ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ - ตอนที่ 229 ราชันแห่งเสือดาวในป่าใหญ่ (1)
งอบและผ้าคลุมหน้าของเขาเกือบร่วงหลุด ความรู้สึกรังเกียจที่มีคนเบียดใส่ทำให้เขาดึงงอบแน่นตามสัญชาตญาณ มองดูคนที่มิอาจจูงมืออีกต่อไปด้วยสีหน้าสับสน
ชิวเยี่ยไป๋ยิ้มให้ โบกมือ ขยับริมฝีปาก
ไป๋หลี่ชูแววตาหม่นลง และเวลานี้อีไป๋ที่เป็นห่วงเจ้านายได้พยายามเบียดคนจนมาถึงข้างกายไป๋หลี่ชูแล้ว บังเอิญเห็นชิวเยี่ยไป๋มิรู้กำลังพูดอะไร แล้วจู่ๆ ก็โบกมืออย่างสง่า หันกายหายลับไปในฝูงคน
“เขาพูดอะไร” อีไป๋ยืนมั่นอย่างทุลักทุเล เจ้าชิวเยี่ยไป๋ช่างกลอกกลิ้งจริงๆ
ที่นี่เป็นท่าเรือโดยสาร เช้านี้ฝนตกหนัก ผู้โดยสารจำนวนมากที่จะเดินทางตามกำหนดเวลาไม่สามารถเดินทาง บัดนี้ฝนหยุดแล้ว เรือโดยสารลำแรกจะออกเวลานี้พอดี จึงมีคนจำนวนมากออกันที่ประตูกั้นรอให้ประตูเปิด ชิวเยี่ยไป๋ดันพาเจ้านายของตนอ้อมผ่านประตูนั้น แล้วยืนอยู่ที่ปากทางจะลงเรือ ไม่ถูกฝูงคนเบียดจนพลัดตกลงไปก็แปลกแล้ว
แต่พวกเขาหมดปัญญาจะไล่ตามเพราะคนมากจริงๆ
ก็มิรู้ว่าทำไมนางจึงรู้
ไป๋หลี่ชูกล่าวเนือยๆ ว่า “เขาบอกว่าจะไป แต่ยังคงจะกลับมา”
แต่…
เสี่ยวไป๋ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการจากไปของเจ้า ทำให้ข้าพบอย่างชัดเจนอีกครั้งว่า…ความสามารถของเจ้าบางครั้งน่าชังจริงๆ
เขาไม่ชอบความรู้สึกที่หมดหนทางควบคุมเช่นนี้แม้แต่น้อย
“ถ้าไม่มีคนคอยรับ ใต้เท้าชิวไม่มีทางออกไปอย่างราบรื่นแน่” อีไป๋กล่าวพลางส่งสัญญาณให้องครักษ์อื่นๆ ของค่งเฮ่อเจียนเข้าใกล้ ล้อมไป๋หลี่ชูไว้ตรงกลาง กันให้ห่างจากฝูงคนที่เลื่อนไหล
ไป๋หลี่ชูมองดูผู้คนที่ไหลตามกันไปเหมือนกระแสน้ำ ยิ้มอย่างดูแคลนที่มุมปาก “นั่นนะสิ เสี่ยวไป๋อยู่ตรงที่พวกเราไม่เห็น ความสามารถสูงกว่าที่พวกเราคาดคิดไม่น้อย”
เดิมทีคิดว่าที่จับได้เป็นเพียงเสือดาวตัวน้อยกลอกกลิ้งที่น่าสนใจ กลับพบว่าที่แท้เป็นราชันแห่งเสือดาวในป่าใหญ่
ทว่า…
เขาหรี่ตาลง ลูบผ่านก้านดอกไม้ที่แซมผม หัวร่อเบาๆ “ถ้าเสี่ยวไป๋ไม่เป็นเช่นนี้ ข้ามีหรือจะต้องตา”
ราชันแห่งสัตว์ป่า…
เขาจะสร้างกรงขังที่งดงามอลังการที่สุดให้นาง
…
ชิวเยี่ยไป๋หายลับไปในฝูงคน เดินตามฝูงคนต่อไป สองข้างทางยังคงเต็มไปด้วยหาบเร่แผงลอย นางเดินชมเหมือนไร้จุดหมาย
จู่ๆ ก็รู้สึกมีคนกระตุกชายเสื้อ นางชะงักเท้า เสียงสดใสดังขึ้นข้างหลัง “พี่ชาย ซื้อดอกซิ่งฮวาไหม เพิ่งเด็ดเมื่อเช้าก่อนฝนตกนะ ยังมีน้ำค้างติดอยู่เลย”
ชิวเยี่ยไป๋ก้มลงมองดูเด็กหญิงตัวน้อยที่ฉุดตนไว้ สบกับตากลมโตแวววาว ถ้ามิใช่เด็กน้อยที่ขายดอกไม้ให้นางเมื่อเช้าจะเป็นใครไปได้
ชิวเยี่ยไป๋จ้องนางพักหนึ่งหัวร่อเบาๆ “ได้สิ”
เด็กหญิงเห็นนางเหมือนตกลงจึงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “พี่ชาย ดอกไม้ข้ามีอยู่ที่นี่ไม่เยอะ ท่านตามข้าไปที่ร้านเถิด ร้านบ้านข้ามีแต่ดอกไม้สวยๆ มากมายเชียวนะ”
ชิวเยี่ยไป๋กล่าวอย่างมีความหมายว่า “ถ้าเช่นนั้นก็นำทางสิ”
เด็กหญิงพยักหน้า แล้วจูงมือนางเดินไปข้างหน้าอย่างเบิกบาน
ดูเหมือนนางจะคุ้นเคยกับแถวนี้ จูงเยี่ยไป๋มุดไปมุดมาตามถนนตรอกซอยราวกับปลาตัวน้อย มุดไปอีกหลายครั้ง ก็ดึงชิวเยี่ยไป๋เข้าไปในตรอกที่รกร้างแห่งหนึ่ง
นางเหลียวมองรอบๆ พบว่ามีครัวเรือนอยู่ไม่น้อยแต่ล้วนผุพังซอมซ่อ มีราวตากผ้าระเกะระกะไปทั่ว ดูท่าคงเป็นที่อยู่ของพวกคนยากจนของหนานอั้น
เด็กหญิงพลันหยุดเท้าหันมายิ้มตาหยีกับชิวเยี่ยไป๋ “ถึงแล้ว”
ชิวเยี่ยไป๋เลิกคิ้ว “ถึงแล้ว ไม่เห็นมีร้านที่เจ้าพูดเลยนี่นา”
เด็กหญิงร้องฮึเบาๆ “ใครว่าไม่มี”
พูดจบ นางก็หันไปผลักกำแพง ‘กำแพง’ นั้นพลันเปิดดัง แอ้ด
ชิวเยี่ยไป๋งงงัน เมื่อครู่เห็นแล้วเหมือนกำแพงชัดๆ ที่แท้เป็นประตูใหญ่ที่เหมือนกำแพงนี่เอง
หลังประตูใหญ่เปิดออก ข้างในมืดสลัวดูเหมือนไม่มีใครอยู่ กลิ่นอายอับทึบ
“เป็นอย่างไร พี่ชาย ไม่กล้าเข้าไปหรือ” เด็กหญิงกล่าวยิ้มๆ ไม่ปิดบังแววท้าทายและดูแคลนในคำพูดเลย
ชิวเยี่ยไป๋เลิกคิ้วมือข้างหนึ่งปัดชายเสื้อ เดินตรงเข้าไปในบ้าน
เด็กหญิงเห็นนางเข้าไปข้างในแล้ว ดวงตาฉายแววกลอกกลิ้งพลันยื่นมือตบใส่ผนังข้างประตู
กว่าชิวเยี่ยไป๋จะพบว่าหลงกลก็ไม่ทันเสียแล้ว พอหันมาประตูก็ปิดดัง โครม ด้วยพลังฝีมือของนางย่อมฝ่าออกไปได้ในพริบตา
แต่…
นางกลับไม่ขยับ เพียงมองดูประตูที่ปิดลง แล้วหันกลับไปมองดูบ้านที่ทึมเทาเย็นเยือกนั้น
บ้านหลังนี้ดูจากภายนอกเก่าซอมซ่อ แต่ข้างในดูแล้วสะอาดสะอ้านดีและมิใช่บ้านช่วงเดียว แต่เป็นบ้านเก่าแก่ที่มีความยาวติดต่อกันลึกสามช่วงด้วย
ตะวันยามบ่ายสาดส่อง ยังเห็นฝุ่นละอองสีทองปลิวอยู่ข้างในราวกับไม่เคยมีใครเข้ามานานแล้ว ลึกลับและเงียบสงบ
ชิวเยี่ยไป๋หรี่ตาก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง พลันได้ยินเสียง ฉับ เบาๆ ที่ใต้เท้า นางหยุดเท้าทันทีและกระโดดขึ้นกลางอากาศโดยไม่ต้องคิด หลบกับดักใต้เท้า
ทว่า…
พื้นมิได้แตกตัวออกเหมือนที่คิด กลับกลายเป็นมีอะไรบางอย่างหล่นลงกลางอากาศครอบนางไว้ทั้งตัว
ชิวเยี่ยไป๋ตกใจ ร่างที่อยู่กลางอากาศโยกย้ายอย่างพลิ้วไหวจนเป็นเส้นโค้งที่งดงาม ใช้วิชาถ่วงพันชั่งร่วงลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว หลบการจู่โจมจากด้านบน
พริบตาที่นางยักเอวก็เห็นกลางอากาศมิทราบมีแหร่างใหญ่หล่นลงมาตั้งแต่เมื่อใด แหนั้นมิทราบถักทอด้วยวัสดุใด เส้นเล็กปานเส้นใย ถ้าไม่ทันสังเกตมีหวังถูกครอบไว้กลายเป็นปลาในร่างแห
“ลูกไม้ตื้นๆ บังอาจเอามาแสดงความทุเรศ” นางหัวร่อเบาๆ หลังกำลังจะแตะพื้น พลันม้วนตัวกลางอากาศอย่างสวยงามแล้วลงสู่พื้นด้วยปลายเท้า
ขณะนางเคลื่อนไหว ชิวเยี่ยไป๋แทบจะได้ยินเสียงสูดลมหายใจที่มิทราบดังมาจากที่ใด
แต่หลังจากนั้นดูเหมือนอีกฝ่ายไม่พอใจกับคำพูดของนาง พลันแค่นเสียงเย็นชา และแล้วสิ่งที่มาพร้อมกับเสียงเดินหัวร่อ ชิวเยี่ยไป๋พลันรู้สึกพิกล
ใต้ปลายเท้าดูเหมือนจะมีกระแสอากาศเย็นเยียบไหลผ่าน พริบตานั้นนางก็รู้แล้วว่าสิ่งไม่ปกติอยู่ที่ไหน จึงสูดลมหายใจหนาวเหน็บ ทันใดนั้นพื้นที่เดิมแข็งแกร่งจู่ๆ ก็กลายเป็นหลุมดำมืดขนาดใหญ่ และอยู่ใต้ปลายเท้านางนี่เอง