ลำนำสตรียอดเซียน - ตอนที่ 224-2 การกลับมา
เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายแก่คนนั้นพูด โม่เทียนเกอก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างลับๆ ถูกต้อง ช่วงชีวิตสุดท้ายของปรมาจารย์หลิงซวีใกล้จะมาถึงแล้ว ฉะนั้นเขาจะต้องกังวลอย่างมากในการตามหาผู้สนับสนุนให้กับทายาทแสนรักของเขาสินะ โชคร้ายที่ศิษย์น้องเจียงหัวดื้อรั้นเกินไปหน่อย นางน่าจะล้มเหลวในการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับเจตนาที่ดีของเขา
“โอ้ เป็นอย่างนี้นี่เอง…” คนที่ถามเขาก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็เข้าใจและเอ่ยออกมาว่า “ปรมาจารย์หลิงซวียังดูมีกำลังวังชาอย่างมาก แต่น่าแปลกใจที่เขากำลังจะจากโลกนี้ไป”
ชายแก่ลูบเคราของเขา จากนั้นกล่าวพร้อมกับหรี่ตาลง “อย่างไรก็ตาม ปรมาจารย์หลิงซวีเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ ตราบใดที่เขาไม่สิ้นชีพ การฝึกตนคือของจริง โชคร้ายที่เมื่อเขาจากไปแล้ว สำนักเสวียนชิงจะมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่เหลือแค่ห้าคนเท่านั้นอีกครั้ง”
ใครบางคนแทรกเข้ามา “แล้วมันแย่ตรงไหนกัน อาจารย์ลุงหลานท่านของเราล้วนแต่อยู่ในขั้นสุดท้ายของดินแดนแห่งการก่อเกิดขุมพลังแล้ว พวกเขาน่าจะมุ่งมั่นสร้างจิตวิญญาณใหม่ของพวกเขาได้ในเร็วๆ นี้ใช่ไหม” ในตอนนั้น เขาเริ่มยกนิ้วขึ้นมาและทยอยนับทีละครั้ง “อาจารย์ลุงตานหนิงแห่งยอดเขาล่องเมฆา อาจารย์ลุงหยวนหยิ่นแห่งยอดเขาจิตสันโดษ อาจารย์ลุงโส่วจิ้งแห่งยอดเขาวสันต์กระจ่าง และยังมีอาจารย์ลุงหลิงซีแห่งยอดเขาหยาดน้ำค้างหวานด้วย อาจารย์ลุงเหล่านี้ล้วนแต่อยู่ในขั้นสุดท้ายของดินแดนแห่งการก่อเกิดแก่นขุมพลังแล้ว!”
“ฮ่าๆ!” ชายแก่หัวเราะเสียงดัง “พวกเจ้า… ข่าวนี้มันกี่ปีมาแล้วกัน ข้าจะบอกอะไรให้นะ อาจารย์ลุงตานหนิงและอาจารย์โส่วจิ้งอยู่ในขั้นสูงสุดของดินแดนแห่งการก่อเกิดแก่นขุมพลังแล้ว พวกเขากำลังจะสร้างจิตวิญญาณใหม่ของพวกเขา!”
“โอ้!” หลังจากได้ยินชายแก่ผู้นั้นพูด คนที่เหลือในกลุ่มต่างหันไปมองที่ชายแก่ผู้นั้นเป็นสายตาเดียว แม้แต่หลานหลิง ผู้รู้สึกว่าตนเองอยู่สูงเกินกว่าจะลงไปซุบซิบนินทากับพวกคนที่เหลือเสมอ และโม่เทียนเกอ ผู้คอยตั้งใจฟังอย่างเงียบเชียบมาตลอด ทั้งคู่ล้วนแต่หันไปจ้องเขม็งที่ชายแก่ผู้นั้น
มันเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญของกลุ่มผู้ฝึกตน สำหรับเหล่าผู้ฝึกตนที่จะสร้างจิตวิญญาณใหม่ของพวกเขา ไม่ต้องพูดถึงภายในกลุ่มผู้ฝึกตนขนาดเล็กถึงกลาง แม้แต่ภายในกลุ่มผู้ฝึกตนขนาดใหญ่เช่นกลุ่มของพวกเขา เมื่อผู้ฝึกตนคนใดคนหนึ่งพร้อมที่จะสร้างจิตวิญญาณใหม่ของพวกเขา กลุ่มจะเพิ่มความระมัดระวังและเปิดใช้งานม่านพลังป้องกันขุนเขาของพวกเขาขึ้น เพื่อให้ทั้งขุนเขานั้นเข้าสู่สภาวะปิดผนึกครึ่งหนึ่ง ทั้งหมดก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นสามารถย่างกรายเข้ามา หรือสร้างความรบกวนใดๆ ได้
ตอนนี้ เมื่อชายแก่ได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างกะทันหัน หัวใจที่รักการนินทาของเขาก็พอใจในที่สุด “พวกเจ้าไม่รู้งั้นหรือ”
ใครคนหนึ่งที่ทนนิ่งต่อไปไม่ไหว เร่งเร้าเขาในทันที “พวกเรา… ถ้าพวกเราไม่ต้องเดินทางไปข้างนอกเป็นเวลาหลายปี ปกติพวกเราก็มีเรื่องให้ทำตั้งมากมายอยู่แล้ว เราเลยไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้นักหรอก! ศิษย์พี่เหยียนรีบบอกพวกเราในสิ่งที่ท่านรู้เถอะ”
ชายแก่รู้สึกพึงพอใจเป็นที่สุด “ก็ได้ ข้าจะเล่าเรื่องของพวกเขาให้พวกเจ้าฟัง และนี่คือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสำนักเสวียนชิงตอนนี้ ปรมาจารย์หลิงซวีรายงานว่าเขาเหลืออายุขัยเพียงสิบปีเท่านั้น ฉะนั้นนั่นคือสาเหตุที่เขากังวลใจอย่างมากที่จะจับอาจารย์ลุงเจียงแต่งงานกับรุ่นน้องที่มีผู้สนับสนุนแข็งแกร่งและมีอนาคตไกลอย่างอาจารย์ลุงไป๋ ถ้าหากเขาทำสำเร็จ แม้ว่าเขาจะจากไป แต่เขาก็ไม่ต้องกังวลว่าอาจารย์ลุงเจียงจะสร้างปัญหาหรือเรื่องใดๆ อีก”
“ศิษย์พี่เหยียน เข้าประเด็นเถอะน่า!” ใครบางคนเร่งเร้าอย่างทนไม่ไหว ถึงแม้ว่าเรื่องของอาจารย์ลุงเจียงจะฟังดูค่อนข้างน่าสนใจเช่นกัน แต่มันก็เทียบไม่ได้กับการที่ใครหลายๆ คนกำลังจะสร้างจิตวิญญาณใหม่ของพวกเขาที่สำนัก
“คนหนุ่มสาวนี่ช่างไม่อดทนเอาเสียเลย” ชายแก่มองไปยังคนผู้นั้น จากนั้นจึงพูดต่อไปอย่างไม่ช้าและไม่เร็วจนเกินไป “ผลกระทบจากการตายของผู้ฝึกตนแห่งจิตวิญญาณใหม่ที่มีต่อกลุ่มของพวกเขา ค่อนข้างแสนสาหัสทีเดียว โดยเฉพาะสำหรับพวกเรา นับตั้งแต่ความสำเร็จในการสร้างจิตวิญญาณใหม่ของปรมาจารย์เสวียนอินทำให้ความแข็งแกร่งของสำนักเสวียนชิงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ตอนนี้ปรมาจารย์ของเราจะไม่ยอมทนดูอย่างเฉยเมยในขณะที่ปรมาจารย์หลิงซวีตายจากไป อย่างไรก็ตาม จะหยุดเรื่องความตายเอาไว้ได้อย่างไรกัน นอกจากนี้ ยาอายุวัฒนะก็ไม่ได้หากันมาได้ง่ายๆ ด้วย…”
ชายแก่ผู้นั้นช่างพูดมากเสียจริง ขณะที่นางฟังเขาอยู่นั้น โม่เทียนเกอหวังเหลือเกินที่จะคว้าคอเสื้อของเขาและเขย่าเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี เพื่อสลัดความเหลวไหลไร้สาระออกไปจากตัวเขาเสีย
นางไม่ใช่ผู้เดียวที่คิดเช่นนี้ แต่ชายแก่ไม่ได้คุกคามใครแม้แต่น้อย ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาต่างอยู่ในกลุ่มผู้ฝึกตนเดียวกัน จึงไม่มีใครทำเรื่องเช่นนั้นได้ เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น พวกเขาจึงปล่อยให้ชายแก่ผู้นั้นพูดพล่อยๆ ต่อไป
หลังจากพูดออกทะเลในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องไปเสียนาน ในที่สุด เขาก็เข้าถึงประเด็นสำคัญเสียที “… อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรให้ต้องจัดการแล้ว ปรมาจารย์หลิงซวีสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกแค่ไม่กี่ปี พวกเขาได้แต่ปล่อยให้เหล่าอาจารย์ลุงแห่งการก่อเกิดแก่นขุมพลัง ผู้ซึ่งมีโอกาสสูงในการสร้างจิตวิญญาณใหม่ ทำให้การฝึกตนของพวกเขาเข้มข้นขึ้นเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น อาจารย์ลุงตานหนิง อาจารย์ลุงโส่วจิ้ง อาจารย์ลุงหยวนหยิ่น และอาจารย์ลุงหลิงซี ได้เข้าสู่ขั้นสูงสุดของดินแดนแห่งการก่อเกิดแก่นขุมพลังตั้งแต่เมื่อห้าสิบปีก่อนแล้ว! สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เป็นเพราะปรมาจารย์จิตวิญญาณใหม่ทั้งหลายคอยสนับสนุนพวกเขาอยู่…”
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดจาเหลวไหลไร้สาระกว่าหลายร้อยคำอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะกลับไปที่ประเด็นหลักในที่สุด “มันไม่นานมากนัก นับตั้งแต่ที่อาจารย์ลุงหยวนหยิ่นและอาจารย์ลุงหลิงซีก้าวเข้าสู่ขั้นสุดท้ายของดินแดนแห่งการก่อเกิดแก่นขุมพลัง ฉะนั้นในตอนนี้ มันน่าจะผ่านมาสักพักหนึ่งแล้ว ก่อนที่พวกเขาจะพยายามสร้างจิตวิญญาณใหม่ของพวกเขา ส่วนอาจารย์ลุงตานหนิงอยู่ในขั้นสุดท้ายมาประมาณหนึ่งร้อยปี แต่เมื่อสองปีก่อน เขาก็เข้าสู่ขั้นสูงสุดได้ในที่สุด สำหรับอาจารย์โส่วจิ้ง เขาเพิ่งเข้าสู่ขั้นสูงสุดของดินแดนแห่งการก่อเกิดแก่นขุมพลังเมื่อไม่นานมานี้ อาจารย์ลุงโส่วจิ้งอยู่ภายในการปิดประตูแห่งจิตมาสามสิบห้าปี ตั้งแต่ที่เขาได้รับบาดเจ็บกลับมาจากเหตุจลาจลมารอสูรเมื่อสามสิบห้าปีก่อน เขาอยู่ภายในนั้นและไม่เคยออกมา อา เมื่อพูดถึงความเก่งกาจแล้ว ไม่อาจดูถูกอาจารย์ลุงโส่วจิ้งได้เลยจริงๆ ท่ามกลางพวกเราทั้งหมด ข้าเกรงว่าจะมีบางคนที่มีรากวิญญาณดีกว่าเขา แต่ในขณะที่เรากำลังขวนขวายต่อสู้อยู่ภายในดินแดนการสร้างฐานแห่งพลังงาน เขาก็สร้างขุมพลังของเขาแล้ว และเขากำลังจะสร้างจิตวิญญาณใหม่ในเร็วๆ นี้ด้วย…”
“ศิษย์พี่เหยียน!” ใครบางคนไม่อาจควบคุมตัวเองเอาไว้ได้ “พวกเราต่างรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับอาจารย์ลุงโส่วจิ้งดี ท่านไม่ต้องเอ่ยถึงมันตลอดก็ได้นะ”
ทั้งเจ็ดคนที่เหลือต่างมีสีหน้าท่าทางที่เหมือนกัน ฉะนั้น ศิษย์พี่เหยียนจึงได้แต่หยุดปากของเขา “ก็ได้ อย่างไรก็ตาม เจ้ารู้ดีว่าอาจารย์ลุงโส่วจิ้งและอาจารย์ลุงตานหนิงอยู่ในขั้นสูงสุดของดินแดนแห่งการก่อเกิดแก่นขุมพลังแล้ว พวกเขาจะลองสร้างจิตวิญญาณใหม่ดู ก็เท่านั้นเอง”
“…” ทั้งเจ็ดคนล้วนแต่ตะลึงงัน
เมื่อถูกทั้งเจ็ดคนจับจ้องมาที่ตนเอง ชายแก่แซ่เหยียนจึงตะโกนออกมาด้วยความเศร้าเสียใจ “พวกเจ้าอยากให้ข้าสรุปย่อให้ไม่ใช่หรือ เรื่องทั้งหมดมันก็มีเท่านี้ไง!”
“…”
หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ใครบางคนก็ถามขึ้นมาว่า “อาจารย์ลุงตานหนิงและอาจารย์ลุงโส่วจิ้ง… พวกเขาจะสามารถสร้างจิตวิญญาณใหม่ได้สำเร็จไหมนะ”
“ใครจะไปรู้กัน” ศิษย์พี่เหยียนตอบกลับอย่างทันท่วงที “การสร้างจิตวิญญาณนี่นะ มันไม่เหมือนกับการสร้างฐานแห่งพลัง ที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำสำเร็จได้ ตราบใดที่ความสามารถของพวกเขาไม่ได้ย่ำแย่มากนัก และมียาสร้างฐานแห่งพลังเพียงพอ แต่สำหรับการสร้างจิตวิญญาณ คนคนนั้นได้แต่อาศัยเจตจำนงของสวรรค์เท่านั้น มันเกี่ยวข้องกับความสามารถน้อยมากๆ”
ถือว่าพูดได้ถูกต้อง การสร้างฐานแห่งพลังเป็นประตูด่านแรกในการฝึกตน ถึงแม้ว่าผู้ฝึกตนส่วนใหญ่จะติดกับอยู่ภายในดินแดนแห่งการหลอมรวมพลังงานวิญญาณตลอดทั้งชีวิต แต่สำหรับลูกศิษย์ของกลุ่มผู้ฝึกตนอย่างพวกเขา ตราบใดที่พวกเขาตั้งใจจริงและมีโชคนิดหน่อย โอกาสในการสร้างฐานแห่งพลังของพวกเขาได้สำเร็จก็ค่อนข้างมากทีเดียว ในทางกลับกัน เมื่อพูดถึงการสร้างจิตวิญญาณ… มีหลักฐานเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่าเจตจำนงของสวรรค์นั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้