ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ - ตอนที่ 91 ครุ่นคะนึงหาจากสองที่ (4)
จะให้เขาดื่มของในชามนี้ลงไป ให้เขาไปตายเสียคงน่าจะดีกว่า
แต่ไป๋หลี่ชูกลับทำในสิ่งที่เกินความคาดคิดของนาง เขารับชามไว้อย่างสงบ ยกขึ้นถึงริมฝีปากอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อยแล้วดื่มลงไป ราวกับกำลังดื่มน้ำอมฤตของพระแม่คงคาจากสรวงสวรรค์
ไป๋หลี่ชูดื่มยาจนหมด ขณะวางชามลงก็เห็นสีหน้าชิวเยี่ยไป๋พอดี เขาคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้มเลิกคิ้วกล่าวว่า “เปรียบกับการกลายเป็นซากศพที่มิอาจเคลื่อนไหวแล้ว ข้ายังคงยินดีที่จะมีชีวิตเพื่อสัมผัสความอบอุ่นของเสี่ยวไป๋มากกว่า”
ชิวเยี่ยไป๋อดไม่ได้ที่จะค้อนปะหลับปะเหลือก รู้สึกว่าเขากำลังลวนลามตน แต่มิได้คิดว่าไป๋หลี่ชูแอบซ่อนความนัยถึงการตัดสินใจในการตัดสินโชคชะตาของนางเอาไว้ด้วย
เห็นไป๋หลี่ชูดื่มยาจนหมด ชิวเยี่ยไป๋จึงถามว่า “มิทราบว่าลำดับต่อไปข้าน้อยต้องทำอะไรอีก”
แต่เฒ่าโย่งกับเฒ่าเตี้ยไม่สนใจนาง เอาแต่จ้องไป๋หลี่ชูเขม็ง กล่าวพร้อมกันอย่างตื่นเต้นว่า “ฝ่าบาท รู้สึกอย่างไรบ้าง”
ไป๋หลี่ชูตอบด้วยรอยยิ้มแสนงดงาม แล้วกระอักโลหิตออกมายาวเป็นฉื่อ จากนั้นก็ล้มลงช้าๆ
ชิวเยี่ยไป๋สะดุ้ง สองผู้เฒ่ายิ่งตกใจจนหน้าถอดสี โถมเข้าไปละล่ำละลักถามว่า “ฝ่าบาท!”
ยังคงเป็นนางที่ไวกว่า นางโถมเข้าไปช้อนร่างสูงโปร่งอ่อนปวกเปียกของไป๋หลี่ชู สายตาแข็งกร้าวคมกริบมองดูสองตาเฒ่า “พวกเจ้าซี้ซั้วให้ฝ่าบาทกินอะไรลงไป!”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าครั้งนี้นางวิตกจริงๆ เกิดจู่ๆ ไป๋หลี่ชูตายลง นางมิต้องเสียชีวิตตั้งแต่วัยสาวหรือ!
ตาเฒ่าสองคนลุกลี้ลุกลนเข้ามา พลิกเปลือกตาของไป๋หลี่ชูแล้วดูริมฝีปาก สุดท้ายจับชีพจร มองหน้ากันแล้วกล่าวฟันธงว่า “เร็ว ให้ฝ่าบาทลงบ่อน้ำ!”
ว่าแล้วทั้งสองก็ลากตัวไปหลี่ชู พยายามจะผลักลงบ่อน้ำ
เวลานี้ชิวเยี่ยไป๋ก็คิดอะไรไม่ออก แม้ไม่อยากจะเชื่อตาเฒ่าทั้งสอง แต่ก็ไม่มีวิธีอื่น จึงกล่าวอย่างรำคาญว่า “พอแล้ว ข้าเอง!”
นางใช้พลังภายในสามส่วนอุ้มไป๋หลี่ชูขึ้น จากนั้นก็เดินลงบ่อน้ำ
ขืนปล่อยให้ตาเฒ่าเฮงซวยสองคนนี้ฉุดกระชากลากถู เผลอๆ อาจทำให้ไป๋หลี่ชูจมบ่อน้ำจนตายไปก็ได้
ในบ่อน้ำหยกขาว ยังมีม้านั่งตัวใหม่ทำด้วยหยกขาว นางอุ้มไป๋หลี่ชูวางลงบนม้านั่ง ให้ศีรษะและไหล่ของไป๋หลี่ชูพ้นผิวน้ำพอดี
เพิ่งจะจัดการกับไป๋หลี่ชูเสร็จ ก็รู้สึกว่าสีน้ำรอบตัวของไป๋หลี่ชูเข้มขึ้น
ตาเฒ่าเสื้อแดงทั้งสองที่ริมบ่อสีหน้าเคร่งเครียดร้องว่า “รีบขึ้นมา เร็ว เร็วเข้า!”
ชิวเยี่ยไป๋ไม่รู้สาเหตุ แต่เห็นทั้งสองเคร่งเครียดขนาดนี้ก็คิดว่าคงมีอันตรายบางอย่างที่นางไม่รู้ จึงรีบตะกายขึ้นจากน้ำทันที
และแล้วก็เป็นความจริง นางเพิ่งจะก้าวพ้นบ่อน้ำ ก็เห็นบนร่างของไป๋หลี่ชูมีลายเส้นสีดำโผล่ออกมาอย่างชัดเจน ลายเส้นดำสนิทค่อยๆ ขยายขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นหมอกควันสีดำกระจายไปทั่วห้อง ส่งกลิ่นเหม็นหึ่งเหมือนของเน่า
ชิวเยี่ยไป๋มองดูบ่อน้ำแล้วถอยก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ เห็นเฒ่าเตี้ยใช้มีดเงินเล่มหนึ่งลองจุ่มในบ่อ ครู่หนึ่งพอยกขึ้น มีดเล่มนั้นถึงกับปรากฏควันสีดำเล็กน้อย ตัวมีดถูกกัดกร่อนไปชั้นหนึ่งและมีดเงินกลายเป็นสีดำทั้งเล่ม
ชิวเยี่ยไป๋ตกใจ และมองดูควันกลิ่นเหม็นที่ระเหยจากมีดอย่างข้องใจ “นี่เป็นพิษเย็นที่ว่าหรือ”
พิษที่มีความเย็น โดยทั่วไปแล้วไร้กลิ่น ทำไมจึงมีกลิ่นเหมือนศพเน่า
นางยังไม่ทราบ แต่ที่นางสงสัยนั้นถูกต้อง
ตาเฒ่าสองคนมองหน้ากัน แล้วกล่าวหน้าตาเฉยว่า “พิษร้ายในโลกนี้มีนับพันนับหมื่นชนิด เจ้าจะรู้สักเท่าใดกัน”
จากนั้นเฒ่าโย่งก็วิ่งไปเคาะข้างประตูตำหนัก ตะโกนเสียงแหบว่า “ปล่อยน้ำ ปล่อยน้ำ”
ครู่เดียวชิวเยี่ยไป๋ก็ได้ยินเสียงหินบดกันโครกคราก ไม่นานนักน้ำในบ่อก็ค่อยๆ ใสขึ้น
ตาเฒ่าทั้งสองวุ่นวายอยู่ริมบ่อ ใส่อะไรต่อมิอะไรลงไปในบ่อเป็นระยะ แล้วหันมาขอเลือดอีกชามจากนาง แต่คราวนี้กรอกเข้าปากไป๋หลี่ชูโดยตรง
นางก็ช่วยลงน้ำพลิกร่างไป๋หลี่ชูและกรอกยาตามที่ตาเฒ่าสั่ง ไม่นานนักตาเฒ่าทั้งสองก็กินอาหารกลางวันอย่างลวกๆ แล้วก็มิได้สั่งให้นางทำอะไรอีก
ในที่สุดนางจึงมีโอกาสเปลี่ยนเสื้อผ้า พิงเตียงของไป๋หลี่ชูมองดูเจ้าของเตียงที่แช่ในน้ำ ในใจสับสน นางไม่เคยเห็นไป๋หลี่ชูเปราะบางเช่นนี้มาก่อน แถมนางยังทุ่มกำลังเข้าช่วยเหลือบุรุษที่อันตรายที่สุดสำหรับตนเอง
ถ้าเป็นไปได้ นางขอตัดคอของศัตรูดีกว่าจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวอย่างหมดจด น่าเสียดาย…โชคชะตามักเฮงซวยเช่นนี้เสมอ
นี่เป็นความคิดเลอะเทอะของชิวเยี่ยไป๋ก่อนที่จะหลับไป
จนกระทั่งนางตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พบว่าในห้องมืดสลัว นางงัวเงียมองดูนอกหน้าต่าง จันทร์เสี้ยวยังแขวนอยู่ทิศตะวันตกบนฟากฟ้าที่มัวสลัว
ค่ำแล้วหรือ
ไม่รู้ว่าตาเฒ่าสองคนนั้นเสร็จเรื่องหรือยัง ไป๋หลี่ชูตายหรือยั…
เมื่อความคิดนี้วาบเข้าในหัว นางก็หายงัวเงีย ถ้าตนเองยังปกติดีอยู่ตรงนี้ เช่นนั้นไป๋หลี่ชูคงไม่เป็นอะไร
ชิวเยี่ยไป๋ชันกายลุกขึ้น จึงพบว่าบ่อน้ำข้างเตียงหายไปแล้ว ที่ตั้งเดิมของบ่อน้ำกลายเป็นพื้นหินอ่อนสีขาวโพลนผืนใหญ่ บนพื้นมีโต๊ะรับแขกและเก้าอี้ โคมสลักลายดอกไม้สีขาวอันหนึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะ
ชิวเยี่ยไป๋ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ นางคงหลับไปบนเตียงของไป๋หลี่ชู ทางที่ดีฉวยโอกาสที่เจ้าของเตียงไม่รู้ถูกหามไปที่ใดรีบลุกขึ้นก่อนดีกว่า จะได้ไม่ไปตอแยไอ้คนกลัวสิ่งสกปรกจนเป็นวิปริตระยะสุดท้ายผู้นี้
นางเดินไปที่ข้างโต๊ะ รินน้ำให้ตนเองแล้วดื่มอึกหนึ่ง กวาดสายตามองบนโต๊ะ พบว่ามีกล่องอาหารกล่องหนึ่ง เมื่อเปิดออกดูพบว่าอาหารในนั้นยังร้อนอยู่ และดูจากความสดแล้วไม่เหมือนผ่านการอุ่น
นางงงงัน ใครหนอที่คาดเดาได้ว่านางจะตื่นขึ้นมาในเวลานี้
“กับข้าวเพิ่งทำเสร็จไม่เกินหนึ่งเค่อ ถ้าเจ้ายังไม่ตื่น อีกเค่อหนึ่งจะเปลี่ยนกับข้าวชุดใหม่” เสียงบุรุษเย็นเยือกวังเวงดังขึ้นข้างหลังนาง
บุรุษผู้นี้อยู่ที่นี่ตั้งแต่นางลืมตาตื่นขึ้นหรือ
เป็นไปได้อย่างไร
ประสาทของชิวเยี่ยไป๋เครียดเขม็งทันที นางหันไปดูเงาร่างสูงโปร่งที่อยู่ในเงามืด ยังคงเป็นชุดยาวสีแดงเข้ม เพียงเพราะแสงสว่างไม่พอจึงดูแล้วเหมือนกลืนไปกับความมืด
ทว่า ต่อให้แสงสลัวเพียงใด อาศัยประสาทสัมผัสอันเฉียบไวจากการฝึกปรือพลังฝีมือของนาง คนพูดกันห่างไปร้อยลี้ ถ้านางตั้งใจฟังยังได้ยิน เหตุใดจึงไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อยว่ามีคนอยู่ในห้องด้วย