้จริงๆ เมื่อตอนมันเป็นมันบินบนท้องฟ้า เมื่อมันตายมันกลายเป็นอาหารให้คนอื่น
ลู่หยางโดดขึ้นไปในอากาศและร่อนลงบนหลังของนกประหลาด และเหยียบหลังนกโดดขึ้นไปอีกทีบนกำแพงเมือง
“ใครกันน่ะ!”
“ไปช่วยเพื่อนของเจ้าซะ!”
ลู่หยางไม่สนใจศิษย์รุ่นเยาว์และผลักพวกเขาไป เขามาหยุดยืนที่ข้างประตูเมืองเพื่อดูสถานการณ์
หลอชิงหัวหันไปมองโดยรอบและไม่เห็นใครอื่นนอกจากลู่หยาง เขาสงสัย “เจ้าเป็นคนเดียวที่มาช่วยหรือ?”
ลู่หยางตอบ “ถูกแล้ว เจ้าต้องการคนเพิ่มอีกกี่คนล่ะ?”
“จะมีประโยชน์อะไรที่เจ้ามาคนเดียว!” ด้านหลังหลอชิงหัว ศิษย์ตระกูลหลอตะโกนอย่างโกรธเคือง
พวกมันต่างเป็นฝ่ายดูถูกคนอื่นมาตลอด เมื่อได้ยินน้ำเสียงของลู่หยาง พวกมันจึงโกรธและดูถูกเขา “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร โอ้อวดต่อหน้าพี่ใหญ่หลอชิงหัวของเรา?”
“ข้าจะมีความสามารถหรือไม่ เดี๋ยวรู้กัน แต่ถ้าอาศัยเพียงเจ้า ข้าเกรงว่าประตูเมืองจะอยู่ได้อีกไม่นาน” ลู่หยางกล่าวอย่างเย็นชา ไม่สนใจเสียงนกเสียงกา
เขาโดดลงจากประตูเมือง นายน้อยที่มองดูตระกูลหลอต่างตะลึง ข้างล่างนั้นเป็นกองทัพอันเกรียงไกรนับพัน พวกมันต่างเป็นอสูรร้าย แม้หลอชิงหัวไม่กล้าที่จะลงไปด้วยตัวมันเอง ไม่มีใครกล้าที่จะโดดลงไปด้วยตนเอง
พวกเขาราวกับได้ยินเสียงร้องครวญครางและภาพของลู่หยางถูกฉีกทึ้งแล้วเมื่อเห็นเขาโดดลงไป
“เขาปัญญาอ่อนรึเปล่า?”
“ดูท่าทางเขาเมื่อครู่ ข้านึกว่าเขาจะมีดี ข้าไม่คิดว่าเขาจะปัญญาอ่อน”
“ดูเหมือนเราไม่มีอะไรทำอยู่แล้วนี่ พวกเรารอดูว่าเขาจะตายยังไงกันเถอะ”
ลู่หยางได้ยินทุกสิ่งที่พวกมันพูดกัน รอยยิ้มเย็นปรากฏขึ้นในใจก่อนที่เขาจะมองไปที่อสูรตรงหน้า ความจริงแล้วก่อนที่เขาจะลงมา เขาได้คาดการณ์สถานการณ์เช่นนี้แล้ว อสูรนับหมื่นดูเหมือนจะน่ากลัว แต่มันไม่ได้แข็งแกร่งมากในความเป็นจริง พวกมันอ่อนแอกว่านกประหลาดมาก พวกมันเป็นเพียงอสูรชั้นต่ำ ลู่หยางไม่มองพวกมันในสายตาด้วยซ้ำ
เขาอัญเชิญพยัคฆ์เพลิงสีชาดและต้าเฮยออกมา ที่นี่ไม่มีตาเฒ่าคอยดูอยู่ เขาไม่ถูกจับตามองอีกต่อไป แต่เขาไม่ได้เรียกราชสีห์คลั่งขนทองออกมา เขากลัวว่าสหายบนประตูเมืองจะจำมันได้
“ต้าเฮย แสดงพลังที่แท้จริงของเจ้าให้พวกมันเห็น” ลู่หยางลูบหัวต้าเฮยและกล่าว
ต้าเฮยกระโจนไปที่อสูรตรงหน้าเมื่อได้รับคำสั่ง มันใช้แค่กำลังในการฉีกทึ้งอสูรตรงหน้า ไม่ใช้ความสามารถพิเศษด้วยซ้ำ พยัคฆ์เพลิงสีชาดเองก็ไม่น้อยหน้า ขนทัว่ร่างมันราวกับลุกเป็นไฟราวกับเสือในฝูงแกะกรงเล็บมันฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง จากสัตว์เลี้ยงอสูรร้อยตัว บัดนี้พวกมันเหลือเพียงห้าสิบแทบจะต้านการบุกของเหล่าอสูรไม่ไหว แต่บัดนี้ด้วยต้าเฮยและพยัคฆ์เพลิงสีชาด พวกเขาเริ่มผ่อนคลาย
“สรุปเจ้านี่มีอสูรสองตัว ไม่แปลกที่มันกล้าถึงเพียงนี้!”
“บอกข้าหน่อย เมื่อเทียบกับพี่ชิงหัว อสูรของใครแข็งแกร่งกว่ากัน?”
ทันทีที่เขาพูดจบ มีมือนับไม่ถ้วนตบไปที่หัวของเขา และบางคนด่าขึ้น “นี่สมองเจ้าเอ๋อหรือเปล่า อสูรของพี่ชิงหัวเป็นสายเลือดชั้นยอดและอสูรระดับกลางทั้งนั้น เจ้าเด็กนั่นจะเทียบได้ยังไง?”
ทว่าพวกมันไม่เห็นว่าบัดนี้ใต้กำแพงเมือง มีเพียงต้าเฮยและพยัคฆ์เพลิงสีชาดที่กระโจนไปมาอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ สำหรับสัตว์เลี้ยงอสูรสามหัวของหลอชิงหัวนั้น มันหลบซ่อนด้านหลังต้าเฮย คอยจัดการอสูรบาดเจ็บอยู่
แม้พวกมันมีสายเลือดชั้นยอดเหมือนกัน แต่ภายใต้แสงอันเฉิดฉายของต้าเฮยและพยัคฆ์เพลิงสีชาด อสูรสามตนนั้นดูมืดหมอง ไม่ว่าจะในด้านรูปลักษณ์หรือความสามารถ พวกมันด้อยกว่าต้าเฮยอย่างเห็นได้ชัด
หลอชิงหัวมองไปที่ต้าเฮยอย่างว่างเปล่า เหล่าอสูรคลั่งตรงหน้าราวกับเป็นเพียงกระดาษเมื่อเจอกับต้าเฮย ต้าเฮยคำรามและเมื่อรังสีของชั้นจักรพรรดิ์แผ่ออก อสูรบางตัวไม่กล้าที่จะขยับ พวกมันยืนนิ่งรอถูกต้าเฮยเชือด
หลอชิงหัวขมวดคิ้ว เขาอดคิดในใจไม่ได้ “แคว้นเซียงหยางเรามียอดอัจฉริยะเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อสูรสองตนของเขาไม่ใช่ระดับต่ำแน่ โดยเฉพาะสุนัขสีดำนั่น!”
สายตาเขาไม่คลาดจากต้าเฮย ไม่เพียงเขาตกตะลึง แต่เขายังมีความโลภ หลอชิงหัวเป็นยอดฝีมือเขารู้ต้าเฮยนั้นไม่ธรรมดา เขาสงสัยว่าต้าเฮยนั้นเป็นอสูรชั้นจักรพรรดิ อสูรประเภทนี้ มีเพียงหลออู๋ฮวงที่มี แม้เขาจะเป็นยอดฝีมือแต่เขาทำได้เพียงอิจฉาเธอ
“หากมีโอกาส ทำไมไม่ทำข้อตกลงกับเจ้านี่หล่ะ!” หลอชิงหัวคิดในใจ