ระบบสัตว์เลี้ยงที่แข็งแกร่ง - ตอนที่ 75
SB:ตอนที่ 75 การเปลี่ยนชื่อเซียงหยาง
“นี่คือระบบที่ท่านผู้ครองเมืองตั้งไว้ นอกเหนือจากท่านผู้ครองเมืองแล้ว ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ข้อมูลบ่งบอกทุกสิ่งทุกอย่าง ให้ข้าชี้ให้เห็นว่าน้องชายของข้าฆ่าอสูรร้ายได้เท่าไหร่ในช่วงเวลาสั้น ๆ พวกท่านควรรู้ว่าสิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปนั้นจริงหรือไม่! “
ซุนวูหันไปจ้องที่ลู่หยางและคนส่วนใหญ่ที่อยู่ด้านล่างเวทีก็หันมองตามเขา ทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากคำพูดของซุนวูก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่มีต่อลู่หยาง
มีเพียงลู่หยางที่ไม่ได้ทำอะไรเป็นเวลานาน ดังนั้นผู้คนที่อยู่ใต้เวทีจึงเริ่มกระซิบกัน
“ท่านมีเหลืออีกกี่คะแนน แม้ว่าจะมีสัตว์อสูรจำนวนมากในครั้งนี้ แต่ก็ยังยากที่จะฆ่าพวกมัน! ข้าได้สูญเสียสัตว์เลี้ยงสงครามไปแล้วสามตัว แต่ข้าได้คะแนนเพียงไม่กี่ร้อยเท่านั้น ข้าแค่กำราบอสูรชั้นยอดหนึ่งตัวแล้วคะแนนมันก็หายไปหมด “
บางคนบ่นว่าเป็นการยากที่จะได้รับคะแนนและบางคนก็ใช้มันไปอย่างรวดเร็ว บางที บางคนก็ไม่ได้คะแนนมาก
“ไม่ว่าในกรณีใด ท่านยังคงได้รับคะแนนสองสามร้อยคะแนนและได้รับอสูรร้ายชั้นยอดไปหนึ่งตัว ข้าจำได้ว่าอสูรร้ายทุกตัวมาจากสายเลือดธรรมดาใช่ไหม? “หลังจากตอนที่ข้าต่อสู้มานานในสนามรบ สัตว์เลี้ยงสงครามของข้าเสียชีวิตตอนที่ข้าไปถึงสนามรบ ถึงตอนนี้ มันมีค่าแค่สองร้อยคะแนนเท่านั้น … “
“ใช่แล้ว มันไม่เหมือนกันเหรอ? มันก็แค่สามร้อยกว่าเล็กน้อย … “
“ความยากลำบากในการสะสมคะแนนสูงมาก มากกว่าความยากลำบากในการสะสมแก่นผลึกเป็นร้อยเท่า มันคงเป็นเรื่องยากที่จะได้รับ สัตว์เลี้ยงอสูรชั้นยอดจากที่นี่”
เมื่อฟังความคิดเห็นที่แตกต่างของฝูงชนแล้ว ซุนวูก็พูดว่า “พวกท่านทุกๆคนควรรู้ว่ากวงเส้าหยางใช้คะแนนทั้งหมดของเขาในตอนนี้และซื้อโอกาสห้าครั้งใช่มั้ย”
โอกาสห้าครั้งและเขามีคะแนนรวมสองพันคะแนนเท่านั้น แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เขามีทั้งหมดของนายน้อยกวง หากเขายังมีคะแนนที่เหลืออยู่ กวงเส้าหยางจะไม่ยอมแพ้ยกเลิกโอกาสในการปราบสัตว์สายเบือดจักพรรดิเป็นสัตว์เลี้ยงสงครามของเขา
จำนวน 2,500 คะแนนเป็นจำนวนที่น่าประหลาดใจสำหรับคนทั่วไป แค่คิดว่าพวกเขาได้รับเพียงไม่กี่ร้อยคะแนนจากการเสี่ยงชีวิตของพวกเขา ความจริงที่ว่านายน้อยเหล่านี้มีมากกว่า 2,000 ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ชื่อของพวกเขาในฐานะยอดฝีมือชั้นสวรรค์ภูมิใจแล้ว
เมื่อมองดูสีหน้าท่าทางของผู้คนรอบ ๆ ตัวเขาแล้ว ซุนวูค่อยๆดึงป้ายประจำตัวของเขาออกมาและกล่าวว่า: “2,000 คะแนนไม่ใช่มากมายนัก พวกท่านต้องสงสัยว่าทำไมพวกเขาเป็นถึงยอดฝีมือชั้นสวรรค์ภาคภูมิแล้ว แต่ราชาอสูรดุร้ายทั้งสองไม่มีส่วนแบ่งของพวกเขา ใช่ไหม? ไม่มีเหตุผลอื่นใดเว้นว่าแต่พวกเขาไม่แข็งแรงเท่ากับเรา! “
ทันใดนั้น ซุนวูก็เปิดป้ายประจำตัวของเขาออกและมันก็กลายเป็นกระจกเงา และบนกระจก ตัวเลขชัดเจนกำลังแสดงให้ทุกๆคนเห็นถึงความสำเร็จของซุนวู!
“สามพันหนึ่งร้อยหกสิบสาม!” โอ้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขาเพิ่งจะปราบอสูรชั้นจักรพรรดิ์ลงได้ แล้วตอนนี้เขายังเหลืออีกสามพันกว่าคะแนน! “
“เพิ่มเติมถึงการใช้ไปก่อนหน้านี้ นั่นไม่ได้หมายความว่าสหายท่านนี้ได้รับ 3,600 คะแนน!”
คลื่นแห่งความตกใจและโห่ร้องยินดีเต็มไปทั้งบริเวณ ทุกคนตกใจกับคะแนนมากกว่าสามพันของซุนวู
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่านายน้อยหลิ่วไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!” นายน้อยกวงได้ลองห้าครั้ง แต่พ่ายแพ้ สหายท่านนี้ทำสำเร็จในครั้งเดียว! ชายผู้นี้แข็งแกร่งกว่ายอดฝีมือชั้นสวรรค์ภูมิใจเสียอีก! “
เมื่อได้ยินเสียงชื่นชมจากฝูงชน ซุนวูก็ไม่ได้มีสีหน้าพึงพอใจเลยแม้แต่น้อย แต่เขาหันไปพูดกับลู่หยางแทนว่า “น้องชายข้า กว่าสามพันคะแนนก็ทำให้ทุกคนตกใจแล้ว ข้าพอใจกับตัวเองมาก แต่ข้ารู้ว่าคะแนนจำนวนนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้า เอาคะแนนของเจ้าออกมาและให้ทุกคนได้เห็น! “
.ใช่แล้ว หากสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง คะแนนของท่านก็ไม่ใช่แค่สามพันเท่านั้น! หากท่านต้องการที่จะยืนยันการกระทำก่อนหน้าของท่านแล้ว ถ้างั้นเอาออกมาอย่างน้อยสี่พันคะแนนให้เราดู! “
“ไม่ ไม่ใช่สี่พัน!” หากสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง ท่านจะมีคะแนนอย่างน้อยห้าพันคะแนน! “
“ห้าพัน” ลู่หยางพึมพำ
มือของเขาล้วงลึกเข้าไปในเสื้อผ้าและนำป้ายตราประจำตัวออกมาจากกระเป๋าสวรรค์และปฐพี บนพื้นผิวที่กระจ่างใสของกระจก จำนวนมากมายก็ปรากฏขึ้น!
“คะแนนได้กี่แต้ม? พี่ชาย รีบช่วยข้าดูหน่อยสิ วิสัยทัศน์ของข้าไม่ค่อยดี ข้าเลยมองเห็นไม่ชัดเจน” บางคนถาม
“อันที่จริงมันไม่ใช่ 5000 … “
อะไรนะ? นั่น สี่พันเหรอ? “
“มันไม่ใช่สี่พัน … “
“แล้วมันเท่าไหร่ล่ะ!?” ในที่สุดชายที่มีสายตาไม่ดีก็โมโห
“มันเจ็ด … “
“มันต้องไม่ใช่เจ็ดร้อย ใช่มั้ย”
“ไม่ใช่หรอก” มันเจ็ดพัน! “
“อะไรนะ? “เจ็ดพัน!”
เจ็ดพัน. เมื่อตัวเลขนี้มาถึงหูของทุกๆคน ทะเลก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นอีกครั้งเพราะตัวเลขจำนวนนี้ ทุกๆคนตกตะลึงกันไปหมด เมื่อคลื่นความรุนแรงนี้ได้เริ่มก่อตัวขึ้น มันจะไม่สามารถสงบลงได้อีกต่อไป
ยอดฝีมือชั้นสวรรค์ภาคภูมืทั้งสองจากสองตระกูลใหญ่รวมกันแล้วยังไม่เกินห้าพันคะแนน แม้ว่าซุนวูจะมีคะแนนที่น่าประหลาดใจ แต่เมื่อรวมพวกเขาทั้งสามเข้าด้วยกันอาจจะไม่มากไปกว่าลูหยาง เนื่องจากคะแนนของลู่หยางไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงเจ็ดพันเท่านั้น คะแนนรวมนั้นขึ้นไปถึงเจ็ดพันห้าร้อยแปดสิบหกคะแนน!
ด้วยการต่อสู้เพียงลำพัง เขาได้ต่อสู้กับกองทัพอันยิ่งใหญ่ของสัตว์อสูรดุร้ายนับพันตัวและลำพังตัวคนเดียว เขาหยุดกองทัพอันยิ่งใหญ่ของอสูรชั้นยอดได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง มีเพียงแค่การรวมเอาความดีความชอบทั้งหลายในตำนานเข้าด้วยกันถึงจะสร้างตัวเลขเช่นนี้ได้
แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก ความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมานั้นยิ่งใหญ่กว่ายอดฝีมือาชั้นสวรรค์ภูมิใจในสายตาของทุกคน
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงภาพที่ลู่หยางเอาชนะหลิ่วโชวไป่ขึ้นมาไม่มีใครคิดว่าลู่หยางอาศัยโชคในการเอาชนะ นั่นคือความแข็งแกร่งที่แท้จริง!
“นายท่าน อภัยให้ข้าด้วย “
“ใช่แล้ว นี่ไม่ใช่ใครอื่นแล้ว! เขาเป็นวีรบุรุษของเมืองเซียงหยางของเรา! เราไม่สามารถปล่อยให้วีรบุรุษของเราไปจากอสูรชั้นจักรพรรดิ์แบบนั้นได้! “
“มีเพียงวีรบุรุษเท่านั้นที่คู่ควรกับราชาอสูรไม้ที่ยิ่งใหญ่! นายท่าน ได้โปรดคืนราชาอสูรไม้ให้กับวีรบุรุษของเรา! “
หลังคลื่นแห่งการปลุกปั่นของซุนวู ทั่วทั้งบริเวณระเบิดอารมณ์รุนแรงราวกับคลื่นของเสียงที่พูดในนามของลู่หยางดังก้องไปทั่วทั้งลานหมื่นอสูร
เจ้าภาพยังอยากจะยืนกรานอยู่ แต่แม้แต่พวกที่สวมเสื้อเกราะสีเงินก็ยังสูญเสียท่าทางที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้ พวกเขายืนอยู่ต่อหน้าลู่หยางด้วยความงุนงง ไม่กล้าเคลื่อนไหวอีกต่อไป
“ท่านผู้เฒ่าหลอได้บอกไว้ว่าจะมียอดคนอยู่ในกลุ่มนี้ “ ดูจากรูปลักษณ์แล้ว น่าจะเป็นคนที่อยู่ข้างหน้าเรา”
ในมุมหนึ่งของลานหมื่นอสูร มีรูปร่างใหญ่แข็งแรงนั่งอยู่ในห้องมืด แต่เขาสามารถได้ยินเสียงข้างนอกได้ชัดเจน
“อาฟุ ปล่อยให้เขาลอง”
เสียงที่สง่างามมาจากหลังเวทีของลานหมื่นอสูร เจ้าภาพยังคงมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่หลังจากได้ยินเสียงนั้น เขาก็ตัดสินใจทันที
เขาพูดว่า “ในเมื่อเจ้านายพูด ข้าจะปล่อยท่านไปครั้งนี้!”
“นั่นคือเจ้านายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังลานหมื่นอสูร นายท่านเฟิง!” ทุกคนร้องตกใจ
ลู่หยางถอนความโกรธของเขา เขากุมมือเข้าหากันใส่เจ้าภาพแล้วโค้งคำนับไปตามทิศทางของเสียงนั้น ไม่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะเห็นหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยก็แสดงถึงความกตัญญูรู้คุณของลู่หยางที่มีต่อเขา
“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะลองดู!”
ลู่หยางเดินไปที่ ราชาอสูรไม้ที่ยิ่งใหญ่และปลดปล่อยวิชาฝึกอสูรของเขา แสงสีขาวสาดลงบนร่างของอสูรร้าย อาบไปทั่วร่างของมัน
แสงสีขาวนั้นใช้เวลาเพียงหนึ่งนาทีก่อนที่มันจะหายไป อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นจนจบ ราชาอสูรไม้ไม่ได้แสดงท่าทีบ้าระห่ำใดๆเช่นที่มันเคยทำก่อนหน้านี้
ตอนที่นายน้อยกวงลงมือ ราชาอสูรไม้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“ชายผู้นี้ …” “ ดูเหมือนว่าเขาจะแตกต่างจากยอดฝีมือชั้นสวรรค์ภาคภูมิเหล่านั้นจริงๆ เขาปราบอสูรร้ายชั้นจักรพรรดิ์ลงได้ในบัดดลเพียงครั้งเดียว…”
“ใช่ ดูจากรูปการณ์แล้ว เขาไม่ได้แม้แต่หายใจหอบหรือเปลี่ยนสีหน้าของเขาเลย มันผ่อนคลายมากขึ้นกว่าตอนที่ซุนวูกำลังปราบราชาอสูรคลื่นบ้าคลั่ง!”
เมื่อเห็นว่าลู่หยางสามารถกำจัดราชาอสูรไม้ที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างง่ายดาย ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง
ถังปินมองไปที่รูปลักษณ์ที่ผ่อนคลายของลู่หยางแล้วดูเหมือนจะคิดถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้
“ชายผู้นี้ค่อนข้างจะมีความลับจริง ๆ ! ข้าสงสัยจริงๆว่าเขาฝึกฝนวิชาฝึกอสูรไปถึงดาวระดับไหน! เขาสามารถปราบอสูรชั้นจักรพรรดิ์ได้อย่างง่ายดาย! “
ถังปินเป็นยอดฝีมือชั้นสวรรค์ภาคภูมิที่แท้จริง เขาฝึกฝนวิชาฝึกอสูรที่ระดับเจ็ดดาว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอสูรชั้นจักรพรรดิ์ เขาไม่กล้ามั่นใจเช่นนั้นและมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะผ่อนคลายเช่นลู่หยาง
ในการเปรียบเทียบ ถังปินรู้ดีกว่าคนอื่นว่าการลงมือของลู่หยางนั้นน่ากลัวเช่นไรและถ้าเขาจะคาดเดาเอาเองมันก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ “ข้าดูเหมือนจะเคยเห็นมาก่อน … “
ถังปินคิดทบทวนในใจแล้วร่างสูงสีทองก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา ทันใดนั้นเขาก็นึกย้อนไปถึงภาพเหตุการณ์ในงานรวมตัวหมื่นอสูร!
“ปรากฎว่าเด็กเหลือขอนั่นได้ทำให้ราชสีห์คลั่งขนทองยอมจำนน! ไม่แปลกใจเลยที่ข้ารู้สึกแปลก ๆ เมื่อข้ามองดูเจ้าอ้วนนั่นครั้งนั้น” ถังปินคิดถึงความจริงขึ้นมาทันที
เขาคิดในใจว่า: “เรื่องชักจะน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว แม่นางผู้นั้นหลออู๋ซวง นางมีอสูรชั้นจักรพรรดิ์เพียงตัวเดียว แต่เจ้าหนุ่มนี่มีอสูรชั้นจักรพรรดิ์สองตัวอยู่ในความครอบครองของเขาแล้ว หากพวกเขาต้องต่อสู้ … “
“ถ้าท่านต้องการได้ความมั่นใจจากข้า หลออู๋ซวง ถ้าอย่างนั้น โปรดเอาชนะข้า! มิฉะนั้น เอาความคิดของท่านออกไปจากข้า! “
เหล่านี้คือคำพูดที่หลออู๋ซวงพูดไว้เป็นการส่วนตัวเมื่อสามปีก่อน เมื่อถังปินกำลังคิดถึงความเป็นไปได้ที่ทั้งสองจะมาพบกันอีกครั้ง ใจของเขาก็นึกถึงคำพูดของหลออู๋ซวงได้แม่นยำ
ใบหน้าของถังปินแข็งทื่อและหัวใจของเขาก็เย็นชาขึ้นมาทันที
“พี่ข้า ท่านเป็นอะไรรึเปล่า?” ทำหน้าอย่างนั้น ท่านไม่สบายรึเปล่า? “ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ซุนวูแสดงความห่วงใยต่อถังปิน ดึงความคิดของถังปินกลับคืนมาจากสวรรค์ทั้งเก้าชั้น
ถังปินรีบกลบเกลื่อนสีหน้าแล้วพูดว่า: “เปล่า .. ไม่มีอะไร ข้าเพิ่งจะเห็นน้องลู่หยางแสดงทักษะของเขา แล้วข้าก็รู้สึกประทับใจ “
อย่างไรก็ตามถังบินไม่มีความคิดใด ๆ อีก เขาเพียงต้องการออกจากสถานที่นี้อย่างรวดเร็วและสงบจิตสงบใจตัวเอง
“ข้านึกขึ้นได้ว่าข้ายังมีบางสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถติดตามพวกท่่านได้อีกต่อไป ข้าจะไปก่อน หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ส่งใครสักคนมาพบข้าที่ตระกูลถังได้ตลอดเวลา! “
หลังจากโยนประโยคนั้นออกไปแล้ว ถังปินออกจากลานหมื่นอสูรไปราวกับว่าเขากำลังหลบหนี หลังจากที่เก็บราชาอสูรไม้แล้ว ลู่หยางก็รีบลงมาจากเวที
“พี่ใหญ่ซุนวู เกิดอะไรขึ้นกับพี่ใหญ่ถังปิน? ข้าแค่จะทักทายเขา และเขาก็ไม่ได้ยินข้า “
ซุนวูโบกมือแล้วพูดว่า “อย่าไปยุ่งกับเขาเลย บางครั้ง เจ้าหมอนี่ก็บ้าไปหน่อย ดูสิ พวกเราทั้งหมดได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ เขาจึงวิ่งหนีไป”
“เอาล่ะ คราวหน้าเมื่อข้ามีโอกาส ข้าจะขอบคุณเขาสำหรับความช่วยเหลือของเขาในวันนี้” ลู่หยางไม่ได้โต้แย้งและให้โอกาสในครั้งต่อไปทันที
อสูรร้ายชั้นจักรพรรดิ์ตัวสุดท้ายถูกลู่หยางปราบลงแล้ว และงานรวมตัวหมื่นอสูรก็สิ้นสุดลง เสียงโห่ร้องบนเวทีค่อยๆจางหายไปและผู้คุมอสูรจากแนวหน้าก็ทยอยออกจากลานหมื่นอสูรไปทีละคนๆ
“ในเมื่อทุกๆคนก็จากไปแล้ว พี่ใหญ่ซุนวู ถึงเวลาที่เราจะกลับแล้ว ข้าสงสัยว่าการต่อสู้ภายนอกในครึ่งวันนี้นั้นไปถึงไหนแล้ว “ลู่หยางกล่าวขณะที่เขาออกจากลานหมื่นอสูรกับซุนวู