จารใจรัก - ตอนที่ 107-2 ฮ่องเต้สวรรคต
ฝั่งจวนหย่งคังโหว ฮูหยินหย่งคังโหวกำลังตั้งครรภ์อยู่ กลัวว่าหากก้าวพลาดแม้แต่ก้าวเดียวจะทำร้ายเด็กในครรภ์ แม้ทราบดีว่าด้วยฐานะสตรีที่รับการแต่งตั้งให้มีบรรดาศักดิ์ในราชสำนักนั้นควรรีบเข้าวังหลวง ทว่าก็ยังลังเล กลัวว่าครรภ์ที่ดูแลมาหลายวันนี้หากไม่ระวังก็จะแท้งหลุดไปอีก ร่างกายนางรับมิไหวอีกแล้ว ชั่วเวลานั้นจึงลังเลตัดสินใจมิได้
ตั้งแต่เยี่ยนหลันได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างกลับจากอารามลี่อวิ๋นเมื่อหลายวันก่อน จนถึงบัดนี้ก็ยังมิหายดี ทำได้เพียงฝืนลุกลงจากเตียงโดยมีสาวใช้ประคองเดิน เมื่อนางได้ยินเสียงระฆังก็ให้สาวใช้ประคองไปยังเรือนของฮูหยินหย่งคังโหว
สองแม่ลูกมองหน้ากัน ล้วนไม่เหมาะที่จะเข้าวังหลวงทั้งคู่
ยังเป็นเยี่ยนหลันที่ฉลาดมีไหวพริบ กล่าวกับฮูหยินหย่งคังโหว “ท่านแม่ ส่งคนไปหาท่านพ่อที่วังเถิด ถามความเห็นท่านพ่อดีกว่า”
“ก็ได้” ฮูหยินหย่งคังโหวเองก็ไม่มีความคิดอื่นจึงพยักหน้ารับ ตั้งแต่ตั้งครรภ์มา นางที่ทรมานมาเกินครึ่งปีก็ไร้ซึ่งความเผด็จการและความไร้เหตุผลอย่างที่เคยมีมาหลายปีแล้ว ยามนี้เชื่อฟังหย่งคังโหวทุกเรื่อง
คนที่ส่งเข้าวังไปเพียงไม่นานก็ย้อนกลับมา บอกกับสองแม่ลูกว่า “ท่านโหวขอพระประสงค์จาก
ฝ่าบาทแล้ว ฮูหยินกับคุณหนูร่างกายไม่สะดวก ไว้ค่อยไปที่ศาลเซ่นไหว้อดีตฮ่องเต้ มิจำเป็นต้องเข้าวังหลวง”
ฮูหยินหย่งคังโหวฉงนใจ “ฝ่าบาทหรือ”
“จักรพรรดิองค์ใหม่ อดีตฮ่องเต้ทรงสั่งเสียไว้ก่อนสวรรคต รัชทายาทสืบทอดบัลลังก์ขอรับ” คนผู้นั้นตอบ
ฮูหยินหย่งคังโหวกระจ่างแจ้ง พยักหน้ารับแล้วให้คนตกรางวัลให้คนผู้นี้
หลังคนผู้นี้กลับออกไป ฮูหยินหย่งคังโหวก็ถอนหายใจออกมา “รัชทายาทราชาภิเษกแล้ว เวลานี้ผ่านไปเร็วยิ่งนัก ชั่วพริบตาก็ผ่านไปถึงยี่สิบกว่าปีแล้ว ข้ายังจำวันที่อดีตฮ่องเต้ราชาภิเษกเมื่อปีนั้นได้ หลังข้ากับพ่อเจ้าสมรสกันก็เข้าวังไปร่วมฉลองอวยพร”
“มิรู้ว่าท่านอ๋องน้อยเจิงกลับมาหรือยัง” เยี่ยนหลันกล่าว
ฮูหยินหย่งคังโหวได้ยินเช่นนั้นก็รีบถาม “ลูกรัก เจ้าคงมิใช่ว่ายังคิดถึงฉินเจิงอยู่กระมัง”
เยี่ยนหลันส่ายหน้า “ท่านแม่ ข้ามิได้คิดถึงเขาแล้ว เพียงแต่ได้ยินว่าเมื่อวานฟางหวากับรัชทายาทกลับมาแล้วเข้าวังหลวงไปด้วยกัน จึงคิดว่าตอนนี้อดีตฮ่องเต้ทรงสั่งเสียให้รัชทายาทราชาภิเษก แล้วท่านอ๋องน้อยเจิงเล่า ด้วยความที่เขากับรัชทายาทต่อสู้กันมาตั้งแต่เล็กจนโต ตอนนี้ผนวกกับฟางหวาอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสอง ข้ากลัวว่าหากเขายังไม่กลับมาตอนนี้ รอเวลาผ่านไปแล้วค่อยกลับมา เกรงว่าจะสายไปแล้ว”
“เจ้าหมายถึงสิ่งใดที่สายไป หมายถึงเซี่ยฟางหวา หรืออำนาจจักรพรรดิ” ฮูหยินหย่งคังโหวถามด้วยน้ำเสียงที่ลดต่ำลง
เปลือกตาของเยี่ยนหลันสั่นไหว “เกรงว่าจะสายไปทั้งหมด”
ฮูหยินหย่งคังโหวถอนหายใจออกมา “ท่านอ๋องน้อยเจิงมิได้ฝักใฝ่ในอำนาจจักรพรรดิ สายเกินไปก็ช่างเถอะ เพียงแต่เซี่ยฟางหวาคนนี้…”
“ลูกเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน” เยี่ยนหลันมองบาดแผลตนเอง กล่าวขึ้นอย่างทำอันใดมิได้ “หากมิใช่ว่าข้าอยู่ในสภาพนี้ จะต้องเข้าวังแล้วถือโอกาสไปพบนางให้ได้”
“เจ้านี่นะ ในเมื่อพ่อเจ้าขอพระประสงค์แล้ว ก็อยู่ในจวนกับแม่อย่างสงบเถอะ” ฮูหยินหย่งคังโหวกดศีรษะนางแผ่วเบา “อย่าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นเลย” พูดจบก็กล่าวเสริม “ได้ยินว่าพี่ชายเจ้ากลับมาจากเป่ยฉีแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ใด กำลังมุ่งหน้ากลับเมืองหลวงหรือไม่”
“ท่านแม่ ท่านเอาแต่บอกว่าไม่คิดถึงท่านพี่ ความจริงแล้วในใจก็คิดถึงใช่ไหม ตอนนี้ทราบว่าท่านพี่กลับมาแล้ว ในที่สุดก็เอ่ยถึงเขาสักที” เยี่ยนหลันฟังแล้วก็ดีใจ
ฮูหยินหย่งคังโหวมองค้อนเยี่ยนหลันแวบหนึ่ง “ถึงอย่างไรเขาก็เป็นลูกชายข้า อุตส่าห์ลำบากเลี้ยงเขาจนเติบใหญ่มาขนาดนี้ ไฉนเลยจะไม่คิดถึงได้” พูดจบก็กล่าวอีก “เมื่อก่อน หลายสิ่งแม่คิดว่าตัวเองทำถูกแล้ว ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ทุกสิ่งก็เพื่ออนาคตของเขา พอเขาหนีไปครั้งนี้ ด้วยเวลาอันยาวนาน ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว ลูกชายแม้ข้าเป็นผู้ให้กำเนิด แต่ก็มิอาจจับไว้แน่นเกินไปเช่นกัน เมื่อจับแน่นแล้วก็ดั่งเม็ดทรายก็มิปาน ยิ่งจับแน่นก็ยิ่งรั่วออกมา”
“ท่านเข้าใจแล้วก็ดี ท่านพี่กลับมาพบท่าน ไม่แน่ว่าจะดีใจอย่างไร” เยี่ยนหลันได้ยินแบบนั้นก็แอบโล่งใจ กล่าวด้วยความคิดถึงอยู่บ้าง “หายไปเกินครึ่งปี ไม่รู้ว่าท่านพี่กลับมาแล้วเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง”
“แค่ครึ่งปีเท่านั้น จะเปลี่ยนไปอย่างไรได้” ฮูหยินหย่งคังโหวแม้ปากว่าเช่นนี้ แต่ก็หยุดคิดมิได้ “แม้เขาหายไปแค่ครึ่งปี แต่ข้าคล้ายกับมิได้พบเขามาหลายปีแล้ว”
“นั่นเป็นเพราะท่านกำลังตั้งครรภ์” เยี่ยนหลันตอบ
ฮูหยินหย่งคังโหวลูบครรภ์ “โชคดีที่มีเด็กคนนี้ มิฉะนั้นพี่ชายเจ้าจากไป ครึ่งปีก่อนแม่คงเสียสติไปแล้ว”
“น้องชายมีวาสนากับครอบครัวเรา” เยี่ยนหลันยื่นมือไปลูบครรภ์มารดาเช่นกัน
“ยังมิเกิดมา เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นน้องชาย” ฮูหยินหย่งคังโหวถลึงตามองเยี่ยนหลัน
“มิใช่ท่านเอาแต่พูดอยู่เสมอหรือ ท่านบอกว่าต้องเป็นลูกชายแน่นอน” เยี่ยนหลันมองนางอย่างหมดคำจะพูด
ฮูหยินหย่งคังโหวอึ้ง ทั้งโมโหทั้งขำขัน “ตอนนั้นข้าแค่โกรธพี่ชายเจ้าจึงอยากได้ลูกชาย”
“ตอนนี้ท่านไม่โกรธท่านพี่แล้วหรือ” เยี่ยนหลันมองนาง
“ไม่โกรธแล้ว” ฮูหยินหย่งคังโหวส่ายหน้า “พ่อเจ้าปลอบข้า บอกว่าหากมิใช่ข้าบังคับพี่ชายเจ้าจนหนีไป วันข้างหน้าพี่ชายเจ้าอาจกลายเป็นคนแบบเขา ทั้งชีวิตผูกติดอยู่กับจวนโหว ตอนนั้นพ่อเจ้าเองก็มีความปรารถนาเช่นกัน คิดอยากไปพรมแดนเพื่อสร้างคุณูปการในกองทัพ ไม่อยากพึ่งพารากฐานของบรรพบุรุษที่คอยคุ้มครอง อยากพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ทว่าย่าเจ้าก็ไม่อนุญาต นานวันเข้าก็กลบปณิธานเขาจนเรียบ”
เยี่ยนหลันพยักหน้า “ท่านพี่เองก็มีปณิธานเช่นกัน เขาเชี่ยวชาญทั้งการปกครองและการทหาร เพียงแต่อยู่กับท่านอ๋องน้อยเจิงมาตั้งแต่เด็ก มีรัศมีเขาคอยขัดขวางจึงบดบังแสงในตัวท่านพี่”
ฮูหยินหย่งคังโหวพยักหน้า “พี่ชายเจ้าแข็งแกร่งกว่าพ่อเจ้านัก พ่อเจ้าเคยบอกข้าเป็นการส่วนตัวว่า ตอนนั้นเขาเองก็อยากหนีออกไปจากจวนเพื่อตัดปัญหาเช่นกัน เพียงแต่มิกล้าหาญพอ พี่ชายเจ้าหนีไปโดยไม่ลังเล จุดนี้เป็นข้อดีในภายภาคหน้าของเขา ลูกผู้ชายต้องเด็ดขาด เป็นมีนิสัยของชายชาตรีที่พึงมี”
เยี่ยนหลันอดมิได้ที่จะป้องปากหัวเราะ “เมื่อก่อนท่านมักพูดเสมอว่าท่านพี่อยู่กับท่านอ๋องน้อยเจิงจนติดนิสัยเขา เลียนแบบจนไม่เอาไหน ตอนนี้ไฉนในสายตาท่านถึงมีแต่ข้อดีแล้ว”
ฮูหยินหย่งคังโหวได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา ยื่นมือตีเยี่ยนหลัน “เจ้าเด็กบ้า”
เยี่ยนหลันหัวเราะชอบใจใหญ่
หลังสองแม่ลูกหัวเราะจบลง ฟังเสียงระฆังดังขึ้นก็พากันหุบยิ้ม ฮ่องเต้สวรรคต สิ้นสุดอำนาจจักรพรรดิในยุคหนึ่ง อนาคตจะเป็นเช่นไรมิอาจทราบได้เลย
ขุนนางทั้งราชสำนักและสตรีมีบรรดาศักดิ์นำครอบครัวไปยังวังหลวงด้วยความรีบร้อน
องค์ชาย องค์หญิง ลูกท่านหลานเธอในราชวงศ์และราชนิกุล รวมถึงพระสนมในวังหลังต่างร้องไห้แสดงความอาลัย เสียงร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศกดังระงมหลังกำแพงวังหลวงอันแข็งแกร่ง
หลังฟ้าสว่าง ผู้คนที่ร้องไห้มาหลายชั่วยามมีน้ำตาติดใบหน้าอยู่บ้าง เหลือเพียงสะอึกสะอื้น
“คุณหนู ท่านเหนื่อยแล้ว ต้องใส่ใจร่างกายให้มาก กลับไปนอนบนเตียงสักครู่เถิดเจ้าค่ะ” ซื่อฮว่ากับซื่อม่อกล่าวเสียงเบา
เซี่ยฟางหวายังมิได้พูดคำใด ข้างนอกก็มีขันทีน้อยคนหนึ่งมาหา “บ่าวได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาท มาพบคุณหนูฟางหวาขอรับ”
ซื่อฮว่ากับซื่อม่อรีบออกไปรับ ทั้งสองทราบดีว่าด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ความคิดของคุณหนู เกรงว่าจะอยู่ในวังหลวงแล้ว จึงทำความเคารพอย่างนุ่มนวล “กงกงเป็นท่านใด ให้เรียกอย่างไรดีเจ้าคะ”
“บ่าวชื่อเสี่ยวเฉวียนจื่อ เมื่อก่อนเป็นคนรับใช้ประจำกายรัชทายาท แม่นางทั้งสองมิต้องมากพิธีหรอก ฝ่าบาททรงให้บ่าวมาถ่ายทอดข้อความ ให้บ่าวบอกคุณหนูฟางหวาว่า ฟ้าสว่างแล้ว คุณหนูฟางหวาร่างกายมิแข็งแรง ทานอาหารเช้าสักหน่อยแล้วพักผ่อนเถิดขอรับ” เสี่ยวเฉวียนจื่อกล่าว
“บ่าวสองคนจะไปบอกคุณหนูให้ ลำบากกงกงแล้ว” ซื่อฮว่ากับซื่อม่อพยักหน้า ก่อนให้รางวัลเขา
เสี่ยวเฉวียนจื่อทำภารกิจที่ฉินอวี้มอบให้ลุล่วงแล้วก็ส่ายหน้า มิรับรางวัล รีบกลับไปทันที
ซื่อฮว่ากับซื่อม่อกลับมาที่ห้อง พบว่าเซี่ยฟางหวายังนั่งอยู่ริมหน้าต่าง จึงเอ่ยถามเสียงต่ำ “คุณหนู ท่านคงได้ยินแล้วกระมัง”
เซี่ยฟางหวาพยักหน้า นางเองก็เมื่อยล้าเต็มทีแล้วจึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน