ลำนำสตรียอดเซียน - ตอนที่ 149-2 ศัตรูมาเยือน
“ฮ่าๆๆ …” เมฆดำทะมึนระเบิดหัวเราะ “สูเจิ้นหยาง เราทั้งคู่เป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นสุดท้าย แต่พูดกันตามตรงนะ อย่างไรเจ้าก็ต้องแพ้ข้าในการต่อสู้ด้วยพลังเวทแน่นอน ถึงแม้ระดับการฝึกตนของเจ้าจะไม่ด้อยไปกว่าข้าก็เถอะ เจ้าเชื่อไหม”
สีหน้าของประมุขเต๋าเจิ้นหยางยังคงนิ่ง “คนของโรงเรียนเสวียนชิงไม่เคยกลัวที่จะยอมรับจุดอ่อนของเรา ข้าอาจจะแย่กว่าเจ้าหน่อยในการต่อสู้ด้วยพลังเวท แต่มันก็ยังยากสำหรับเจ้าอยู่ดีในการเอาชนะข้า ถ้าข้าร่วมมือกับศิษย์น้องจิ้งเหอ… หึๆ!” ประมุขเต๋าเจิ้นหยางแค่หัวเราะเบาๆ อย่างไรก็ตาม สายตาของเขาเย็นชา
เมฆดำทะมึนซัดไปข้างหน้าอย่างรุนแรง ใบหน้าบนนั้นแสดงให้เห็นสีหน้าดุดันสุดขีดและจ้องไปที่คนสองคนที่อยู่เบื้องหน้ามัน
เมื่อได้ฟังมาถึงตรงนี้ ในที่สุดโม่เทียนเกอก็รู้ว่าคนคนนั้นคือใคร ในขั้วท้องฟ้ามีผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณใหม่ขั้นสุดท้ายรวมทั้งหมดห้าคน สองคนอยู่ในสำนักเทียนเต้า และโรงเรียนเสวียนชิงกับสำนักกู่เจี้ยนมีที่ละคน คนสุดท้ายที่จริงแล้วเป็นผู้ฝึกตนเดี่ยว และนั่นคืออาจารย์ซงเฟิง
สำหรับพวกผู้ฝึกตน อาจารย์ซงเฟิงถือว่าค่อนข้างพิเศษ ว่ากันว่าเมื่อพันปีก่อน เขาเป็นแค่ผู้ฝึกตนจากกลุ่มการฝึกตนเล็กๆ ในภายหลังกลุ่มของเขาถูกล้างบางและเขาหายตัวไป หลายร้อยปีให้หลัง เขากลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในขั้วท้องฟ้า แต่พอถึงตอนนั้นเขาได้ก้าวเข้าสู่ดินแดนจิตวิญญาณใหม่อย่างคาดไม่ถึง ทำให้ทุกคนสงสัยว่าเขาไปเจอชะตาลิขิตแบบไหนมา ที่จริงแล้วต้นทุนของเขาเป็นเพียงรากวิญญาณสามธาตุ มันน่าจะเป็นความสำเร็จสำหรับเขาแล้วที่สามารถก่อขุมพลังได้ แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะถึงกับเข้าสู่ขั้นสุดท้ายของดินแดนแห่งจิตวิญญาณใหม่ได้ด้วย!
คนผู้นี้เรียนรู้ทุกสิ่งที่พิเศษผิดธรรมดา วิชาการฝึกตนของเขาใกล้เคียงกับศาสตร์มาร และเขายังชำนาญในการต่อสู้ด้วยพลังเวทมาก แม้แต่ผู้ฝึกตนสายกระบี่จากสำนักกู่เจี้ยนที่เก่งในการต่อสู้ด้วยพลังเวทยังต้องสูญเสียไปมากมายจากน้ำมือของเขา ครั้งหนึ่งผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นสุดท้ายแห่งสำนักกู่เจี้ยน หลวงพ่อนักกระบี่หยวนอิง ออกตามหาเขาเพื่อดวลการต่อสู้กัน แต่เขาก็ไม่สามารถเอาชนะอาจารย์ซงเฟิงได้เช่นกัน สรุปได้ว่าในขั้วท้องฟ้าอาจมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นสุดท้ายห้าคน แต่คนส่วนมากก็ยังคงจัดว่าอาจารย์ซงเฟิงเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด
ถึงอย่างนั้น การแสดงออกทางอารมณ์ของเขาก็ค่อนข้างคล้ายกับประมุขเต๋าจิ้งเหอ ทั้งคู่ก้าวร้าวและกระหายเลือดอย่างมาก แต่ประมุขเต๋าจิ้งเหอมาจากโรงเรียนแห่งเต๋า เขาใส่ใจเกี่ยวกับการฝึกจิตใจ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยสังหารคนบริสุทธิ์และแทบจะไม่ฆ่าใคร อาจารย์ซงเฟิง ในทางกลับกัน ไม่เหมือนกับผู้ฝึกตนระดับสูงในด้านนี้ เขาไม่คิดอะไรเกี่ยวกับการฝึกจิตใจ ดังนั้นเขาจึงเป็นคนอารมณ์แปรปรวนง่าย บางครั้งเขาฆ่ามนุษย์ธรรมดาด้วยซ้ำไป เพราะความชั่วร้ายสุดขีดของเขา น้อยคนนักที่จะยอมรับรู้ตัวตนเขาในฐานะผู้ฝึกตนอันดับต้นๆ ของขั้วท้องฟ้า
อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่งโม่เทียนเกอเคยได้ยินว่าอาจารย์ซงเฟิงหายตัวไปกว่าหลายร้อยปี ด้วยเวลาที่ยังเหลืออยู่ในอายุขัยมากกว่าพันปีของเขา หลายคนคิดว่าเขาได้ตายไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้เหลือเพียงผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นสุดท้ายแค่สี่คนในขั้วท้องฟ้า แต่ ณ วันนี้ เขากลับมาปรากฏตัวที่โรงเรียนเสวียนชิงเข้าจริงๆ! ยิ่งไปกว่านั้น เขามาเพื่อก่อปัญหาให้กับอาจารย์ของนาง!
นี่อาจารย์ของนางไปทำอะไรเข้าถึงได้ทำให้ดาวร้ายผู้นี้โกรธเคือง? เมื่อครู่นี้พวกเขาพูดถึงศิษย์ของพวกเขา เป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจารย์ของนางฆ่าศิษย์ของอาจารย์ซงเฟิง?
ขณะที่โม่เทียนเกอคิดกับตัวเอง นางได้ยินอาจารย์ซงเฟิงพูดอีกครั้ง “ฉินจิ้งเหอ ฉินโส่วจิ้งศิษย์น้อยของเจ้าอยู่ไหนซะล่ะ ทำไมเขาไม่โผล่หน้ามาในวันสำคัญเยี่ยงนี้”
ประมุขเต๋าจิ้งเหอหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ “ศิษย์คนนั้นของข้าอยู่ในดินแดนการก่อเกิดแก่นขุมพลังขั้นสุดท้ายแล้ว เขากำลังปิดประตูแห่งจิตทำสมาธิอย่างเคร่งครัด นอกเสียจากว่าเขาสร้างจิตวิญญาณใหม่ได้สำเร็จ เขาจะไม่ออกมาเด็ดขาด”
“สร้างจิตวิญญาณใหม่…” เมฆดำทะมึนหัวเราะอย่างเศร้าหมอง “ไอ้เด็กเหลือขอคนนั้นมันโชคดีอย่างไม่น่าเชื่อ เขาสามารถเข้าสู่ขั้นสุดท้ายของดินแดนการก่อเกิดแก่นขุมพลังได้เร็วนัก อย่างไรก็ตาม ด้วยต้นทุนของเขา การสร้างจิตวิญญาณใหม่ก็ไม่น่าจะง่าย จริงไหม”
ประมุขเต๋าจิ้งเหอตอบพร้อมรอยยิ้ม “ตาแก่ซงเฟิง แม้ด้วยต้นทุนเช่นนั้นของเจ้า เจ้ายังสร้างจิตวิญญาณใหม่และเข้าสู่ขั้นสุดท้ายของดินแดนแห่งจิตวิญญาณใหม่ได้เลย มีเหตุผลอะไรที่ศิษย์ข้าจะทำไม่ได้?”
“ข้าน่ะรึ” เมฆดำทะมึนนั้นระเบิดหัวเราะ “ฮ่าๆๆๆ! ฉินจิ้งเหอ เจ้ากำลังเปรียบเทียบศิษย์ของเจ้ากับข้างั้นหรือ เจ้าคิดว่าเขาสูงส่งมากเกินไปแล้ว รู้ไหม!”
ถึงแม้ว่าใบหน้าบนเมฆดำทะมึนจะเห็นไม่ชัดเจน แต่ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงการดูถูกของเขา ในคุนอู๋ฝั่งตะวันออก คนหลายคนที่อยากจะเยาะเย้ยฉินโส่วจิ้งเกี่ยวกับการฝึกตนคงเป็นเพราะอิจฉา ความจริงที่ว่าผู้ฝึกตนที่มีรากวิญญาณคู่มีความสามารถมากกว่าผู้ฝีกตนที่มีรากวิญญาณเดี่ยวหรือรากวิญญาณกลายพันธุ์หลายคนก็เพียงพอแล้วที่จะอธิบายสถานการณ์ แต่กระนั้น คนที่กำลังล้อฉินโส่วจิ้งกลับเป็นอาจารย์ซงเฟิง ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นสุดท้าย และไม่มีใครสามารถพูดอะไรเกี่ยวกับเขาได้ ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นสุดท้ายก็ต้องมีคุณสมบัติมากพอที่จะดูถูกผู้ฝึกตนระดับการก่อเกิดแก่นขุมพลังเป็นธรรมดา ถึงแม้จะมีความจริงว่าผู้ฝึกตนการก่อเกิดแก่นขุมพลังคนนั้นเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากในรอบสหัสวรรษผู้ที่สามารถก่อขุมพลังของเขาได้ในช่วงอายุร้อยปีก็ตาม
ปกติประมุขเต๋าจิ้งเหอมีนิสัยเหมือนเด็กขี้หงุดหงิด แต่วันนี้เขาใจเย็นมาก เขาไม่ถูกยั่วยุเลยแม้แต่น้อยและยังยิ้มกว้างอย่างสดใสแทน “ข้าคิดรึ? ถ้างั้น… ตาแก่ซงเฟิง เจ้าก็คิดว่าตัวเองสูงส่งมากเกินไปเช่นกัน ข้าไม่ใช่คนที่พูดนะ แต่เจ้าเองไม่ใช่รึที่เป็นตัวประหลาดผู้ที่ไม่ใช่ทั้งคนหรือมารหรือปีศาจ? มันไม่สำคัญหรอกหากเจ้าจะวางท่ายิ่งใหญ่ต่อหน้าคนอื่น แต่เจ้ายังแสร้งทำต่อหน้าข้าอีก ช่างหน้าไม่อายอะไรเช่นนี้!”
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย ทำให้อาจารย์ซงเฟิงเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที “ฉินจิ้งเหอ เจ้า–”
“อะไรนะ” ประมุขเต๋าจิ้งเหอยังคงยิ้มอยู่ อย่างไรก็ตาม โม่เทียนเกอเป็นศิษย์เขามาสักพักหนึ่งแล้ว ดังนั้นนางจึงสังเกตเห็นเจตนาฆ่าในสายตาของได้อย่างฉับไว ดูเหมือนว่าอาจารย์ของนางพร้อมจะสู้กับเขาแล้ว “เอ้~ เอาว่า… เห็นได้ชัดว่าเจ้ารู้ว่าข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้า ทำไมเจ้ายังรีบเร่งมาที่นี่และปล่อยให้ข้าได้หัวเราะเยาะเจ้าอีก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างสับสน บางทีซงเฟิงอาจมีความลับบางอย่างที่ถูกค้นพบโดยประมุขเต๋าจิ้งเหอ?
ทันใดนั้นเอง เมฆดำทะมึนกระเพื่อมขึ้นอย่างเร็วอีกครั้ง แรงกดดันพลังทางจิตวิญญาณรุนแรงแพร่กระจายออกไปในชั่วพริบตา ประมุขเต๋าเจิ้นหยางรีบเรียกแผ่นตรีลักษณ์ทั้งแปดมาทันที ไม่แน่ชัดนักว่าแผ่นนั้นทำมาจากอะไร แต่นอกจากด้านข้างของตรีลักษณ์ทั้งแปดมีการแต่งแต้มสี อีกข้างของมันเป็นสีน้ำตาล ทันทีที่ประมุขเต๋าเจิ้นหยางเรียกมันมา มันก็ขยายขนาดขึ้นกลางอากาศใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากับเมฆดำทะมึนนั้น จากศูนย์กลางของตรีลักษณ์ทั้งแปด ลำแสงสีขาวดำถูกฉายส่องออกมา ลำแสงทั้งสองผสมผสานกันและก่อเกิดเป็นตาข่ายซึ่งปกคลุมโถงหลักและบริเวณโดยรอบไว้อย่างแน่นหนา มันกำลังปกป้องพวกผู้ฝึกตนที่มีระดับการฝึกตนต่ำกว่าจากการถูกกดดันจากแรงกดพลังทางจิตวิญญาณ
“ฮึ่ม! ทักษะกระจอก! ข้าจะสู้กับพวกเจ้าก่อน!” เมฆดำทะมึนก็ขยายใหญ่ขึ้นในทันทีเช่นกัน มันขยายใหญ่มากจนแทบจะปะทะเข้ากับหน้าพวกเขา ถึงแม้ว่าโม่เทียนเกอจะไม่รู้สึกอะไรเพราะตอนนี้นางอยู่ในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน แต่สาวใช้ของประมุขเต๋าจิ้งเหอ หมิงเซี่ยและหว่านชิวกระอักเลือดออกมาทันที เพราะอย่างนั้นนางจึงเข้าใจว่าการผันผวนพลังทางจิตวิญญาณด้านนอกจะต้องเกินต้านแน่ โชคดีที่มีผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณใหม่หลายคนอยู่ที่นั่น ด้วยการโบกมือหนึ่งครั้ง ประมุขเต๋าเสวียนอินสร้างเกราะป้องกันให้กับสาวใช้ทั้งสอง พวกนางจึงหยุดกระอักเลือดได้
ถ้านางยังอยู่ด้านนอก โม่เทียนเกอคงไม่มีโอกาสได้สังเกตการณ์การต่อสู้ด้วยพลังเวทระหว่างผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ที่เก่งที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ครั้งนี้ได้แน่นอน ขณะนั้น นางไม่ต้องกังวลกับความปลอดภัยของตัวเองหรือของประมุขเต๋าจิ้งเหอและของประมุขเต๋าเจิ้นหยาง ดังนั้นนางจึงทุ่มความสนใจไปกับการสังเกตการณ์การต่อสู้
เมื่ออาจารย์ซงเฟิงเคลื่อนไหวเช่นนั้น ทั้งประมุขเต๋าจิ้งเหอและประมุขเต๋าเจิ้นหยางรีบประจำตำแหน่งของตัวเองทันที ชายชราสองคนนี้เพิ่งจะสู้กันเองเมื่อไม่นานมานี้ แต่เมื่อต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลัง ความเข้าใจตรงกันที่ลึกซึ้งของพวกเขานั้นเห็นได้ชัด ในชั่วพริบตา พวกเขาประจำตำแหน่งที่สามารถดักคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้ ไม่นานหลังจากนั้น ประมุขเต๋าจิ้งเหอเรียกผลน้ำเต้าออกมาและประมุขเต๋าเจิ้นหยางก็เรียกหินก้อนเล็กออกมา
ขณะที่เมฆดำทะมึนยังคงขยายใหญ่ขึ้นต่อไป ผลน้ำเต้าของประมุขเต๋าจิ้งเหอพ่นไฟไปทางนั้น ประมุขเต๋าเจิ้นหยางเองก็ขว้างหินของเขาออกไปเช่นกันซึ่งขยายใหญ่ขึ้นทันที
โม่เทียนเกอต้องการศึกษาการต่อสู้อย่างรอบคอบ แต่ระดับการฝึกตนของนางนั้นต่ำเกินไป นางจะเห็นการเคลื่อนไหวของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นกลางและขั้นสุดท้ายอย่างชัดเจนได้อย่างไร นางเห็นเพียงแค่ฝุ่นและหินถูกขว้างไปทุกทิศทางพร้อมกับเปลวไฟระเบิดและท่วงท่าที่ไม่ชัดเจนของเมฆดำทะมึนที่ซัดขึ้นลง นางไม่สามารถเห็นได้เลยว่าสถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไร!
ประมุขเต๋าจิ้งเหอมีรากวิญญาณธาตุไฟขณะที่ประมุขเต๋าเจิ้นหยางมีรากวิญญาณธาตุดิน เมื่อทั้งสองคนร่วมมือกันในการต่อสู้ด้วยพลังเวทนี้ ผลลัพธ์จึงเหมือนกับสำนวนที่ว่า “หัวและใบหน้าเต็มไปด้วยสิ่งโสโครก” ไม่เพียงแต่ไฟจะเผาไหม้คู่ต่อสู้ของเขาแต่ดินก็ยังถูกพ่นเลอะเขาด้วย โชคดีที่อาจารย์ซงเฟิงเป็นแค่เมฆดำทะมึนตอนนี้ เขาจึงไม่ต้องกลัวว่าจะสกปรก มิเช่นนั้นเขาคงลงเอยเหมือนอย่างทั้งสองคนนั้นเมื่อพวกเขาสู้กันในตอนนั้นที่เลอะเทอะและดูน่าสมเพชเป็นที่สุด
ในเวลาต่อมา การต่อสู้ก็ค่อยๆ หยุดลง ในที่สุดโม่เทียนเกอก็ได้เห็นชัดๆ ว่าถึงแม้ประมุขเต๋าจิ้งเหอและประมุขเต๋าเจิ้นหยางจะร่วมมือกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะอาจารย์ซงเฟิงได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าใบหน้าบนเมฆดำทะมึนหลับตาลง อาจารย์ซงเฟิงก็คงจะไม่ได้ต่อสู้อย่างง่ายดายเช่นกัน
ทั้งสามคนแยกกันไป ประมุขเต๋าจิ้งเหอและประมุขเต๋าเจิ้นหยางนั่งลงในท่านั่งดอกบัวขณะที่ดวงตาของเมฆดำทะมึนปิดอยู่ เห็นได้ชัดว่ากำลังพักผ่อน
เมื่อเห็นว่าอาจารย์ซงเฟิงก็ไม่สามารถทำอะไรต่อประมุขเต๋าจิ้งเหอและประมุขเต๋าเจิ้นหยางได้ ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ที่เหลือ ณ โรงเรียนเสวียนชิงจึงยังคงอยู่นิ่งๆ
หลังจากผ่านไปนาน ใบหน้าบนเมฆดำทะมึนในที่สุดก็ลืมตาขึ้น เสียงส่งผ่านมาจากส่วนลึกภายในเมฆ “ฉินจิ้งเหอ บอกกับไอ้เด็กเหลือขอของครอบครัวเจ้าด้วย เขาฆ่าศิษย์ข้า เพราะงั้นไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะต้องแก้แค้นให้ศิษย์ข้าแน่นอน! เขาควรจะหลบอยู่แต่ในโรงเรียนจนกระทั่งข้าตายจากไปเสีย มิเช่นนั้น ข้าจะต้องเอาชีวิตเขาแน่!”
หลังจากพูดจบ เมฆดำทะมึนก็ทะลุผ่านตาข่ายลำแสงที่ประมุขเต๋าเจิ้นหยางวางไว้ด้วยแผ่นตรีลักษณ์ทั้งแปดไปอย่างง่ายดายและจากไปทันที
ภายในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน ในที่สุดโม่เทียนเกอก็ถอนใจอย่างโล่งอก ในเมื่ออาจารย์ซงเฟิงบังอาจมาที่โรงเรียนโดยไม่ได้รับเชิญ เขาคงไม่เคยเจอคนที่สามารถขวางทางของเขาได้ ใช่ไหม? น่าจะเป็นเช่นนั้นล่ะ แค่ฆ่าผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณใหม่ก็ยากอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นสุดท้ายที่ครอบครองวิชาลับและสมบัติมากมายเลย สืบเนื่องจากปฏิกิริยาเฉยเมยของพวกผู้อาวุโสระดับจิตวิญญาณใหม่พวกนั้น พวกเขาก็คงไม่มีเจตนาจะหยุดเขา จริงไหม
อย่างไรก็ตาม นางไม่รู้ว่าที่อาจารย์ซงเฟิงพูดว่า “เขาฆ่าศิษย์ของข้า” หมายความว่าอะไร เป็นไปได้หรือไม่ว่าฉินโส่วจิ้งคนนั้นฆ่าศิษย์ของเขา
ขณะที่โม่เทียนเกอครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ นางก็คิดถึงผู้ฝึกตนหญิงที่โจมตีนางในตอนแรกอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีอาวุธเวทที่จงมูหลิงมอบให้ นางก็คงไม่ได้ต่อสู้กับผู้ฝึกตนหญิงคนนั้นได้อย่างง่ายดายแบบนี้แน่
ผู้ฝึกตนหญิงคนนั้นลอบเข้ามาในโรงเรียนเสวียนชิงและหายตัวไปเมื่ออาจารย์ซงเฟิงปรากฏตัวขึ้น หรือว่านางก็เป็นศิษย์หรือศิษย์หลานของอาจารย์ซงเฟิงเช่นกัน?
หลังจากคิดอยู่นานโดยไม่มีคำตอบ โม่เทียนเกอส่ายหัวและโยนเรื่องพวกนี้ไว้ในใจลึกๆ พวกมันไม่มีอะไรเกี่ยวกับนาง บัดนี้นางควรคิดว่าจะออกไปโดยไม่ถูกสังเกตเห็นได้อย่างไรดี