ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ - ตอนที่ 237 ช่างเป็นวิธีที่ดีจริง (4)
บรรดาพวกหยิบหย่งถูกเป๋าเป่าจับฝึกจนจะเป็นลมตายอยู่แล้ว พอได้ยินก็ตะโกนลั่นพร้อมเพรียงกันอย่างดีใจ “ดีขอรับ!”
ต้าสู่เป็นคนไหวพริบดี รีบให้สัญญาณพรรคพวกไปยกเก้าอี้หวายสองตัวมาให้ชิวเยี่ยไป๋กับเป๋าเป่านั่ง
ชิวเยี่ยไป๋ก็นั่งลงอย่างไม่เกรงใจ ต้าสู่กะโผลกกะเผลกไปนำน้ำบ๊วยแช่น้ำแข็งมาโถหนึ่งรินให้ทั้งสอง “มา ใต้เท้าเชียนจ่ง ข้าน้อยรินให้ท่านเอง!”
เฝยหลงที่อยู่ด้านข้างเห็นต้าสู่กุลีกุจอ ก็ร้องเฮอะอย่างดูแคลน “อะไรกันเนี่ย มีแต่ประจบประแจง”
ต้าสู่เหลือกตาใส่อย่างไม่เกรงใจ
ชิวเยี่ยไป๋กลับยื่นมือรับถ้วยจากต้าสู่แล้วอมยิ้มกล่าวว่า “การประจบประแจงก็เป็นวิชาอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ใครก็ประจบประแจงได้ดี ต้องมีสมองด้วย คนที่ประจบผิดหลักจนโดนตัดหัวก็มีถมไป วันนี้ข้าดูแล้วต้าสู่มีพรสวรรค์ทางด้านนี้ดีทีเดียว”
คำพูดของชิวเยี่ยไป๋ทำเอาพวกหยิบหย่งที่กระเหี้ยนกระหือรืองงงัน ต้าสู่ยังคิดว่าชิวเยี่ยไป๋กำลังถากถางตนด้วยซ้ำ สีหน้าจึงอีหลักอีเหลื่อ
ชิวเยี่ยไป๋เห็นท่าทางของพวกเขาแล้วก็ก้มลงจิบน้ำบ๊วยคำหนึ่ง “อากาศร้อนขนาดนี้น้ำบ๊วยแช่เย็นคลายร้อนได้ดีที่สุด ดื่มแล้วอารมณ์ดี มองดูคนก็สบายตา คนให้น้ำบ๊วยถ้ามีไหวพริบกว่านี้หน่อยโอกาสที่จะได้รับใช้ข้างกายใช่ว่าจะไม่มี ถ้าได้รับใช้ใกล้ชิด ก็ต้องสืบข่าวคราวให้ข้าเป็นประจำ พวกเจ้ายังจำได้ไหมว่าภารกิจอันดับแรกของซือหลี่เจียนคืออะไร”
พออธิบายอย่างชัดเจน ทุกคนก็ได้คิด
ภารกิจดั้งเดิมของซือหลี่เจียนคืออะไร
ย่อมเป็นการสืบเสาะข่าวคราว
การประจบประแจงทุกคนเคยทำมาก่อน แต่พวกเขานึกไม่ถึงว่า คำว่าประจบประแจงพออธิบายด้วยถ้อยคำของใต้เท้าเชียนจ่ง จะดูเป็นประโยชน์อย่างโอ่อ่าถึงเพียงนี้
ชิวเยี่ยไป๋มองดูพวกหยิบหย่งที่ยองตัวกับพื้นเหมือนกำลังได้คิด และเจ้าต้าสู่ที่ได้รับคำชมสีหน้าสดใส ท่าทางกระหยิ่มยิ่งกุลีกุจอกว่าเดิม
นางไม่รีบร้อน คนหยิบหย่งกลุ่มนี้เหลวไหลมานาน อยู่ไปวันๆ อย่างเลอะเทอะ จะให้พวกเขาตื่นรู้ในคราเดียวย่อมเป็นไปไม่ได้
ย่อมต้องเริ่มจากสิ่งที่พวกเขาเชี่ยวชาญที่สุด
เปลี่ยนขยะให้เป็นของวิเศษ
นางจึงพิงกับพนักเก้าอี้อย่างสบายๆ ยกขาขึ้นไขว่ห้างดื่มน้ำบ๊วยแช่เย็นที่ต้าสู่กุลีกุจอรินให้พลางกล่าวช้าๆ ว่า “พวกเจ้าค่อยๆ คิด ข้าจะไม่ขอให้พวกเจ้าเหมือนกับพวกกองทิงเฟิงและกองปู่เฟิง พวกเจ้าเรียนรู้การสืบหาช่วยตามจับ สอบปากคำอย่างเป็นทางการเหมือนพวกนั้นไม่ได้หรอก”
นางพูดยังไม่ทันขาดคำ ในกลุ่มคนหยิบหย่งก็มีคนโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงพิกลว่า “พวกเราก็เคยมีคนไปเรียนเหมือนกัน หลับอุตุในชั้นเรียนยังไม่พอแถมยังพนันกับคนอื่นสามอีแปะด้วย เดิมพันกันว่าไอ้นั่นของอี้จ่างที่เป็นครูสอนยาวแค่นิ้วเดียว อุตส่าห์ใช้เบ็ดตกปลาเกี่ยวสายรัดกางเกงของอี้จ่างจนหลุด แม้จะชนะเงินพนัน แต่ถูกอี้จ่างกองคั่นเฟิงทุบตีเกือบตาย”
พริบตานั้นบรรดาหยิบหย่งพากันหัวร่ออย่างลามก ยังมีคนลูบเป้ากางเกงตัวเองด้วย
เป๋าเป่าเห็นคนพวกนี้กล้าสัปดนต่อหน้าชิวเยี่ยไป๋ ดวงตาฉายแววอำมหิตเย็นเยียบแวบหนึ่ง “บังอาจ…”
แต่ชิวเยี่ยไป๋รีบยื่นสองนิ้วเคาะบนหลังมือเขา เป๋าเป่าจึงหลุบตาลง ถอนใจเฮือกหนึ่งแล้วไม่ส่งเสียงอีก
แต่ท่าทางของเขาเมื่อครู่ข่มขวัญพวกหยิบหย่งอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนจึงไม่กล้าพูดซี้ซั้วอีกและนั่งยองต่อไปไม่พูดไม่จา
ชิวเยี่ยไป๋ไม่ถือสา คล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้มพูดต่อ “อ้อ แล้วใครกันที่เก่งกาจสามารถขนาดนี้”
บรรดาคนหยิบหย่งมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ต่างไม่รู้ว่าชิวเยี่ยไป๋จะมาไม้ไหนจึงไม่มีใครส่งเสียง
และยากนักที่ชิวเยี่ยไป๋พบว่าดวงตาพวกเขามิได้ล่อกแล่ก จงใจหรือไม่ตั้งใจหลบเลี่ยงการบอกเป้าหมาย
กับการนี้ชิวเยี่ยไป๋ค่อนข้างพอใจ จึงเลิกคิ้วกล่าวว่า “ดี ข้าเองก็ใช่ว่าจะต้องรู้ให้ได้ว่าเป็นใคร เพียงรู้สึกว่าถึงอย่างไรอี้จ่างของกองทิงเฟิงน่าจะมีพลังฝีมือสูงล้ำและเป็นคนเฉียบไว แต่กลับถูกคนเกี่ยวกางเกงไปได้ คนที่ลงมือย่อมต้องเป็นคนฝีมือดีที่ใจกล้าและละเอียด สมควรให้รางวัล”
พวกหยิบหย่งฟังแล้วแววตาเป็นประกายด้วยความตกใจ อันที่จริงเรื่องนี้ เชียนจ่งคนก่อนได้รู้ภายหลัง และคนก่อเรื่องยังถูกลงโทษด้วย แต่ทำไมพอเป็นชิวเยี่ยไป๋กลับจะให้รางวัล!
เวลานี้จึงมีคนทำใจกล้าถามว่า “แล้ว…เชียนจ่งท่านจะให้รางวัลอะไร”
ชิวเยี่ยไป๋ยิ้มน้อยๆ “ร่วมกันไปกินเลี้ยงที่เหลาจุ้ยเซียนคืนนี้เป็นอย่างไร”
เหล่าหยิบหย่งพากันตาเป็นประกาย ทุกสายตาพุ่งไปที่เฝยหลง
เฝยหลงรีบลุกขึ้นยืนอย่างได้ใจ “ใต้เท้าชิวขอรับ ข้า…เอ่อ…ข้าน้อย เรื่องนั้นเป็นฝีมือข้าน้อยเอง”
ยามนี้ทุกคนรู้สึกตรงกันว่า เชียนจ่งคนนี้เมื่อก่อนไม่เอาการเอางานเลย แต่คราวนี้พอเป็นการเป็นงานขึ้นมาก็ครองใจพวกเขา ยังได้ใจพวกเขามากกว่าเจี่ยงอี้จ่างด้วยซ้ำ
ชิวเยี่ยไป๋มองดูเฝยหลงอย่างพอใจ พยักหน้ากล่าวว่า “ดีมาก ค่ำนี้โต๊ะเหลาจุ้ยเซียนมีที่นั่งของเจ้า”
พริบตานั้นพวกหยิบหย่งพากันฮือฮา แย่งกันคิดหัวจะแตก พยายามจะแสดงฝีมือ ‘เรื่องดีๆ’ ที่เคยทำสักเรื่อง จะได้มีหน้ามีตาและได้ร่วมกินบนโต๊ะสุราให้อิ่มเอมด้วย
ชิวเยี่ยไป๋หัวร่อพลางโบกมือช้าๆ ปล่อยให้พวกเขาบอกเล่าคุณงามความดีพักใหญ่ แล้วเรียกคนที่เขียนเก่งบันทึก ‘เกียรติประวัติ’ ของพวกเขาให้หมด แน่นอน หลัง ‘ทำเรื่อง’ ถูกพบเห็นหรือไม่ ถูกลงโทษอย่างไรหรือพัวพันถึงใครบ้างก็บันทึกไว้หมด
และแล้วบรรดาคนหยิบหย่งจึงน้ำลายฟูฝอย…ใครเคยขโมยของดีของเจ้านายในซือหลี่เจียนไปแลกเหล้าดื่ม ใครเคยวางกับดักทำเอาครูฝึกที่เคยลงโทษตนถูกทุบตีจนเกือบตาย บ้างก็โยนถั่วกำหนึ่งใส่คอกม้า นำเอาม้าดีปลอมเป็นม้าป่วยลากออกจากซือหลี่เจียนไปเลี้ยงต่อแล้วนำไปขาย บ้างก็เป็นชู้กับอนุของคหบดีบางคน บ้างก็วางแผนนอนกับเพื่อนร่วมงานกองอื่นที่หน้าตาดีแล้วขู่กรรโชกเอาเงินเพื่อนร่วมงานที่หน้าบางคนนั้น…ซ้ำร้ายแม้แต่สุนัขแก่ตัวโปรดที่ตูกงเจิ้งจวินเลี้ยงไว้นานปีก็ยังถูกพวกเขาขโมยไปต้มกินด้วย!
ชิวเยี่ยไป๋มือหนึ่งเท้าบนที่เท้าแขนเก้าอี้หวาย รับฟังอย่างออกรสออกชาติและถอนใจ พบว่าคนหยิบหย่งพวกนี้ถึงกับ…ไม่มีเรื่องเลวทรามใดไม่เคยทำเลย ไม่ว่าจะขโมยไก่ขโมยหมาล้วนทำหมด
และหนึ่งเดียวที่นางรู้สึกประโลมใจคือ คนกลุ่มนี้แม้จะไม่เคยทำเรื่องดี เรื่องชั่วเล็กๆ ไม่เคยขาด แต่เรื่องชั่วใหญ่ๆ ไม่มี อย่างน้อยก็ไม่มีใครพัวพันถึงคดีมีคนตาย เว้นแต่…คดีที่เกิดจากโจวอวี่ครานั้น
แต่บัดนี้นางดูแล้วคดีนั้นน่าจะเป็นกับดัก เป็นกับดักที่เจาะจงมาที่นาง
จนกระทั่งกลุ่มคนหยิบหย่งฟุ้งฝอยจนหมด เจ้าคนที่คอยจดก็เหนื่อยจนจดต่อไม่ไหวและตะวันก็โพล้เพล้แล้ว ชิวเยี่ยไป๋จึงยกมืออย่างเกียจคร้าน “เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้นะ”