ระบบสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง - ตอนที่ 63
SB:ตอนที่ 63 หอคอยเมืองพังทลาย
“นำเกาทัณฑ์เทพเพลิงมาให้ข้าอีกรอบ!” ลู่หยางตะโกน
ก่อนหน้านี้พวกเขามีคนไม่พอจึงใช้ได้เพียงแค่เกาทัณฑ์เทพเพลิงสิบคัน แต่บัดนี้เขามีคนมากพอแล้ว หากมีเกาทัณฑ์เพียงพอ สัตว์อสูรด้านล่างจะไม่น่ากลัวเลย
“เจ้ายังมีเกาทัณฑ์เทพเพลิงอีกหรือไม่?” ซุนวูยิ้มและถามหลอชิงหัว
“มีๆ ข้ามี!” หลอชิงหัวตอบรับทันทีกลัวว่าหากตอบรับช้า ซุนวูจะไม่พอใจ
เย่ ซิเฉินส่งคนไปนำเกาทัณฑ์เทวะเพลิงออกจากคลังแสงในเมือง มันมีทั้งหมดสามสิบสองคัน แม้มันจะไม่เพียงพอต่อทุกคน แต่เมื่อพวกเขายิงพร้อมกันทั้งหมด มันจะลุกเป็นทะเลเพลิง
ซุนวูหัวเราะ เขาไม่เคยใช้เจ้านี่มาก่อน เขาจึงรีบขึ้นไปประจำที่เหนี่ยวสายและง้างสายเกาทัณฑ์ด้วยมือเดียว เกาทัณฑ์ที่พวกมันต้องใช้คนสี่คนในการง้างสาย ถูกซุนวูทำได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ศรเกาทัณฑ์พุ่งแหวกอากาศด้วยเสียง ซู่ว เพลิงแผดเผาอย่างรุนแรง เกาทัณฑ์นี่ถูกสร้างมาด้วยวัสดุแหลมคมสำหรับต่อกรกับอสูร แม้จะพุ่งทะลุอสูรตัวแรกมันก็ยังไม่หยุด มันพุ่งทะลุอสูรอีกสองตน อสูรสามตนถูกศรแทงทะลุติดกัน มันช่างเป็นภาพที่สวยงาม
“นี่หรือพลังของพี่ใหญ่ซุนวู พลังของศรนี้มันราวกับป้อมปราการเลย!” ลู่หยางหัวเราะและกล่าว ใจของเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณต่อสู้
เมื่อเห็นซุนวูปลดปล่อยพลังเทวะของเขาแล้ว ลู่หยางคันไม้คันมือ เขาอยากจะรู้ว่าเขาจะยิงเกาทัณฑ์ได้ทรงพลังแค่ไหน ด้วยพลังสี่หมื่นจินของเขา
“น้องชาย ลุกออกมา ให้ข้าลองพลังของเกาทัณฑ์เทพเพลิงนี่หน่อย!” ลู่หยางหัวเราะและดึงเกาทัณฑ์มาจากมือของศิษย์ตระกูลหลอ
“น้องชาย เจ้าลองมันด้วยสิ มาดูกันว่าพวกเราใครมีพลังมากสุด!”
ลู่หยางนำเกาทัณฑ์เทพเพลิงจากมือของชายคนหนึ่ง เขาลองเหนี่ยวสายเกาทัณฑ์และพบว่ามันแข็งแรงยิ่งกว่าเอ็นวัวเสียอีก
“น้องชาย สายธนูนี่ไม่ได้ทำมาจากวัสดุธรรมดาทั่วไป ไม่งั้นทำไมมันถึงต้องใช้ผู้ฝึกอสูรสามถึงห้าคนในการง้างสายหล่ะ?”
“อสรพิษหลินเพลิง ข้าเข้าใจแล้ว สายธนูนี่ทำมาจากเอ็นของอสรพิษหลินเพลิงใช่มั้ย?” ยิ่งลู่หยางมองดูมัน เขายิ่งรู้สึกว่าต้องใช่แน่ๆ
มีเพียงเอ็นของอสรพิษหลินเพลิงที่จะให้ความรู้สึกร้อนเมื่อสัมผัส มันแข็งแรงกว่าเอ็นวัวธรรมดาร้อยเท่า ไม่แปลกที่มันต้องใช้ผู้ฝึกอสูรสามถึงห้าคนในการง้างสาย และมันยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะง้างสายจนเป็นรูปจันทร์เต็มดวงเช่นซุนวู
“น้องชาย หายใจลึกๆ รวบรวมพลังดีดีและลองอีกครั้ง บางทีเจ้าจะทำจันทร์เต็มดวงได้” ซุนวูกล่าวด้วยประสบการณ์เขา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้เกาทัณฑ์นี่ ขณะพูดซุนวูง้างสายจนเป็นจันทร์เต็มดวงอีกรอบนึง
“ข้าต้องทำได้แน่” ลู่หยางกล่าว เขารวบรวมพลังไว้ที่ฝ่ามือ และเขาปลดปล่อยกำลังสี่หมื่นจินออกมาทั้งหมด เอ็นอสรพิษหลินเพลิงไม่อาจทนพลังลู่หยางได้จนง้างออกเป็นรูปจันทร์เต็มดวง “ตู้ม” ศรเทพเพลิงพุ่งไปในกลุ่มสัตว์อสูร ศรเหล็กกล้าพุ่งทะลุอสูรสามตัวและจุดเพลิงขึ้น อสูรทั้งหมดในทางผ่านลุกเป็นไฟ
“เกิดอะไรขึ้น น้องชาย เจ้าทำได้อย่างไร?”
คำตอบก็คือเพลิงสีชาดอย่างแน่นอน
วินาทีที่ศรเทพเพลิงถูกปล่อยออก เพลิงสีชาดปะทุขึ้นจากฝ่ามือลู่หยาง เขาผสานพลังของทั้งสองอย่างง่ายดาย ทำให้พลังของศรเทพเพลิงทวีคูณสอง ณ ตอนนี้แม้ซุนวูก็ไม่อาจยิงศรที่ทรงพลังได้เช่นนี้
ลู่หยางหัวเราะอย่างซุกซนขณะที่เขาสัมผัสเพลิงสีชาดในมือและกล่าว “พี่ใหญ่ซุนวู เพราะนี่ไงล่ะ!”
เขาโยนลูกเพลิงสีชาดลงไปในกลุ่มอสูร สร้างทะเลเพลิงขึ้นมา ซุนวูมองดูอย่างโง่งม ชัดเจนว่ามันเป็นทักษะติดตัวของสัตว์เลี้ยงอสูร แต่มันปรากฏขึ้นบนมือของลู่หยางอย่างไม่น่าเชื่อ
“เจ้าน้องคนนี้ หรือว่าพรสวรรค์โดยกำเนิดของเขาจะสูงกว่าของข้ากันแน่? หรือข้าควรพูดว่า…” ซุนวูคาดเดาในใจ เขาไม่อาจทำใจเชื่อว่ามันเป็นความสามารถที่ผู้ฝึกอสูรชั้นกลางจะมีได้ เมื่อมองไปที่ลู่หยางเขามีความแปลกประหลาดในแววตา
ราชสีห์ขนทองหกเนตรยืนอยู่บนเขาและมองศรเทพเพลิงที่แผดเผากองทัพอสูร และขมวดคิ้ว เขากล่าวอย่างไม่พอใจ “พวกเฒ่านั่นยังไม่ทันลงมือเลย กระนั้นพวกมันยังไม่อาจบุกฝ่าประตูเมืองได้รึ?” ดูเหมือนข้าประเมินพวกเด็กน้อยนี่ต่ำไปหน่อย”
“งั้นเจ้าลงมือเอง อย่าลืมที่เจ้าพูดล่ะ”
ราชสีห์ขนทองหกเนตรหัวเราะขึ้น “ข้าจะลืมได้ไงล่ะ หากข้าบอกว่าประตูเมืองต้องพัง มันก็จะพัง แม้พวกเฒ่านั้นจะลงมือก็ตาม!” ท่ามกลางหกเนตรบนหน้าผากของราชสีห์ หนึ่งในนั้นแวววาวด้วยแสงประหลาดและมันเปิดออก ลำแสงทองพุ่งขึ้นฟ้าไปที่หอคอยเมืองเซียงหยาง
ลู่หยางและพรรคพวกกำลังดื่มด่ำกับการฆ่าฟัน เมื่อพวกเขาเห็นลำแสงสีทอง พวกเขาตกตะลึง “แย่แล้ว นี่มันอะไรกัน”
ยิ่งกว่านั้นมันเล็งไปที่หอคอยประตูเมือง
“ไม่ดีแล้วพี่ซุนวู ทุกคนหนีไปเร็ว!” ลู่หยางตะโกน เขาไม่สนคนอื่นอีกต่อไปเขาดึงซุนวูและโดดลงไปจากหอคอย
เขาควบคุมพวกศิษย์ตระกูลหลอไม่ได้ ร่างทั้งสองของเขาอยู่กลางอากาศขณะที่ลู่หยางเปิดระฆังทองคำอมตะขึ้น ก่อนที่ลำแสงสีทองจะมาถึง เขาร่อนลงที่พื้นอย่างมั่นคง
มีเสียงดังกึกก้องขึ้น ลู่หยางยังไม่ทันยืนหยัดอย่างดี ขณะที่ลมแรงมหาศาลพัดเขาทั้งสอง แต่พวกเขาได้ระฆังทองคำอมตะป้องกันไว้ ทว่า มันไม่อาจป้องกันผลกระทบได้อย่างสิ้นเชิง แรงปะทะเบาบางปะทะเข้าที่หลังพวกเขา พวกเขากระเด็นไปร้อยเมตร ลู่หยางคลานออกมาจากกองฝุ่น มองไปที่ระฆัง เขาอดตกตะลึงไม่ได้
“สวรรค์!” มันแรงถึงขนาดนั้น แม้ระฆังทองคำอมตะก็เกือบจะพังไปแล้ว
เขาปัดฝุ่นที่หน้าอก เขารู้สึกเจ็บ หน้าอกเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด
“พี่ซุนวูหายไปไหน? พี่อยู่ไหน พี่ซุนวู” เขาไม่เห็นร่องรอยซุนวู เขาจึงตะโกนขึ้น
เมื่อเขาทั้งสองได้ระฆังปกป้อง พวกเขาเน่าจะกระเด็นมาด้วยกัน เขารู้สึกแปลกที่ไม่เห็นซุนวู
“ข้าอยู่นี่!” เสียงอ่อนแรงดังขึ้นใต้เท้า
ลู่หยางมองลงไปและเห็นมือยื่นขึ้นมา เขาถูกฝังลงไปใต้พื้นดิน ลู่หยางรีบคว้าไปที่มือนั้นและดึงเขาขึ้นมา
ซุนวูเมื่อขึ้นมาเขาไออย่างต่อเนื่อง มันมีรอยเลือดที่ฝ่ามือของซุนวู ลู่หยางตกใจ “พี่ซุนวู ท่านเป็นอะไร”
“ข้าไม่เป็นไร ไปดูหอคอยประตูเมืองเร็ว!”
ลู่หยางมองไปจึงพบว่า หอคอยประตูเมืองได้กลายเป็นซากปรักหักพังแล้ว
“พวกเขา…” เขาไม่เห็นผู้รอดชีวิตสักคน เขาพูดไม่ออก ก่อนหน้าพวกเขารวมตัวกันถกกันว่าจะปกป้องประตูเมืองอย่างไรดี
แต่บัดนี้หอคอยประตูเมืองถูกทำลาย ทุกคนตายกันหมด ขนาดลู่หยางที่มีระฆังทองคำป้องกันยังเกือบเอาชีวิตไม่รอด พวกเขาที่ไม่มีระฆังปกป้องคงไม่อาจรอดชีวิตได้ เมื่อคิดได้ดังนี้ลู่หยางเจ็บปวดหัวใจ
“นั่นสามร้อยกว่าคนเลยนะ…” ลู่หยางพึมพำ
เมื่อปราศจากประตูเมืองขวางกั้น กองทัพอสูรผ่านข้ามซากปรักหักพังเข้ามา ไม่มีใครกล้าขวางพวกมัน
“ข้าปล่อยให้เลือดพวกพ้องข้าเสียเปล่าไม่ได้” ลู่หยางเรียกอสูรของเขาออกมาและตรงไปที่สนามรบ
ทว่า มีมือใหญ่คว้าไหล่เขาไว้ดึงเขากลับมา
เสียงของซุนวูดังขึ้น “น้องชาย เจ้าควรพาข้าไปที่พรรคเพื่อดูอาการข้าก่อน เจ้าควรปล่อยที่นี่ให้พวกเขาจัดการ”
“พวกเขา?” ลู่หยางถามอย่างงุนงง นอกจากพวกเขาทั้งสองยังมีใครอีกล่ะ?
“เดี๋ยว บางอย่างไม่ถูกต้อง….” ซุนวูกล่าว แววตาเขาไม่เหมือนคนพูดปดแม้แต่น้อย ในแววตาเขาปรากฏความมั่นใจขึ้นมา
เขากล่าว “น้องชายอย่าคิดมากเลย พวกเขาไม่ได้สละชีวิตทั้งหมด และตอนนี้ผู้ครองแคว้นรับรู้เรื่องแล้ว เราไม่ต้องห่วงอะไร พวกเรากลับกันเถอะ”
ซุนวูฝืนลุกขึ้นและพิงไปที่ลู่หยาง ขณะที่เดินไปที่บ้านตระกูลซุน ขณะที่พวกเขากำลังจะไป เสียงดังขึ้นจากซากปรักหักพังด้านหลังเขา มีอสูรคลานออกมาจากในนั้น
ทว่า อสูรนี้ไม่ได้มาจากหุบเขาเทวะร่วงหล่น แต่เป็นสัตว์อสูรที่ถูกฝึก ปรากฏว่าเมื่อลำแสงสีทองนั่นมาถึง พวกเขาที่ไม่ไวพออย่างลู่หยาง ทำได้แค่เรียกอสูรออกมาปกป้อง ลำแสงนั่นมันเล็งไปที่ทิศทางของลู่หยาง พวกเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบที่หนักหน่วงเช่นลู่หยางและรอดมาได้