ลำนำสตรียอดเซียน - ตอนที่ 197 แลกเปลี่ยนสินค้า
จากช่วงเวลานั้นมา โม่เทียนเกอเริ่มอาศัยอยู่ในสภาปี้เซวียน
ถึงแม้เว่ยเฮ่าหลานจะเป็นคนค่อนข้างช่างวางแผน แต่นางก็ยังทำดีกับโม่เทียนเกอในตอนนี้ ไม่เพียงแต่นางจะสั่งให้ผู้ฝึกตนหญิงสองคนคอยดูแลความต้องการประจำวันของโม่เทียนเกอ แต่นางยังถึงขนาดส่งของขึ้นชื่อของบริเวณทะเลตะวันออก อย่างเช่นผลไม้วิญญาณและอื่นๆ อีกมากมายมาให้โม่เทียนเกอได้ลิ้มลองด้วย
หลังจากวันที่สองที่โม่เทียนเกอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านพักแขกผู้มีเกียรติของสภาปี้เซวียน นางก็เริ่มมีคนแวะเวียนมาหาไม่ขาดสาย ซย่าชิงต้องมาอย่างแน่นอนในตอนรุ่งเช้าของทุกวัน นางมาหาและลากโม่เทียนเกอไปที่ห้องปุรงยา ถามนั่นถามนี่และตั้งคำถามเกี่ยวกับศาสตร์แห่งการปรุงยากับนาง เมื่อถึงเวลาที่นางกลับจากห้องปรุงยาก็มักจะมีผู้มาเยือนคอยนางกลับมาอยู่เสมอ ผู้มาเยือนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ฝึกตนหญิงระดับการสร้างฐานแห่งพลังงานของสภาปี้เซวียน ส่วนเหตุผลในการแวะมาหาของพวกนางนั้น ทุกคนพูดว่าพวกนางได้ยินว่านางมาจากคุนอู๋ ดังนั้นพวกนางจึงต้องการถามเรื่องที่เกี่ยวกับคุนอู๋บางอย่าง และในขณะเดียวกันพวกนางก็ต้องการแลกเปลี่ยนบางสิ่งกับนางด้วย
สินค้าสำหรับการฝึกตนค่อนข้างขาดแคลนในหลินไห่ แต่ท้ายที่สุดแล้วหลินไห่ก็ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลตะวันออก ทะเลมีของแปลกประหลาดซึ่งไม่มีอยู่บนบก และทั้งๆ ที่ไม่ใช่ส่วนประกอบหลักของยาวิเศษแต่ก็มีผลลัพธ์ที่พิเศษเฉพาะตัว
ศิษย์สภาปี้เซวียนเหล่านี้มีโอกาสน้อยมากที่กลุ่มจะส่งพวกนางไปยังคุนอู๋หรือดินแดนใจกลางเพื่อแลกเปลี่ยนเสบียง พวกนางส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสได้ไปคุนอู๋เลยตลอดชีวิต ดังนั้นแม้ว่าพวกนางจะได้รับวัตถุดิบบางอย่างที่จัดว่าไม่ธรรมดาโดยผู้ฝึกตนบนแผ่นดิน พวกนางก็ทำได้แค่เก็บมันไว้กับตัว ตอนนี้พอพวกนางได้ยินว่ามีสหายนักพรตจากคุนอู๋มาถึง พวกนางจึงเอาทรัพย์สินของตัวเองออกมาทีละอย่างๆ และนำมาให้โม่เทียนเกอเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นยาวิเศษ พืชวิญญาณ หรืออาจจะเป็นเครื่องมือเวทและอื่นๆ อีกมากมาย
โม่เทียนเกอไม่ได้ขาดยาวิเศษและมีเครื่องมือเวทอยู่พอสมควร แต่จากช่วงเวลาที่การจลาจลสัตว์ปีศาจเริ่มขึ้น ผู้ฝึกตนหลายคนตายไปรอบตัวนาง บางคนถูกนางฆ่า บางคนก็โชคไม่ดีและตายอยู่ใกล้ๆ นาง
นางได้เครื่องมือเวทมากมายมาจากพวกผู้ฝึกตนโชคร้ายพวกนั้น เนื่องจากโดยปกตินางไม่ได้ขาดศิลาวิญญาณ นางจึงไม่เคยนำมันไปแลกเป็นเงิน ตอนนี้นางกำลังเอามันออกมาและแลกกับผู้ฝึกตนหญิงพวกนี้เพื่อวัตถุดิบแปลกๆ แน่นอนว่านางไม่สามารถใช้ทรัพย์สินของเยียนรั่วชูและศิษย์พี่น้องของนางอีกสองคนในระหว่างการแลกเปลี่ยนนี้ได้
“ศิษย์พี่เยี่ย”
โม่เทียนเกอกำลังฝึกตนเมื่อจู่ๆ นางได้ยินเสียงจากด้านนอกกะทันหัน นางกดพื้นที่ตรงหว่างคิ้วเพื่อออกจากโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนแล้วจึงเปิดม่านพลังป้องกัน “มีอะไรหรือ”
คนที่อยู่ข้างนอกคือผู้ฝึกตนหญิงระดับการหลอมรวมพลังงานวิญญาณสองคนที่เว่ยเฮ่าหลานสั่งให้มาดูแลนาง คนหนึ่งชื่ออี้หลิ่วและอีกคนชื่ออี้ชิว ทั้งสองคนเป็นคู่พี่น้องกัน
ในสภาปี้เซวียน ผู้ฝึกตนชายระดับต่ำจะรับหน้าที่ทำงานจิปาถะที่เหน็ดเหนื่อย ในขณะที่งานอย่างการเป็นผู้ช่วยส่วนตัวล้วนทำโดยผู้ฝึกตนหญิงทั้งสิ้น
ตามรายงาน อี้หลิ่วและอี้ชิวไม่มีรากวิญญาณที่ดี ดังนั้นในตอนแรกพวกนางจึงถูกรับเข้ามาในสภาปี้เซวียนในฐานะสาวใช้ แต่แน่นอนว่าในกลุ่มการฝึกตนสำหรับผู้ฝึกตนหญิงอย่างสภาปี้เซวียน สถานะของพวกนางก็ยังสูงกว่าผู้ฝึกตนชายระดับต่ำมากนัก สองพี่น้องยังขยันมากอีกด้วยและงานที่พวกนางทำก็คือการรับใช้เจ้าสำนัก เว่ยเฮ่าหลานเห็นว่าพวกนางขยันและมีความสามารถ ดังนั้นนางจึงมักจะคอยเฝ้าดูพวกนางอยู่ พวกนางอยู่ในระดับแปดและเก้าของดินแดนการหลอมรวมพลังงานวิญญาณแล้วตอนนี้ ถ้าพวกนางได้รับยาสร้างฐานแห่งพลัง พวกนางก็อาจจะสามารถก้าวหน้าได้อย่างมากทีเดียว
จู่ๆ โม่เทียนเกอก็นึกถึงนานนานขึ้นมาทันใด เด็กหญิงตัวน้อยที่นางพบในหมู่บ้านชาวประมง ถ้าเด็กหญิงคนนั้นขยันได้เท่าสองพี่น้องนี้ เส้นทางสู่การเป็นเซียนของนางก็น่าจะไม่สิ้นหวัง
พอได้ยินเสียงของโม่เทียนเกอ ใครบางคนเข้ามาในห้อง อี้หลิ่วนั่นเอง นางคำนับอย่างสุภาพแล้วจึงพูดว่า “หอสมบัติลับกำลังจัดงานชุมนุมแลกเปลี่ยนอยู่ตอนนี้เจ้าค่ะ ท่านเจ้าสำนักได้ยินว่าศิษย์พี่เยี่ยมักจะแลกสินค้ากับพวกอาจารย์ลุงในกลุ่ม ดังนั้นนางจึงส่งคนมาที่นี่เป็นพิเศษเพื่อเชิญท่านเจ้าค่ะ”
“งานชุมนุมแลกเปลี่ยน” โม่เทียนเกอถามด้วยความประหลาดใจ ปกตินางเคยได้ยินถึงงานชุมนุมแลกเปลี่ยนมาก่อน นอกเหนือจากร้านค้าเปิดหรือแผงลอยตามถนน การซื้อขายในโลกแห่งการฝึกตนสามารถทำได้หลายวิธี อย่างเช่นการแลกเปลี่ยนสินค้า การประมูล และอื่นๆ อีกมากมาย แต่หากพูดกันทั่วๆ ไป วิธีแบบหลังเป็นวิธีการซื้อขายที่ใช้โดยผู้ฝึกตนระดับสูง
ยิ่งระดับการฝึกตนของผู้ฝึกตนสูงมากเท่าไร เงื่อนไขสำหรับวัตถุวิญญาณที่ต้องการของพวกเขาก็ยิ่งยากขึ้นมากเท่านั้น ร้านค้าทั่วไปล้วนจัดการโดยผู้ฝึกตนระดับต่ำ ดังนั้นพวกเขาจะมีของเหล่านั้นอยู่ในครอบครองได้อย่างไร เพราะเหตุนั้น ร้านค้าที่มีอำนาจมากหน่อยจึงมักจะจัดการประมูลเพื่อที่พวกเขาจะสามารถขายวัตถุดิบหายากที่มีอยู่ได้ในราคาดีที่สุด งานชุมนุมแลกเปลี่ยนก็เกิดขึ้นด้วยเหตุผลเดียวกัน
แต่ถึงอย่างไร สภาปี้เซวียนไม่ได้มีผู้ฝึกตนระดับสูงมากนัก ดังนั้นพวกเขาก็อาจจะแค่ทำอย่างที่โรงเรียนเสวียนชิงทำก็ได้ นั่นคือพวกเขาสามารถเปิดร้านค้าของกลุ่มและปล่อยให้ศิษย์ซื้อขายสินค้าของตัวเองที่นั่น พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีงานชุมนุมแลกเปลี่ยนที่ว่านั่นหรืออะไรแบบนั้นเลย
แต่เมื่อคิดอีกที นางจำได้ว่าพวกเขาอยู่ในหลินไห่ ที่ซึ่งวัตถุวิญญาณขาดแคลนและผู้ฝึกตนระดับสูงก็มีน้อย มันจึงไม่แปลกเลยสักนิดที่ผู้ฝึกตนระดับการสร้างฐานแห่งพลังงานจะแลกเปลี่ยนสินค้าหายากระหว่างกันเอง
“ศิษย์พี่เยี่ย” พอเห็นว่าโม่เทียนเกอไม่ได้ตอบอยู่พักหนึ่ง อี้หลิ่วจึงเรียกนางอีกครั้ง
“โอ้” โม่เทียนเกอได้สติจากความคิดของนางอีกครั้ง “ถ้างั้นก็นำทางข้าไป และในขณะเดียวกันเจ้าก็ควรบอกข้ามาด้วยว่างานชุมนุมแลกเปลี่ยนมันเกี่ยวกับอะไร”
“เจ้าค่ะ” อี้หลิ่วพาโม่เทียนเกอออกจากบ้านพักแขกแล้วจึงนำทางไปพร้อมกับอธิบาย “งานชุมนุมแลกเปลี่ยนนี้จัดขึ้นทุกสองสามเดือน ศิษย์พี่เยี่ย ท่านก็รู้ว่าไม่มีทรัพยากรสำหรับการฝึกตนในหลินไห่มากนัก โดยเฉพาะยาวิเศษ ไม่มีอาจารย์ปรุงยาเก่งๆ มากนัก และเราก็ยังขาดพืชวิญญาณหลายประเภทอีกด้วย… อย่างไรก็ตาม โชคดีที่เราตั้งอยู่ใกล้ทะเลตะวันออก มีสัตว์ปีศาจนับไม่ถ้วนในทะเลและแกนปีศาจของพวกมันก็สามารถกินได้โดยตรง ดังนั้น…”
“แกนปีศาจสามารถกินได้โดยตรง” โม่เทียนเกอพูดแทรกการอธิบายของนางขณะที่ถาม
อี้หลิ่วพยักหน้า “ศิษย์พี่เยี่ยไม่รู้หรือเจ้าคะ มันก็แค่เวลาเรากินแกนปีศาจ เราต้องใช้วิธีพิเศษเพื่อแปรเปลี่ยนและซึมซับพลังวิญญาณภายในนั้น ยิ่งไปกว่านั้น แกนปีศาจที่แตกต่างกันก็ประกอบไปด้วยปริมาณพลังวิญญาณที่แตกต่างกัน นี่คือจุดประสงค์ของงานชุมนุมแลกเปลี่ยน เราสามารถได้รับแกนปีศาจที่เราต้องการโดยแลกกับอะไรบางอย่าง”
“… เข้าใจล่ะ” โม่เทียนเกอกล่าวขณะที่นางดำดิ่งลงในความคิด ในคุนอู๋ แกนปีศาจมักจะใช้สำหรับการปรุงยาวิเศษ ในระหว่างการจลาจลสัตว์ปีศาจที่เกิดขึ้นทุกหลายสิบปี ซากของสัตว์ปีศาจที่ผู้ฝึกตนได้รับจะถูกใช้ไปกับการขัดเกลาเครื่องมือและแกนปีศาจจะถูกใช้สำหรับปรุงยา แกนปีศาจประกอบไปด้วยพลังประหลาด ดังนั้นการกินโดยตรงอาจนำไปสู่การเบี่ยงเบนของพลังวิญญาณได้ ถึงแม้มันอาจจะไม่ได้นำไปสู่การเบี่ยงเบนพลังวิญญาณ แต่มันก็จะทำให้พลังวิญญาณภายในร่างกายของผู้ที่กินเข้าไปปนเปื้อนไปด้วยสิ่งเจือปนไม่บริสุทธิ์มากมาย
แต่โดยไม่คาดคิด ที่หลินไห่กลับมีวิธีการซึมซับพลังของแกนปีศาจได้โดยตรง นี่มันมีค่ามาก บางทีโม่เทียนเกออาจจะสามารถเรียนรู้วิธีใหม่ๆ ในการใช้แกนปีศาจซึ่งทำให้นางใช้พลังของแกนปีศาจได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“ศิษย์พี่เยี่ย เรามาถึงแล้วเจ้าค่ะ” อี้หลิ่วที่พานางเข้ามาในอาคารชี้ไปที่ห้องใต้หลังคาและพูดว่า “อยู่บนนั้นเจ้าค่ะ ศิษย์พี่แค่ต้องขึ้นไปข้างบน ระดับการฝึกตนของศิษย์น้องยังไม่สูงพอ ดังนั้นศิษย์น้องจึงไม่สามารถขึ้นไปข้างบนกับศิษย์พี่ได้”
โม่เทียนเกอพยักหน้า “ตกลง ขอบคุณมาก”
“เป็นสิ่งที่ข้าควรทำเจ้าค่ะ” อี้หลิ่วโค้งคำนับให้จากนั้นจึงย้ายไปด้านข้างเพื่อยืนรวมอยู่กับศิษย์ที่เฝ้าประตู
โม่เทียนเกอขึ้นข้างบนไปคนเดียว
ห้องชั้นบนนี้ขนาดประมาณโถงด้านข้าง มีโต๊ะยาวอยู่ตรงกลางและรอบโต๊ะนั้นมีผู้ฝึกตนการสร้างฐานแห่งพลังงานนั่งอยู่มากกว่ายี่สิบคนซึ่งรวมถึงพวกผู้ชายด้วยอย่างไม่น่าเชื่อ
โม่เทียนเกอค่อนข้างประหลาดใจ จากเวลาที่นางมาถึงสภาปี้เซวียน ไม่มีผู้ฝึกตนชายคนใดที่นางเห็นจะอยู่ในดินแดนการสร้างฐานแห่งพลังงานเลยสักคน ที่จริงแล้วพวกเขาส่วนใหญ่เป็นแค่ผู้ฝึกตนระดับต่ำในระดับสองหรือสามของดินแดนการหลอมรวมพลังงานวิญญาณ แต่อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางผู้ฝึกตนการสร้างฐานแห่งพลังงานประมาณยี่สิบคนที่อยู่ต่อหน้านางนี้ มีผู้ฝึกตนชายประมาณห้าหรือหกคน นั่นไม่ใช่จำนวนน้อยเลยทีเดียว
นางครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ใช่ว่าจะไม่มีผู้ฝึกตนชายในสภาปี้เซวียนเลยเสียหน่อย และนางก็เคยถามถึงเรื่องนี้มาก่อน ผู้ฝึกตนชายที่มีต้นทุนดีเยี่ยมจะถูกรับเข้ามาเป็นศิษย์ภายนอกและพวกเขาสามารถกลายเป็นศิษย์ทางการของสภาปี้เซวียนได้ก็ต่อเมื่อหลังจากพวกเขาทำการฝึกตนร่วมสัมพันธ์กับศิษย์ผู้หญิงของสภาปี้เซวียน ในเมื่อผู้ฝึกตนชายพวกนี้แต่ละคนต่างมีผู้ฝึกตนหญิงที่ดูค่อนข้างใกล้ชิดอยู่ข้างกายพวกเขา พวกเขาน่าจะเป็นคู่ฝึกตนร่วมสัมพันธ์ของผู้หญิงพวกนี้ ใช่ไหม
เมื่อนางเห็นการปรากฏตัวของโม่เทียนเกอ เว่ยเฮ่าหลานที่นั่งอยู่ในที่นั่งหลักยิ้มทันทีและก้าวออกมาเพื่อต้อนรับนางด้วยตัวเอง “สหายนักพรตเยี่ย ในที่สุดท่านก็มา”
โม่เทียนเกอยิ้มให้และทักทายนางก่อนที่นางจะหันไปทางคนอื่นที่เหลือเพื่อทักทายอีกครั้ง
เมื่อเห็นนางทักทายพวกเขา ผู้ฝึกตนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะยืนขึ้นทีละคนเพื่อตอบกลับการทักทายของนาง
เว่ยเฮ่าหลานจูงมือโม่เทียนเกอและกลับไปยังที่นั่งหลักโดยยอมให้โม่เทียนเกอนั่งข้างนางโดยตรง จากนั้นนางพูดพร้อมรอยยิ้ม “สหายนักพรตเยี่ยไม่จำเป็นต้องเกร็งเกินไป คนที่อยู่ที่นี่วันนี้ล้วนเป็นศิษย์ของสภาปี้เซวียน ดังนั้นนี่จึงเป็นแค่งานชุมนุมแลกเปลี่ยนภายใน” จากนั้นนางพูดกับคนอื่นๆ “ทุกท่าน นี่คือสหายนักพรตเยี่ยผู้ที่มาจากคุนอู๋ นางเชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งการปรุงยา เพราะฉะนั้นหากท่านมีสิ่งใดที่ต้องการแลกเปลี่ยนกับนาง ท่านต้องใช้โอกาสนี้ให้ดี”
คำอธิบายของเว่ยเฮ่าหลานทำให้สายตาของทุกคนมาจับจ้องอยู่ที่โม่เทียนเกอ ผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่งหัวเราะและพูดว่า “สหายนักพรตเยี่ย วันนี้ท่านต้องไม่ขี้เหนียวนะ เราทุกคนล้วนหวังจะได้ยาวิเศษของท่าน”
ผู้ฝึกตนหญิงของสภาปี้เซวียนจำนวนมากที่โม่เทียนเกอเจอระหว่างสองสามวันที่ผ่านมาล้วนอยู่ที่นี่ทั้งสิ้น ดังนั้นท่ามกลางผู้ฝึกตนหญิงที่อยู่ที่นี่ตอนนี้ โม่เทียนเกอจึงจำพวกนางได้มากกว่าสิบคน นางยิ้มกลับและพูดว่า “ข้าไม่เคยขี้เหนียวอยู่แล้ว ตราบใดที่ข้ามีสิ่งที่สหายนักพรตต้องการแลกเปลี่ยน ข้าจะไม่เก็บไว้เองอย่างแน่นอน”
รอยยิ้มเบ่งบานขึ้นบนใบหน้าของทุกคนหลังจากพวกเขาได้ยินสิ่งที่โม่เทียนเกอพูด ถ้าจะมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับงานชุมนุมแลกเปลี่ยนวันนี้ นั่นก็คงเป็นสหายนักพรตเยี่ยคนนี้ที่มาจากคุนอู๋นั่นล่ะ ทุกคนเป็นผู้ฝึกตนในสภาปี้เซวียน ทรัพย์สินของพวกเขาจึงไม่ต่างจากของคนอื่นมากนัก แต่ในทางกลับกัน สหายนักพรตเยี่ยคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญการปรุงยา ไม่ว่าแกนปีศาจจะดีสักแค่ไหน มันก็ไม่อาจเทียบได้กับยาวิเศษของดินแดนเดียวกัน เพราะฉะนั้นทุกคนจึงพยายามคิดว่าทรัพย์สินอะไรของพวกเขาจะสามารถแลกเป็นยาวิเศษได้บ้างและพวกเขาจะแลกได้มากแค่ไหน
เว่ยเฮ่าหลานกวาดสายตามองทุกคนที่นั่น “เอาล่ะ ทุกคนน่าจะอยู่ที่นี่กันหมดแล้วไม่มากก็น้อย มาเริ่มกันเลย”
เมื่อเว่ยเฮ่าหลานพูด พวกคนที่ยังปรึกษากันอยู่เงียบเสียงลง
ด้วยรอยยิ้มจางๆ เว่ยเฮ่าหลานกล่าว “ตามกฎแล้วเราควรเริ่มทีละคนจากซ้ายไปขวา แต่ในเมื่อเรามีแขกผู้มีเกียรติอยู่กับเราในวันนี้ เริ่มจากแขกเลยแล้วกัน มีใครมีข้อคัดค้านอะไรไหม”
ในระหว่างงานชุมนุมแลกเปลี่ยนนี้ คนส่วนมากมาเพื่อแลกกับโม่เทียนเกอ ดังนั้นจึงไม่มีการคัดค้านใดๆ ตอนนี้สายตาหลายสิบคู่ล้วนกำลังจับจ้องอยู่ที่โม่เทียนเกอ
การสังเกตสถานการณ์นี้ทำให้เว่ยเฮ่าหลานยิ้มอีกครั้ง นางพูดว่า “ดูเหมือนทุกคนจะเห็นด้วย ถ้าเช่นนั้น ทำแบบนั้นเถอะ เราจะเริ่มจากสหายนักพรตเยี่ย” จากนั้นนางหันมาหาโม่เทียนเกอ “สหายนักพรตเยี่ย ท่านรู้ว่าพวกเราทุกคนอยากได้ยาวิเศษจากท่าน ท่านมียาวิเศษมากเท่าไรที่สามารถแลกกับพวกเราได้”
โม่เทียนเกอใช้เวลาสักพักเพื่อคิดก่อนจะเริ่มหยิบยาวิเศษออกมาจากในกระเป๋าเอกภพของนาง ขวดหยกถูกวางไว้บนโต๊ะทีละขวด ทำให้ดวงตาของผู้ฝึกตนเหล่านั้นเป็นประกายยิ่งขึ้น
หลังจากเอาขวดหยกออกมาประมาณมากกว่าสิบขวด ในที่สุดโม่เทียนเกอจึงหยุด “อาจจะมีแค่นี้ ข้าได้แลกยาวิเศษบางส่วนไปกับสหายนักพรตในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา พวกนี้เป็นแค่ยาที่ข้าปรุงอย่างเร่งรีบ”
ยาวิเศษมากกว่าสิบขวด… แม้แต่ดวงตาของเว่ยเฮ่าหลานยังเป็นประกายเมื่อได้เห็น ยาวิเศษไม่ได้ราคาถูกแม้แต่ในคุนอู๋ ทุกๆ ปีพวกเขามักจะส่งศิษย์ออกไปเพื่อซื้อยาวิเศษ แต่ส่วนแบ่งของผู้ฝึกตนการสร้างฐานแห่งพลังงานก็เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กน้อยของของพวกนั้น
“สหายนักพรตเยี่ย” ใครบางคนไม่สามารถใจเย็นอยู่ได้จึงพูดขึ้น “ยาวิเศษพวกนี้เป็นยาประเภทไหนหรือ”
โม่เทียนเกอดึงจุกขวดเปิดทีละขวด “พวกนี้คือยาชำระล้างพลังวิญญาณ พวกนี้คือยาครอบจักรวาล พวกนี้คือยากระจ่างใจ พวกนี้คือยาคงรูป และที่เหลือทั้งหมดคือยาเพิ่มพลังจิตวิญญาณ ทั้งหมดนั้นคือยาที่ผู้ฝึกตนการสร้างฐานแห่งพลังงานสามารถทานได้”
ยาวิเศษเหล่านี้ทั้งหมดถูกปรุงโดยใช้พืชวิญญาณธรรมดาที่นางซื้อมาจากร้านค้าของโรงเรียนเสวียนชิง ก่อนหน้านี้เมื่อนางพูดว่าพวกนี้เป็นแค่ยาที่นางปรุงตอนเร่งรีบ นางแค่พูดไปแบบนั้นให้พวกเขาได้ยิน นางเป็นเพียงผู้ฝึกตนการสร้างฐานแห่งพลังงาน ถึงแม้นางจะมาจากโรงเรียนชื่อดังและเชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งการปรุงยา แต่มันก็คงไม่เหมาะที่นางจะหายาวิเศษมาได้มากมายเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่สามารถแลกเปลี่ยนหรือเอายาที่นางทำจากวัตถุดิบในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนของนางออกมาได้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม สำหรับศิษย์สภาปี้เซวียนที่ติดอยู่ในหลินไห่ ยาวิเศษที่นางนำมาเสนอตอนนี้ก็ยิ่งกว่าเพียงพอแล้ว
“สหายนักพรตเยี่ย ท่านต้องการแลกกับอะไรหรือ” ทันทีหลังจากที่นางอธิบายเสร็จ ใครสักคนถามขึ้นอย่างร้อนใจขณะที่หยิบเอากองของต่างๆ ออกมาและจัดวางให้โม่เทียนเกอเห็น “ดูสิ ข้ามีแกนปีศาจทุกชนิดและยังมีวัตถุวิญญาณแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นจากทะเลตะวันออกอีกด้วย มีอะไรที่ท่านชอบใจหรือไม่”
โม่เทียนเกอยิ้ม “ทั้งหมดนั้นดีสำหรับข้า แต่พวกนี้คือยาวิเศษทั้งหมดที่ข้ามี ข้าเกรงว่าข้าจะมีไม่พอสำหรับพวกท่านทุกคน”
“ไม่ใช่ปัญหา” เว่ยเฮ่าหลานขัดจังหวะพวกเขา “สหายนักพรตเยี่ย ในขวดเหล่านี้มียาอยู่ประมาณเท่าไรรึ”
“อืม…” โม่เทียนเกอเริ่มคำนวณอยู่ในใจ แต่ละขวดประกอบไปด้วยจำนวนแตกต่างกันตั้งแต่สิบไปจนถึงห้าสิบเม็ด “ข้าคิดว่ารวมทั้งหมดมีไม่มากไม่น้อยไปกว่ายาสามร้อยเม็ด”
“ถ้าเช่นนั้นมาตกลงกันสักเล็กน้อยก่อนดีกว่า ทุกคนสามารถขอได้ถึงแค่สิบเม็ด แบบนี้ดีไหม”
ตอนนี้มีคนมากกว่ายี่สิบคนอยู่ที่นี่ ถ้าแต่ละคนได้ส่วนแบ่งยาสิบเม็ด ยาเหล่านี้ทั้งหมดก็จะถูกแลกไปไม่มากก็น้อย
ทุกคนต่างเริ่มคิดคำนวณอยู่ในใจ คนส่วนใหญ่เห็นด้วย แต่มีบางคนที่ไม่เห็นด้วยเช่นกัน “งั้นถ้าเกิดมีส่วนที่เหลือล่ะ”
เว่ยเฮ่าหลานยิ้มและพูดว่า “ถ้ามียาวิเศษเกินมา ข้าจะรับมันไปในนามของกลุ่มจากนั้นก็จะแจกจ่ายให้กับพวกท่านทุกคน ตกลงไหม”