ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ - ตอนที่ 153 เก็บหลวงจีนได้รูปหนึ่ง (4)
ซื้อขายกันเรียบร้อยเหมือนซื้อขายสุกรสุนัข น่าเสียดายที่คนถูกขายทิ้งด้วยค่าอาหารสี่เท่าตัวยังคงไม่รู้อีโหน่อีเหน่ มัวแต่นั่งเงียบๆ จ้องมองกับข้าวบนโต๊ะคนอื่น
เจ้าเฉินต้ากวนเหรินเห็นการซื้อขายบรรลุวัตถุประสงค์ คืนนี้จะได้ส้องเสพคนงามแล้ว ในหัวมีแต่เรื่องลามกสัปดนจึงเบิกบานมาก และนั่งลงข้างหลวงจีน มือเกาะที่สะเอวหลวงจีน หัวร่อฮิฮะกล่าวว่า “เสี่ยวซือฟู่ เจ้าอยากกินอะไร เชิญสั่งเลย ต้ากวนเหรินเลี้ยงเองเป็นอย่างไร”
หลวงจีนผมเงินหันหน้ามองเขาแวบหนึ่ง พยักหน้ากล่าวว่า “ไส้หมูสองชั่ง”
เฉินต้ากวนเหรินมุ่นคิ้ว คนงามสะอาดดุจน้ำแข็งดุจหยกคนนี้ ไยจึงชอบกินของเช่นนั้น
เขาคิดดูแล้วยังคงหัวร่อฮิฮะกระแซะใส่หลวงจีน “ของพวกนั้นไม่อร่อย เหม็นจะตาย เดี๋ยวจะเปื้อนปากเล็กๆ งดงามของเสี่ยวซือฟู่เปล่าๆ เราสั่งห่านย่าง ไก่ย่างเป็นอย่างไร”
หลวงจีนแลดูเขาแล้วสั่นศีรษะ “อาตมาว่าประสกเหม็นกว่า”
เฉินต้ากวนเหรินงงงัน รู้สึกตั้งตัวไม่ทัน “ต้ากวนเหรินอย่างข้าเหม็นตรงไหน!”
แม้เขาจะมีกลิ่นตัวอยู่บ้าง แต่เสื้อผ้าที่สวมอยู่พรมด้วยเครื่องหอมชั้นเลิศที่ได้มาจากเมืองหลวง และเมื่อวานเพิ่งอาบน้ำนี่นา
หลวงจีนผมเงินยังคงกล่าวหน้าตาเฉยว่า “ตัวของประสกมีแต่กลิ่นศพ ทางที่ดีควรทำกุศลให้มาก ให้ทานสงเคราะห์ ไม่เช่นนั้นวันหลังจะตกนรกอเวจี[1] ต้องทุกข์ทรมานกับการถลกหนังกดน้ำ”
เฉินต้ากวนเหรินหน้าเปลี่ยนสีในพริบตา เขาทำอาชีพงมศพก็มีฤดูกาลที่การค้าดีกับไม่ดีเช่นกัน โดยเฉพาะในฤดูหนาว คนเดินเรือน้อย สายน้ำก็ไม่เชี่ยวเหมือนฤดูร้อน อุบัติเหตุจึงมีน้อย คนจมน้ำตายก็น้อย และเพื่อผูกขาดอาชีพนี้ แต่ละเดือนยังต้องติดสินบนและเบี้ยบ้ายรายทางเป็นเงินไม่น้อย
ดังนั้นทุกครั้งที่ถึงฤดูการค้าซบเซา เขาจึงมักสั่งลูกน้องที่เชี่ยวชาญฝีมือทางน้ำดำลงไปแอบเจาะเรือโดยสาร โดยเฉพาะเจาะจงที่เรือที่ผู้โดยสารเป็นคนต่างถิ่นจำนวนมาก คนจมน้ำตายส่วนมากจึงเป็นคนต่างถิ่น เช่นนี้จึงสามารถหาเงินได้จากญาติของคนต่างถิ่นที่มาหาศพ อีกทั้งไม่ทำให้ใครสงสัยจนเกินไป
ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนของทางการที่สังเกตว่าอุบัติเหตุเหล่านั้นน่าสงสัย แต่ประการแรกต่างก็เป็นคนถิ่นเดียวกันบ้านเดียวกัน ประการที่สองเฉินต้ากวนเหรินมีอิทธิพลไม่น้อย อย่าเห็นเขาเป็นคนหยาบกร้าน แต่เขาเป็นคนรอบจัดกลอกกลิ้งพอสมควร ติดสินบนทั้งบนล่างถ้วนทั่วดี
ดังนั้นเหตุการณ์ที่ชั่วช้าบาปหนาเหล่านี้จึงถูกกลบเกลื่อนไป
บัดนี้จู่ๆ ก็มีหลวงจีนต่างถิ่นพูดจาตามใจชอบ ดูเหมือนจะบอกใบ้เปิดโปงเรื่องชั่วของตนเอง เฉินต้ากวนเหรินจึงนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายน่าจะรู้พฤติกรรมของตน และรู้สึกว่าผู้คนรอบข้างกำลังจับจ้องตนอยู่ จึงทั้งกลัวทั้งโกรธ เขม้นใส่หลวงจีนอย่างดุร้ายทันที “ไอ้หลวงจีนเฮงซวย มารดาเจ้าซี้ซั้วพูดอะไร!”
หลวงจีนผมเงินหลุบตาลงคิดดู กล่าวเนือยๆ ว่า “อืม อาตมามุสา…”
เฉินต้ากวนเหรินค่อยคลายใจ กำลังจะหัวร่อบอกว่าไม่ติดใจ กลับนึกไม่ถึงว่าประโยคต่อไปของหลวงจีนจะทำเอาแทบกระอัก
หลวงจีนผมเงินพูดต่อหน้าตาเฉย “เมื่อกี้อาตมาพูดตกไปว่าประสกอิ้นถัง[2]ดำคล้ำ สองตาเหลือกขาว เกรงว่าภายในสิบวันจะมีภัยถึงเลือดเนื้อ ถึงท่านจะให้ทานทำกุศลก็ไม่ทันแล้ว ดังนั้นหากไม่คิดจะตายจนน่าเกลียดเกินไป อาตมาแนะนำว่าท่านควรกระโดดน้ำตายจะดีกว่า”
คนรอบข้างเห็นหลวงจีนสีหน้าเฉยเมย มิได้มีเจตนาจะกระตุ้นให้ใครโมโห เหมือนกับบอกเล่าเรื่องราวหนึ่งเท่านั้น ทุกคนต่างสะดุ้งในใจ นึกขึ้นได้ว่าเถ้าแก่จูเคยพูดว่าหลวงจีนดูเหมือนขลังอยู่บ้าง สายตาทุกคู่จึงจับจ้องที่เฉินต้ากวนเหรินอย่างตกใจ
เถ้าแก่จูชายตาเห็นสีหน้าของเฉินต้ากวนเหรินเปลี่ยนจากเขียวเป็นม่วง เปลี่ยนจากม่วงเป็นเขียว สุดท้ายกลายเป็นซีดเผือด จึงลูบหน้าผากอย่างอดมิได้ ดูสิ เขารู้อยู่แล้วว่าหลวงจีนรูปนี้แค่พูดสามคำก็ทำเอาคนโมโหแทบตาย เหมือนสุนัขแก้นิสัยชอบกินมูลไม่ได้จริงๆ
ได้แต่หวังว่าเขาทำนายชะตาให้คนอื่นคราวนี้ จงอย่าได้ลืมทำนายชะตาตนเองด้วยว่าจะเอาชีวิตมาทิ้งเพราะปากเปราะด้วย
และแล้วหลังเฉินต้ากวนเหรินหน้าเปลี่ยนสีไปมา ก็ตบโต๊ะด้วยความโกรธเกรี้ยว ลุกขึ้นซัดกำปั้นใส่หลวงจีน
“โคตรมารดามัน ไอ้ลาหัวโล้นน่าตาย เจ้าลองทำนายซิว่าข้าจะซัดเจ้าสลบไหมดีกว่า จากนั้นจะฟัดเจ้าให้ตายโยนลงแม่น้ำเป็นเหยื่อปลา!”
กำปั้นมหึมาราวพัดใบลานของเฉินต้ากวนเหรินเห็นท่าจะประเคนใส่ใบหน้าบริสุทธิ์สูงส่งแล้ว นึกไม่ถึงว่าแขนเรียวขาวข้างหนึ่งจู่ๆ ก็กันข้อมือไว้
เฉินต้ากวนเหรินกลับพบว่าลำแขนแสนงามพอกันที่ข้อมือเขาถึงกับขยับเขยื้อนมิได้ ไม่เพียงกำปั้นขยับไม่ได้เท่านั้น ทั้งตัวก็ขยับไม่ได้
เขาตกใจ รู้แล้วว่าเจอะคนมีวรยุทธ์เข้า จึงรีบหันหน้าเขม้นใส่อีกฝ่ายทันที “ไอ้คนน่าตายที่ไหนวะบังอาจขวางข้าเฉินต้ากวนเหริน…”
แต่วินาทีต่อมา คำพูดของเขาก็สะอึกอยู่แต่ในลำคอ เพราะคนที่ประจันหน้ากับเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มงามจนน่าพิศวง
งาม งามยิ่ง!
เฉินต้ากวนเหรินไม่เคยเรียนหนังสือ เห็นใบหน้าราวลมโชยจันทร์กระจ่างนี้ ในสมองคิดคำพรรณนาได้แค่นี้
เขายังไม่ทันได้ตั้งสติ ริมหูก็ได้ยินเสียงราบเรียบไร้สูงต่ำของหลวงจีน “อมิตพุทธ อาตมาทำนายเสร็จแล้วว่าอาตมาจะไม่ถูกประสกชกจนสลบไปแล้วจึงโยนลงแม่น้ำเป็นเหยื่อปลา”
คำพูดที่หยาบคายชัดๆ แต่ฟังแล้วกลับสงบสูงส่งราวกับเป็นคำสวดภาวนา
ชิวเยี่ยไป๋คล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้มแลดูหลวงจีนรูปงามที่เกือบถูกซัดบวมเป็นหัวหมู แต่กลับท่าทางสบายอารมณ์ “ไต้ซือเห็นการณ์ล่วงหน้าจริงด้วย”
นางไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องไม่เป็นเรื่องง่ายๆ อยู่แล้ว แต่เพราะดูเหมือนเห็นบางอย่างที่คุ้นตาจึงลงมือ
หลวงจีนเพียงเปล่งคำสรรเสริญพระพุทธคุณเบาๆ “อมิตพุทธ”
“เจ้าเป็นใคร คิดจะทำอะไร” พริบตานั้นเฉินต้ากวนเหรินตวาดด้วยสีหน้าไม่ดี แต่เพราะคนที่คว้าตนไว้เป็นบุรุษรูปงาม น้ำเสียงจึงนุ่มลงไม่น้อย
ชิวเยี่ยไป๋อมยิ้ม ตอบอย่างสุภาพนุ่มนวลว่า “ก็ไม่ทำอะไร แต่จะทำเจ้าเท่านั้น”
“…พรวด!” ผู้คนที่กำลังรอชมฉากวีรบุรุษช่วยคนงามพากันพ่นอาหารที่ค้างในปากโดยพร้อมเพรียงกัน ใช้สายตาพิลึกและเทิดทูนแลดูชิวเยี่ยไป๋
ช่างเหมือนแมวปัวซือ[3]บอบบางล้ำค่าที่ใต้เท้านายอำเภอซื้อมาจากพ่อค้าซีอวี้แดนตะวันตก กำลังแสดงตัวว่าจะขึ้นขี่หมูป่าตัวใหญ่หลังภูเขากระนั้น
เฉินต้ากวนเหรินงงงันในพริบตา สีหน้าแดงก่ำแล้วเปลี่ยนเป็นเขียว เขาเป็นคนชอบผู้ชาย แต่หลายปีขนาดนี้ยังไม่เคยปรากฏว่ามีบุรุษสนใจเขาเลย
จู่ๆ ก็มีหนุ่มน้อยรูปงามโผล่มา เป็นผู้มีรูปโฉมไม่ธรรมดา สารภาพอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ทำเอาหัวใจอันแข็งแกร่งของเขาออกจะรับไม่ไหวอยู่บ้าง
“เจ้า…เจ้า…”
“เจ้าไม่ยอมหรือ” ชิวเยี่ยไป๋มองดูเขาคล้ายผิดหวังอยู่บ้าง
เฉินต้ากวนเหรินสั่นศีรษะในพริบตา แต่นึกอีกทีก็ผงกศีรษะ เขาอยากแสดงให้รู้ว่าเขามิใช่ไม่ยอม เพียงอยากยักท่าไว้หน่อยเท่านั้นเอง
——
[1] อเวจี ชื่อนรกขุมหนึ่งในนรกแปดขุม เป็นนรกขุมที่ลึกที่สุดสำหรับลงโทษแก่ผู้ที่มีบาปหนักที่สุด
[2] อิ้นถัง หมายถึงบริเวณหว่างคิ้ว ตามหลักโหงวเฮ้งหรือนรลักษณ์ของจีน เชื่อกันว่าหากสีออกดำหรือคล้ำจะมีเคราะห์
[3] แมวปัวซือ (波斯猫) หมายถึง แมวเปอร์เซีย