ลำนำสตรียอดเซียน - ตอนที่ 222-1 พิธีก่อตั้งครั้งใหม่
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา บรรดาลูกศิษย์ของสภาปี้เซวียนที่ตกระกำลำบากอยู่ด้านนอก ต่างทยอยกลับมาทีละคน โชคดีที่ผู้ฝึกตนการสร้างฐานแห่งพลังงานของสภาปี้เซวียนส่วนใหญ่ยังคงมีชีวิตเหลือรอดมาได้
อย่างไรก็ตาม ต่อไปพวกเขายังคงต้องจัดการกับปัญหาชวนปวดหัวที่เพิ่มมากขึ้นอีก
ประการแรก เนื่องจากสภาปี้เซวียนไม่ได้รับแค่ลูกศิษย์ที่เป็นสตรีเพศอีกต่อแล้ว ผู้ฝึกตนการสร้างฐานแห่งพลังงานหลายคนล้วนแต่แสดงความเห็นคัดค้านออกมา ธรรมเนียมนี้ดำเนินปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่าหลายพันปีแล้ว ฉะนั้น พวกเขาต่างคุ้นเคยกับมันมาเป็นเวลานานแล้ว ถึงแม้ว่าเว่ยเฮ่าหลานจะเป็นที่เคารพนับถือภายในสภาปี้เซวียน ทว่าอย่างไรเสียนางก็เป็นผู้ฝึกตนการสร้างฐานแห่งพลังงาน และจำนวนผู้ฝึกตนการสร้างฐานแห่งพลังงานที่เป็นบุรุษเพศในสภาปี้เซวียนนั้น ก็น้อยกว่าจำนวนผู้ฝึกตนดั้งเดิมหลังจากผ่านภัยพิบัติครั้งใหญ่นั้นมาได้เสียด้วยซ้ำ ความคิดเห็นของพวกเขาไม่ได้มีน้ำหนักมากแต่อย่างใด
ถึงกระนั้นก็ตาม หลังจากได้ประสบกับความหายนะในครั้งนี้ อารมณ์ของเว่ยเฮ่าหลานแข็งแกร่งกว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนเป็นอย่างมาก นางสยบเสียงตะโกนจากฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแข็งขัน พร้อมกับระบุว่าเรื่องนี้เป็นไปตามความปรารถนาของผู้อาวุโสทั้งสอง
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนบางจำพวกที่เก็บกดความโกรธเกลียดเอาไว้ภายใน เพราะทั้งหกคนนั้นได้ซ่อนตัวอยู่ภายในเจดีย์บรรลุเต๋าและทอดทิ้งบรรดาคนอื่นๆ ไป การตัดสินใจนี้มีขึ้นโดยผู้อาวุโสทั้งสอง และเหล่าผู้ประท้วงเองก็ไม่หาญกล้าพอที่จะดูหมิ่นผู้อาวุโสทั้งสอง ฉะนั้น พวกเขาจึงสร้างเรื่องยุ่งยากให้กับเว่ยเฮ่าหลานแทน โม่เทียนเกอแสดงอภินิหารสองครั้งด้วยกัน เพื่อทำให้คนพวกนั้นได้รู้ว่าถึงแม้ผู้อาวุโสแห่งการก่อเกิดแก่นขุมพลังจะได้สิ้นชีพไปแล้ว แต่ผู้อาวุโสที่ได้รับแต่งตั้งคนใหม่หาใช่ใครที่จะมาต่อกรด้วยไม่ สุดท้าย คนพวกนั้นล้วนแต่ยินยอมในที่สุด
สองวันหลังจากนั้น พิธีก่อตั้งสภาปี้เซวียนขึ้นใหม่ก็ดำเนินไปตามกำหนดการที่วางเอาไว้
ยามเช้าตรู่ ประตูหลักของสภาปี้เซวียนถูกเปิดออก และบรรดาผู้คนที่ไม่ใช่เหล่าลูกศิษย์ของสภาปี้เซวียนต่างหลั่งไหลกันเข้ามา หลังจากผู้ฝึกตนอิสระได้ผ่านการทดสอบวัดระดับรากวิญญาณและการฝึกตน พร้อมทั้งได้รับการยอมรับในฐานะลูกศิษย์ของสภาปี้เซวียนแล้ว จากนั้นพวกเขาก็มารวมตัวกันเป็นกลุ่มๆ ภายในจัตุรัสของสภาปี้เซวียน
เงื่อนไขในการกลายเป็นลูกศิษย์ของสภาปี้เซวียนหาได้เข้มงวดไม่ แม้แต่เหล่าผู้คนที่มีรากวิญญาณทั้งห้า รวมทั้งผู้ที่สามารถดำรงตนอยู่ภายในระดับที่หนึ่งและสองของดินแดนแห่งการหลอมรวมพลังงานวิญญาณได้ตลอดอายุขัยนั้น ก็จะได้รับการตอบรับให้เข้าเป็นศิษย์ได้เช่นกัน
เมื่อรวมกับลูกศิษย์ดั้งเดิมที่กลับมา จำนวนลูกศิษย์ของสภาปี้เซวียนก็ทะลุพันคนอย่างรวดเร็ว
ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา เริ่นอวี่เฟิงได้ก่อตั้งสำนักเทพมังกรอันเลื่องลือขึ้นมาด้วยตัวของเขาเอง หากผู้ใดปฏิเสธที่จะเชื่อฟังเขา เริ่นอวี่เฟิงจะสังหารพวกเขา และใช้พวกเขาในการพัฒนาพลังมรณะของเขาเสีย ผู้ฝึกตนหลายคนในเมืองหลินไห่ต่างเสียชีวิตหรือไม่ก็หลบหนีไป ฉะนั้น จึงเหลือผู้ฝึกตนอีกไม่มากเท่าไรนัก เท่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้วที่พวกเขาสามารถสรรหาบรรดาลูกศิษย์จำนวนนี้ได้
นี่ก็เป็นเหตุผลข้อหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของผู้อาวุโสทั้งสองเช่นกัน ประการแรก ความเสียหายต่างๆ ที่สภาปี้เซวียนได้ผ่านพ้นมานั้นเลวร้ายเกินคณานับ และเมืองหลินไห่ก็ไม่ได้มีผู้ฝึกตนจำนวนมากนัก หากพวกเขาไม่ยอมเปิดประตูให้กับทุกผู้ทุกนาม สภาปี้เซวียนจะต้องค่อยๆ อ่อนกำลังลง จนกระทั่งไม่สามารถรักษามันเอาไว้ได้อีกต่อไปในสักวันหนึ่ง ประการที่สอง เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับซั่งกวนอวิ๋นเฮ่า เห็นได้ชัดว่าจิตใจของเขาไม่ได้อยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง ทว่ากฎเกณฑ์ดั้งเดิมของสภาปี้เซวียนหาได้ไร้ซึ่งข้อด้อยโดยสิ้นเชิงไม่ ถ้าหากผู้ฝึกตนบุรุษเพศสามารถได้รับสถานะเช่นเดียวกับผู้ฝึกตนสตรีเพศ พวกเขาจะลดแรงกระตุ้นสำหรับการกระด้างกระเดื่องได้อย่างมีนัยสำคัญ
หลังจากคิดใคร่ครวญอย่างรอบคอบแล้ว มันจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับสภาปี้เซวียน ที่จำต้องเปลี่ยนแปลงวิธีในการบริหารเสียใหม่ ถ้าหากสภาปี้เซวียนยังคงอยู่กับที่แบบนี้ต่อไป พวกเขาคงได้แต่ก้าวเข้าสู่หายนะของพวกเขาเข้าไปทีละก้าว นอกจากนั้น นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ม่านพลังเคลื่อนย้ายของสภาปี้เซวียนจะเปิดให้บริการสู่สาธารณะ ไม่ว่าใครก็ล้วนแต่สามารถใช้มันได้ ตราบใดที่พวกเขาชำระค่าบริการ ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่ลูกศิษย์หนึ่งคนหมายจะทำการบุกทะลวงดินแดน พวกเขาจะต้องออกไปท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มประสบการณ์ของพวกเขาเสียก่อน
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผู้อาวุโสทั้งสองได้บอกพวกเขาให้ปฏิบัติตาม ก่อนที่พวกเขาจะออกไปจากเจดีย์ ตลอดช่วงเวลาหลายปีนั้น เว่ยเฮ่าหลานได้พูดคุยกับโม่เทียนเกออยู่บ่อยครั้ง การได้เรียนรู้ถึงวิธีต่างๆ จำนวนมากที่กลุ่มผู้ฝึกตนได้รับการจัดการในคุนอู๋นั้น สร้างความประทับใจให้กับนาง ฉะนั้น นางจึงเห็นด้วยกับคำสั่งทุกประการของผู้อาวุโสในทันที
เนื่องจากขาดแคลนผู้มีศักยภาพ พวกเขาจำต้องคิดให้หนักขึ้นเพื่อหาทางแก้ไข เมืองหลินไห่ขาดแคลนเสบียงอาหาร แต่คุนอู๋เองก็มีสถานที่แร้นแค้นจำนวนมากเช่นกัน ถึงแม้ว่าสถานที่แร้นแค้นเหล่านั้นจะไม่มีกลุ่มผู้ฝึกตนขนาดใหญ่อาศัยอยู่ แต่ก็มีกลุ่มผู้ฝึกตนขนาดเล็กถึงกลางอาศัยอยู่ และพวกเขาก็เข้าขากันได้ดี อีกอย่าง ภูมิประเทศของเขตทะเลตะวันออกนั้นก็พิเศษ แกนปีศาจและวัตถุดิบทางทะเลล้วนแต่หาได้ยากอย่างมากในคุนอู๋ หากพวกเขาจัดการเรื่องต่างๆ นี้ได้เป็นอย่างดี พวกเขาอาจพบกับแหล่งรายได้ใหม่ได้
สรุปคือ หลังจากประสบกับการเกือบล่มสลายของกลุ่ม ผู้อาวุโสทั้งสองและเว่ยเฮ่าหลานล้วนแต่ยอมรับความจริงที่ว่าหากพวกเขายังคงปิดประตูตัดขาดจากโลกภายนอก สภาปี้เซวียนจะต้องถึงคราวพินาศอย่างแท้จริง
โม่เทียนเกอถอนหายใจอย่างลับๆ ภายในใจ ความจริงแล้ว จุดประสงค์ดั้งเดิมของโม่เหยาชิงในการก่อตั้งกลุ่มผู้ฝึกตนสตรีขึ้นมานั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป มักจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลง ฉะนั้น การปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องโดยผู้ที่มีอำนาจเป็นสิ่งที่จำเป็น ผู้ปกครองที่แสนยอดเยี่ยมควรจะเข้าใจในหลักการที่ว่า “เมื่อกาลเวลาผันแปร สรรพสิ่งย่อมแตกต่างออกไป” กฎเกณฑ์ของสภาปี้เซวียนได้ดำเนินต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่าพันปีแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงแล้ว
เวลาเที่ยงตรง ผู้ฝึกตนทุกคนต่างสำเร็จการทดสอบในที่สุด ลูกศิษย์ชุดใหม่ต่างยืนรวมกันอยู่ภายในจัตุรัสของกลุ่ม และเฝ้ารอคำสั่งจากเจ้าสำนัก ผู้ฝึกตนที่ถูกคัดออกก็ไม่ยอมที่จะล่าถอยกลับไปเช่นกัน พวกเขาต้องการเห็นเหตุการณ์สำคัญของสภาปี้เซวียนที่น้อยคนนักจะได้เห็นด้วยตาของตนเอง
วันนี้ เว่ยเฮ่าหลานและผู้ฝึกตนการสร้างฐานแห่งพลังงานทุกคนที่เข้าร่วม ล้วนแต่ระมัดระวังรอบคอบอย่างเต็มที่ เสื้อผ้าของพวกเขาหรูหรา และการแต่งหน้าของพวกเขาก็งดงามมากด้วย แม้แต่โม่เทียนเกอเองก็เปลี่ยนเสื้อคลุมนักพรตของนาง เป็นชุดเครื่องแบบของสภาปี้เซวียนเพื่อเป็นการให้เกียรติวันนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตัวตนของนางในวันนี้คือผู้อาวุโสรับเชิญของสภาปี้เซวียน ฉะนั้นนางจึงต้องแสดงตนให้สมฐานะเสียหน่อย
พวกเขาเริ่มต้นด้วยการบูชาผู้ก่อตั้งกลุ่ม จากนั้นฌาปณกิจผู้อาวุโสทั้งสอง และนำอัฐิไปประดิษฐานไว้ในแท่นบูชาบรรพบุรุษ ยิ่งไปกว่านั้น แผ่นป้ายที่ระลึกของพวกเขาถูกติดตั้งไว้ต่ำกว่าผู้ก่อตั้งสุงสุดเท่านั้น ตั้งตระหง่านเคียงข้างกันและกันกับแผ่นป้ายที่ระลึกของผู้อาวุโสจิตวิญญานใหม่เพียงคนเดียว ซึ่งสภาปี้เซวียนมีนอกเหนือจากผู้ก่อตั้ง
เมื่อพิธีการไว้อาลัยจบลง เว่ยเฮ่าหลานก็ได้ประกาศเจตจำนงของนาง
“ลูกศิษย์ของข้าทั้งหลาย บัดนี้ สภาปี้เซวียนของเราได้ก่อตั้งขึ้นใหม่แล้ว นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้ฝึกตนบุรุษเพศจะได้รับการปฏิบัติเฉกเช่นเดียวกับผู้ฝึกตนสตรีเพศ เจ้าจะไม่ได้รับการแบ่งแยกในประการใดก็ตาม เหล่าลูกศิษย์ใหม่ที่เพิ่งได้รับการตอบรับจะถูกจัดแบ่งเป็นลูกศิษย์ทางการ และลูกศิษย์ชั่วคราว แต่ลูกศิษย์ชั่วคราวสามารถกลายเป็นลูกศิษย์ทางการได้ เมื่อพวกเขาผ่านการทดสอบ ทุกๆ สิบปี เราจะจัดการประลองภายในครั้งใหญ่ ซึ่งผู้ชนะจะได้รับยาสร้างฐานแห่งพลังงานไป ใครก็ตามที่ได้รับยาสร้างฐานแห่งพลังไป จะไม่ถูกตัดสินโดยตรงจากเหล่าผู้อาวุโสกลุ่มอีกต่อไป…”
จากนั้น เว่ยเฮ่าหลานพูดต่อไปถึงเรื่องความกังวลในการจัดอันดับ
“…ความเสียหายที่สภาปี้เซวียนได้เผชิญตลอดการเกิดหายนะอันเลวร้ายนี้ ร้ายแรงเกินจะคณานับได้ ไม่มีผู้อาวุโสแห่งการก่อเกิดแก่นขุมพลังผู้ใดรอดชีวิต ถึงกระนั้น ก่อนที่จะสิ้นชีพ ผู้อาวุโสชิงอี้และผู้อาวุโสชิงเมี่ยวได้เชื้อเชิญสหายนักพรตเยี่ยเสี่ยวเทียนผู้นี้ ให้มาดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสแห่งสภาปี้เซวียน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ลูกศิษย์ทุกคนต้องเคารพนางเช่นเดียวกับที่พวกเขาได้ปฏิบัติต่อผู้อาวุโสแห่งการก่อเกิดแก่นขุมพลัง” สายตาของเว่ยเฮ่าหลานเคลื่อนไปมองที่โม่เทียนเกอ ในขณะที่นางพูด
โม่เทียนเกอก้าวขึ้นมาข้างหน้าหลายก้าว จากนั้นก็จับมือของนางเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย
เมื่อเห็นว่าโม่เทียนเกอไม่ได้ต้องการจะกล่าวอะไร เว่ยเฮ่าหลานจึงพูดต่อไปว่า “การฝึกตนของผู้อาวุโสเยี่ยนั้นโดดเด่นมาก และนางยังมีความสามารถรอบด้าน ถือได้ว่านางคือผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดภายในดินแดนการก่อเกิดแก่นขุมพลังนี้ เมื่อมีนางอยู่ เป็นไปได้ว่าสภาปี้เซวียนของเราสามารถพัฒนาต่อไปโดยไร้ซึ่งความกังวลใดๆ ได้”
เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น เว่ยเฮ่าหลานกวาดสายตานางไปยังเหล่าผู้ฝึกตนการสร้างฐานแห่งพลังงานหลายคนที่กำลังก่อความไม่สงบเล็กน้อยขึ้น ในฐานะคำเตือน
ถึงแม้ว่าโม่เทียนเกอจะรู้สึกว่าสิ่งที่เว่ยเฮ่าหลานพูดนั้นเกินจริงมากเกินไป แต่นางได้แต่ปล่อยให้มันดำเนินไปตามน้ำอย่างใจเย็น นางไม่ได้กลัวผู้ฝึกตนคนใดที่สภาปี้เซวียนแห่งนี้ และยิ่งไปกว่านั้น เว่ยเฮ่าหลานกล่าวทั้งหมดนั้นเพื่อตักเตือนบรรดาสมาชิกกลุ่มผู้กำลังร้อนรุ่มใจ