ลำนำสตรียอดเซียน - ตอนที่ 148 ทุกรูปแบบของการโอ้อวด
ที่โต๊ะของนาง โม่เทียนเกอยังไม่ทันจะนวดคอเสร็จ แต่สาวใช้ของประมุขเต๋าจิ้งเหอ หมิงเซี่ย เดินเข้ามาหานางเพื่อส่งข้อความจากเขา “อาจารย์ลุงโม่ ท่านปรมาจารย์ขอให้ท่านไปที่โถงหลักเจ้าค่ะ”
เมื่อโม่เทียนเกอได้ยินเช่นนั้น นางก็มีความรู้สึกไม่ดีทันที ถึงแม้ว่าท่านอาจารย์ขี้งกของนางจะไม่ก่อปัญหาอะไรที่งานพิธีแน่นอน แต่พิธีจบลงไปแล้ว ดังนั้นก็มีโอกาสสูงมากที่อาจารย์ของนางจะกลับมาทำนิสัยเกเรและไม่รู้จักโตตามเดิมของเขา
โดยไม่ต้องคิด โม่เทียนเกอปฏิเสธ “ข้ายังออกไปตอนนี้ไม่ได้ กรุณาบอกท่านอาจารย์ด้วยว่าข้าจะไปเมื่อข้าว่างแล้ว”
หมิงเซี่ยแสดงสีหน้าที่อ่านได้ว่า “แน่นอน ท่านปรมาจารย์พูดถูก” และบอกว่า “ท่านปรมาจารย์บอกว่าถ้าบริเวณนั้นไม่สามารถปล่อยว่างได้ ให้ข้าเฝ้าดูแลเรื่องต่างๆ แทนจนกว่าท่านจะกลับมาเจ้าค่ะ”
โม่เทียนเกอถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินสิ่งที่หมิงเซี่ยพูด เมื่อต้องออกไปโดยไม่มีทางเลือก นางพูด “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากเดินออกจากโถงด้านข้างที่ผู้ฝึกตนหญิงถูกจัดให้นั่งกันอยู่ โม่เทียนเกอจัดแต่งหน้าตาท่าทางให้เรียบร้อย จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปทางโถงหลัก
ก่อนที่นางจะเข้าไปในโถงหลัก นางก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังสนั่นอย่างกับฟ้าร้องของพวกบรรพบุรุษระดับจิตวิญญาณใหม่ข้างในแล้ว ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าพวกเขาหัวเราะอะไรกัน แต่นางก็ยังคงแยกความรู้สึกเบื้องหลังเสียงหัวเราะนั้นออกได้ บางคนฟังดูพึงพอใจ บางคนฟังดูเหมือนแค่ตามน้ำไป บางคนฟังดูฝืนๆ และอีกมากมาย
ทันทีที่โม่เทียนเกอไปถึงหน้าประตูของโถงหลัก ก่อนที่นางจะทันเข้าไปเสียอีก บรรพบุรุษระดับจิตวิญญาณใหม่ทุกคน เช่นเดียวกับผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณใหม่หลายคนจากกลุ่มการฝึกตนอื่น ได้จับจ้องมาที่นาง
โชคดีสำหรับนาง นางพอจะมีความก้าวหน้าในศาสตร์หลอมจิตวิญญาณอยู่บ้าง ดังนั้นถึงแม้ว่านางจะอยู่ภายใต้แรงกดดันพลังทางจิตวิญญาณของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่หลายคนที่แผ่รัศมีออกมาโดยไม่รู้ตัว นางยังสามารถสงบนิ่งอยู่ได้และเดินอย่างมั่นคงเข้าไปในโถงหลัก “ขอคารวะท่านอาจารย์ ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย”
เห็นได้ชัดว่าประมุขเต๋าจิ้งเหอพอใจอย่างมากกับการแสดงออกของนาง เขาส่งสัญญาณให้นางและพูดด้วยเสียงที่ใจดีและรักใคร่อย่างที่เขาไม่เคยใช้มาก่อน “เทียนเกอ มานี่สิ มานี่”
โม่เทียนเกอเดินไปหาอย่างเชื่อฟังและยืนข้างประมุขเต๋าจิ้งเหอ ในไม่ช้านางก็ได้ยินเสียงอันไพเราะของผู้หญิงคนหนึ่งที่ส่งเสียงหัวเราะอ่อนโยนเช่นกัน “พี่จิ้งเหอ ศิษย์คนนี้ของท่านอยู่แค่ในดินแดนการสร้างฐานแห่งพลังขั้นกลาง และทั้งที่อยู่ร่วมกับผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่อย่างเรา นางกลับประพฤติตัวด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติและสง่าผ่าเผย ถ้าเราอยู่แค่ในดินแดนการสร้างฐานแห่งพลัง เราคงไม่สามารถประคองตัวได้อย่างที่นางทำแน่”
เมื่อโม่เทียนเกอได้ยินคำชมเหน็บแนมเช่นนี้ นางก็เข้าใจทันทีว่าทำไมอาจารย์ถึงบอกให้นางมาหา
ผู้ฝึกตนหญิงในโถงด้านข้างโม้ถึงต้นทุนและโชคของพวกนาง โอ้อวดเสื้อผ้าและเครื่องมือวิญญาณ สำหรับโม่เทียนเกอ พวกนางก็เหมือนกับผู้หญิงจากโลกมนุษย์นั่นล่ะ
ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ในโถงหลักเองก็เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถเลิกนิสัยไม่ดีที่ติดมาจากโลกมนุษย์แบบนี้ได้เช่นกัน พวกเขาล้วนเป็นผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณใหม่ ถ้าพวกเขาอวดต้นทุน โชค เครื่องมือเวท และของอื่นๆ ของตัวเอง ก็คงจะไม่มีที่สิ้นสุดแน่ๆ เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่อวดศิษย์ของตัวเอง
แน่นอน ผู้ฝึกตนชายหัวล้านระดับจิตวิญญาณใหม่หัวเราะและพูดว่า “ด้วยหม่าเสวียนอินและฉินโส่วจิ้ง กิตติศัพท์ของพี่จิ้งเหอก็ได้รับประกันอยู่แล้ว เขามีอิสระในการรับศิษย์มากกว่าพวกเราเป็นธรรมดา”
โม่เทียนเกอฟังผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ของกลุ่มอื่นพูดลดเกียรติของนาง ผลัดกันแสดงความเห็น แต่นางก็ไม่สามารถพูดด่าอะไรพวกเขาได้ ที่จริงแล้วนางรู้สึกโกรธแต่ไม่มีที่ให้ระบายออก นางส่งสายตามองเหยียดท่านอาจารย์ของนางจากที่ที่แขกคนอื่นมองไม่เห็น
เมื่อโดนศิษย์ผู้น้อยของเขาจ้องอย่างไม่พอใจ อารมณ์ของประมุขเต๋าจิ้งเหอสดใสขึ้นในที่สุด เขายิ้มราวกับว่าเขาไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยและพูดว่า “ข้าสงสัยจริงๆ เลยว่าศิษย์จากครอบครัวใครนะที่กล้าสู้สัตว์ปีศาจระดับห้าทั้งๆ ที่เพิ่งอยู่แค่ในขั้นต้นของดินแดนการสร้างฐานแห่งพลัง”
ห้องโถงจมอยู่ในความเงียบชั่วขณะ ผู้ฝึกตนหญิงจากก่อนหน้านี้พูดว่า “แต่ข้าได้ยินว่าคนที่สังหารสัตว์ปีศาจระดับห้าตัวนั้นคือศิษย์ระดับจิตวิญญาณใหม่ที่อาวุโสที่สุดของท่าน เสวียนอิน…”
“แหม ถ้าเช่นนั้น มาพูดกันถึงว่าศิษย์ของใครที่เจ้าคิดว่าจะสามารถหนีจากเงื้อมมือของสัตว์ปีศาจระดับห้าได้อย่างปลอดภัยเมื่อพวกเขาอยู่แค่ในขั้นต้นของดินแดนการสร้างฐานแห่งพลังกันดีกว่า” แน่นอนว่าเมื่อเขาพูดเช่นนั้น ทุกคนเงียบสนิท จากนั้นประมุขเต๋าจิ้งเหอส่ายหน้าและถอนใจ “ถึงแม้ว่าซีเอ๋อร์จากครอบครัวข้าจะมีความสามารถมากและมีความเข้าใจที่ดีเยี่ยม แต่รากวิญญาณของเขาก็ยังไม่มีอะไรพิเศษ การรับศิษย์ที่มีรากวิญญาณดีนั้นเป็นความปรารถนามาตลอดชีวิตของข้าเลย…”
โม่เทียนเกอรู้สึกถึงจิตสัมผัสของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่มากมายแผ่ขยายมาทางนางทันทีและตรวจดูรากวิญญาณของนาง นางแอบมองพวกเขาอย่างลับๆ ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่หลายคนมีความแคลงใจอยู่บนใบหน้า แต่คนอื่นๆ ดูไม่อยากเชื่อ
เมื่อสีหน้าของทุกคนค่อยๆ เห็นเด่นชัดขึ้น ประมุขเต๋าจิ้งเหอถอนหายใจอีกครั้งและพูดว่า “ตัวข้าเองมีรากวิญญาณเดี่ยว แต่ถึงแม้ข้าจะอยู่ในขั้นกลางของดินแดนจิตวิญญาณใหม่แล้ว ข้าก็ไม่คิดว่าข้าจะสามารถเข้าถึงเต๋าอันยิ่งใหญ่ได้ด้วยรากวิญญาณเดี่ยวที่ข้ามี โดยการรับเทียนเกอมาเป็นศิษย์ของข้า บางทีข้าอาจจะสามารถแก้ความไม่สบายใจของข้าได้ ท้ายที่สุดแล้วในอดีตอันไกลโพ้น ผู้ฝึกตนทุกคนที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ก็เคารพนับถือรากวิญญาณแห่งต้นกำเนิดกันอย่างสูงสุดอยู่แล้ว”
“แต่สิ่งที่น่าปลื้มใจยิ่งกว่าคือไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ ความเข้าใจ หรือหัวใจแห่งเต๋าของนาง ศิษย์คนนี้ของข้าก็โดดเด่นในทุกแง่มุม ในอนาคตนางจะต้องสามารถเข้าถึงเต๋าอันยิ่งใหญ่ได้ก่อนศิษย์ที่รักของพวกเจ้าก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน” พอถึงตอนที่เขาพูดจบ รอยยิ้มของเขาก็กลายเป็นเสียงหัวเราะภูมิใจอย่างดัง
โม่เทียนเกอที่ยืนอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะเหงื่อแตกพลั่กอยู่ภายในขณะที่นางมองความกร่างที่ไม่ปิดบังของท่านอาจารย์นาง ถ้าเขาไม่ได้พูดส่วนหลังของประโยค คนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเขากำลังหาคู่ให้นางก็ได้!
ขณะนั้นเอง ผู้ฝึกตนชายที่แต่งตัวสีดำล้วนและนั่งอยู่ข้างทางเข้าของโถงหลักพูดอย่างเย็นชา “ต่อให้นางครอบครองรากวิญญาณแห่งต้นกำเนิดอันน่าเหลือเชื่อของอดีตอันไกลโพ้น ข้าก็เกรงว่าคงไม่ง่ายสำหรับพี่จิ้งเหอนักที่จะทำตามความปรารถนาสำเร็จได้โดยไม่มีศาสตร์แห่งต้นกำเนิด”
ประมุขเต๋าจิ้งเหอเหวี่ยงแขนเสื้ออย่างไม่เห็นด้วย “แค่เพราะสำนักเทียนเต้าของเจ้าไม่มี ไม่ได้หมายความว่าโรงเรียนเสวียนชิงของเราจะไม่มีเหมือนกันนี่ ตั้งแต่โรงเรียนเสวียนชิงของเราก่อตั้งมา เรามีผู้ฝึกตนแปลกประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วน เรื่องเล็กน้อยอย่างศาสตร์แห่งต้นกำเนิดไม่คู่ควรจะเอามาเป็นปัญหาหรอก รากวิญญาณแห่งต้นกำเนิดที่แทบไม่เคยพบเจอมาหลายพันปีนี่สิ อย่างไรก็ตาม… เป็นสิ่งที่คนคนหนึ่งสามารถพบเจอได้ด้วยโชคชะตาเท่านั้น!”
พอถึงตอนที่เขาพูดเช่นนั้น สายตาของโม่เทียนเกอมองต่ำ นางแค่ยืนเงียบๆ อยู่ด้านข้างและแกล้งตาย แม้แต่เมื่อนางได้ยินท่านอาจารย์ของครอบครัวพูดเกี่ยวกับศาสตร์แห่งต้นกำเนิดว่าเป็น “เรื่องเล็กน้อย” นางก็ไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองใจสักนิด ไม่ว่าอย่างไรท่านอาจารย์ผู้นี้ก็เป็นคนไร้ยางอายอยู่แล้ว
หลังจากประมุขเต๋าจิ้งเหอพูด ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่จากกลุ่มการฝึกตนอื่นก็ไม่สามารถพูดอะไรเพื่อแย้งเขาได้ ในทางกลับกัน ประมุขเต๋าเจิ้นหยางที่เพิ่งทะเลาะกับประมุขเต๋าจิ้งเหอจนพวกเขาทั้งคู่เนื้อตัวสกปรกเมื่อไม่นานมานี้ ส่งเสียง “ฮึ่ม” ออกมาอย่างเดือดดาล
ถึงอย่างนั้น ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทั้งหมดจากกลุ่มการฝึกตนอื่นมีสีหน้าไม่พอใจอยู่บนใบหน้า เพราะประมุขเต๋าเสวียนอินแห่งโรงเรียนเสวียนชิงก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งจิตวิญญาณใหม่ได้แล้ว ทุกกลุ่มการฝึกตนจึงมาเพื่อแสดงความยินดี อย่างแรก พวกเขาต้องการมีความสัมพันธ์อันดีกับโรงเรียนเสวียนชิงในอนาคต อย่างที่สอง พวกเขาไม่มากก็น้อยมีเจตนาที่จะประเมินขอบเขตกำลังของโรงเรียนเสวียนชิง แต่ตอนนี้พวกเขากลับถูกทำให้พูดไม่ออกเพราะศิษย์ระดับการสร้างฐานแห่งพลังขั้นกลาง! สายตาของทุกคนที่จ้องโม่เทียนเกอยิ่งเย็นชามากขึ้น แต่เนื่องจากนิสัยกระหายเลือดและชอบปกป้องของประมุขเต๋าจิ้งเหอ พวกเขาจึงไม่สามารถทำอะไรนางได้
โม่เทียนเกอสัมผัสได้ว่าอุณหภูมิภายในห้องโถงลดลง อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้านางได้ยินอาจารย์ลุงเมี่ยวอีหัวเราะแผ่วเบาและพูดด้วยเสียงอ่อนหวานและนิ่มนวล “จากดินแดนการสร้างฐานแห่งพลัง นางต้องเข้าสู่ดินแดนการก่อเกิดแก่นขุมพลัง ดินแดนแห่งจิตวิญญาณใหม่ และดินแดนแห่งเทพก่อนที่นางจะถือว่าได้บรรลุเต๋าอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง แม้แต่พวกท่านทุกคนที่อยู่ที่นี่ในวันนี้ก็อาจยังรู้สึกว่าเต๋าอันยิ่งใหญ่เป็นเรื่องลึกลับ ถนนเบื้องหน้าเทียนเกอยังอีกยาวไกล…”
เมื่อนางพูดจบ บรรยากาศในโถงหลักก็กลายเป็นผ่อนคลายมากขึ้นทันที
หลังจากที่เขาพูดจนสาแก่ใจและประมุขเต๋าเมี่ยวอีได้ไกล่เกลี่ยเรื่องต่างๆ ให้แทนเขา ประมุขเต๋าจิ้งเหออารมณ์ดี เขาจึงหลับตาและเพลิดเพลินกับการนวดที่สาวใช้ข้างกายเขานวดให้ เขาดูเหมือนกับว่าเขาไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องโถงเลยสักนิด
ทันทีหลังจากนั้น หมิงเซี่ยดอดเข้ามาในโถงจากประตูข้าง ด้วยสีหน้าประหม่า นางรายงานอย่างเงียบๆ กับโม่เทียนเกอ “อาจารย์ลุงโม่ ศิษย์พี่ผู้หญิงหลายคนในโถงด้านข้างเริ่มสู้กันแล้วเจ้าค่ะ”
ความบึ้งตึงปรากฏบนใบหน้าของโม่เทียนเกอ “ทุกอย่างยังดีอยู่เมื่อตอนที่ข้าออกมา เกิดอะไรขึ้น” จากนั้นนางมองไปที่ประมุขเต๋าจิ้งเหอ
เห็นได้ชัดว่าประมุขเต๋าจิ้งเหอพอใจกับการโอ้อวดของเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงแค่ยกมือขึ้นและพูดอย่างไม่สนใจ “เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตลอดทุกงานเลี้ยงนั่นล่ะ เจ้าแค่ต้องจัดการให้เหมาะสม”
สถานการณ์ที่โถงด้านข้างนั้นยุ่งยาก แต่ก็ยังดีกว่าต้องยืนอยู่ในโถงหลักและตกเป็นเป้าของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทุกคนที่นั่น โม่เทียนเกอขอตัวทันที “ท่านอาจารย์ ศิษย์ขอตัวก่อน” นางหันกลับและหนีออกจากโถงหลักผ่านทางประตูข้าง
ประมุขเต๋าจิ้งเหอที่เพิ่งโม้เสร็จกำลังอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด เขาจึงแค่หัวเราะและหยุดพูดเมื่อต้องเจอกับการหนีของโม่เทียนเกอ
โม่เทียนเกอเดินทางจากโถงหลัก รู้สึกกังวลมาตลอดทาง เดิมนางคิดว่านางจะต้องเจอกับความวุ่นวายแน่ แต่พอถึงเวลาที่นางรีบพุ่งเข้าไปในโถงด้านข้าง ผู้ฝึกตนหญิงทั้งหมดด้านในก็สามารถรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้ดีกว่านางเสียอีก
ภายในโถง ผู้ฝึกตนหญิงสองคนจากสำนักเจิ้งฝ่าและผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่งที่นางไม่รู้จักกำลังฟัดกันอย่างดุดัน ทั้งสามคนถูกทุกคนรายล้อม ระยะห่างระหว่างโต๊ะหยกแต่ละตัวนั้นมีแค่เล็กน้อย แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าโต๊ะบางตัวถูกดันออกเพื่อเปิดทาง บนโต๊ะหยกตัวอื่นๆ วิธีป้องกันตัวแทบทุกชนิดถูกเตรียมไว้โดยคนที่นั่งอยู่
ศิษย์การหลอมรวมพลังวิญญาณสี่คนจากโรงเรียนเสวียนชิงที่รับผิดชอบดูแลด้านนี้ของโถงด้านข้างยืนรวมตัวกันอยู่อย่างหวาดๆ ตรงมุม เมื่อพวกนางเห็นโม่เทียนเกอมาถึง พวกนางก็รีบเข้ามาหา
“ท่านปรมาจารย์โม่…”
“ท่านปรมาจารย์โม่ เราควรทำอย่างไรดี”
โม่เทียนเกอนวดหว่างคิ้ว “ก่อนอื่นบอกข้ามาก่อนว่าทำไมพวกนางถึงเริ่มสู้กัน”
ศิษย์ผู้หญิงที่โม่เทียนเกอช่วยไว้ตอนก่อนหน้านี้รีบกระซิบ “ตอนแรก อาจารย์ลุงสองคนจากสำนักเจิ้งฝ่าเพียงแค่โต้เถียงกันเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุด พวกนางคนหนึ่งยื่นจานให้อีกคน บอกว่าจานนี้เป็นอาหารบำรุง อีกคนไม่อยากจะรับ ดังนั้นทั้งสองคนจึงผลักจานไปมา และเพราะชั่วขณะหนึ่งที่ไม่ได้ระวัง จานก็เลยพลิกคว่ำจนไปเลอะชุดของอาจารย์ลุงอีกคน เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาจารย์ลุงคนนั้นมาจากกลุ่มไหน นางดูบอบบางแต่อารมณ์ของนางนั้นรุนแรงสุดๆ นางไม่ได้พูดอะไรและเริ่มต่อสู้ทันที ผลักอาจารย์ลุงจากสำนักเจิ้งฝ่าให้ถอยไปด้วยการตบแต่ครั้งเดียว พอเห็นว่าพวกนางเริ่มสู้กัน อาจารย์ลุงหมิงเซี่ยบอกว่านางจะไปที่โถงหลักเพื่อขอให้อาจารย์ลุงโม่กลับมาและจัดการเรื่องนี้”
แขกผู้หญิงภายในโถงด้านข้างเป็นผู้ฝึกตนการสร้างฐานแห่งพลังธรรมดาทั้งหมด ดังนั้นศิษย์ที่รับผิดชอบการต้อนรับพวกนางจึงเป็นศิษย์ธรรมดาเช่นกัน โม่เทียนเกอมีสถานะสูงที่สุดที่นั่นและไม่จำเป็นต้องกลัวใคร อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ากรณีใดหมิงเซี่ยก็เป็นสาวใช้ของบรรพบุรุษระดับจิตวิญญาณใหม่ เป็นไปได้อย่างไรที่นางไม่สามารถรับมือกับเรื่องเช่นนี้ได้ เห็นได้ชัดว่านางแค่ไม่อยากจะออกหน้ารับแทน อย่างไรก็ตาม โม่เทียนเกอขี้เกียจเกินกว่าจะสืบว่าเจตนาของหมิงเซี่ยคืออะไร อย่างไรเสีย แค่สาวใช้เหล่านั้นไม่กล้าไม่เคารพนางนั่นก็เพียงพอแล้ว
โม่เทียนเกอหันไปมองทางพื้นที่ต่อสู้ ในผู้ฝึกตนหญิงสองคนจากสำนักเจิ้งฝ่า คนหนึ่งอยู่ในขั้นกลางของดินแดนการสร้างฐานแห่งพลังขณะที่อีกคนอยู่ในขั้นต้น ผู้ฝึกตนหญิงอีกคนที่พื้นเพของนางยังเป็นปริศนา อย่างไรก็ตาม อยู่ในขั้นสุดท้ายของดินแดนการสร้างฐานแห่งพลังแล้ว ถึงแม้ว่าผู้ฝึกตนหญิงจากสำนักเจิ้งฝ่าจะมีข้อได้เปรียบในจำนวนคนที่มากกว่า แต่ทักษะของพวกนางก็ยังชุ่ยเกินไป ในทางตรงกันข้าม การเคลื่อนไหวของผู้ฝึกตนหญิงอีกคนทั้งอันตรายและมีประสิทธิภาพ นางสามารถยั้งผู้ฝึกตนหญิงสองคนจากสำนักเจิ้งฝ่าได้อย่างต่อเนื่องและทำให้พวกนางต้องอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ
โม่เทียนเกอนิ่วหน้าอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก่อนที่นางจะคิดให้ถี่ถ้วนว่านางควรไกล่เกลี่ยความขัดแย้งอย่างไร นางก็ได้ยินเสียงผู้ฝึกตนหญิงระดับการสร้างฐานแห่งพลังขั้นต้นจากสำนักเจิ้งฝ่ากรีดร้องขณะที่นางถูกโจมตีและบาดเจ็บ โม่เทียนเกอรีบเรียกผ้าเช็ดหน้าไหมขาวของนางมา สกัดกั้นท่าโจมตีไม้ตายท่าถัดไปของผู้ฝึกตนหญิงที่ไม่รู้จักและบังผู้ฝึกตนหญิงสำนักเจิ้งฝ่าสองคนให้อยู่หลังนาง
หลังจากอดกลั้นความโกรธของนาง โม่เทียนเกอหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ข้าสงสัยจริงว่าศิษย์พี่เป็นศิษย์ของใคร ความยอดเยี่ยมในกฎแห่งเต๋าของท่านเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน ศิษย์พี่ ถึงแม้ว่าศิษย์พี่ทั้งสองจากสำนักเจิ้งฝ่าจะทำให้ท่านไม่พอใจ แต่พวกนางก็ได้รับบาดเจ็บเพราะท่านเช่นกัน เพราะงั้นเราจบเรื่องนี้กันตรงนี้เพื่อเห็นแก่ข้าดีไหม?”
ผู้ฝึกตนหญิงคนนั้นยิ้มอย่างเยือกเย็น “เจ้าคือใคร”
โม่เทียนเกอทำตามมารยาท แต่ผู้ฝึกตนอีกคนไม่คำนึงถึงเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นสีหน้าของโม่เทียนเกอจึงจางลงขณะที่นางตอบ “ข้าคือโม่เทียนเกอจากโรงเรียนเสวียนชิง”
ผู้ฝึกตนหญิงคนนั้นยังคงยิ้มอยู่ “แล้วท่านอาจารย์ของเจ้าจะเป็นใครไปได้”
พอถูกถามแบบนั้น โม่เทียนเกอตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นขึ้น “ข้าโชคดีพอที่ได้นับถือประมุขเต๋าจิ้งเหอแห่งโรงเรียนข้าในฐานะท่านอาจารย์ หรือว่าศิษย์พี่อาจจะมีคำแนะนำอะไรให้ข้างั้นหรือ”
หลังจากนางได้ยินสิ่งที่โม่เทียนเกอพูด สีหน้าของผู้ฝึกตนหญิงคนนั้นก็แปลกไปทันที อย่างไรก็ตาม เสียงผิวปากแหลมสูงได้ยินมาจากภายนอกห้องโถง เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ผู้ฝึกตนหญิงคนนั้นเปลี่ยนทิศทางและกระโจนเข้าหาโม่เทียนเกอพร้อมกับหัวเราะอย่างหนัก “ในเมื่อเจ้าเป็นศิษย์ของประมุขเต๋าจิ้งเหอ ข้าน่าจะส่งเจ้ากลับไปทันที เจ้าจะได้ไปตามทางของเจ้า”