จารใจรัก - ตอนที่ 34-1
กลไกศิลายักษ์
เมื่อเห็นหลี่มู่ชิง พร้อมทั้งได้ยินถ้อยคำที่เขาเอ่ยบอก เซี่ยฟางหวาก็รู้สึกอุ่นใจ
คดีฆาตกรรมหมอหลวงซุนเกี่ยวข้องกับคดีสังหารคนที่ค่ายใหญ่เขาตะวันตกอย่างเห็นได้ชัด เพราะหมอหลวงซุนถูกฆาตกรรมระหว่างเดินทางไปค่ายใหญ่เขาตะวันตก ส่วนนางที่เดินทางตามมาทีหลังได้พบที่เกิดเหตุพอดี คดีนี้มีความเกี่ยวพันกันอย่างใหญ่หลวง นอกจากตระกูลหลูแห่งฟ่านหยางกับตระกูลหลี่แห่งจ้าวจวิ้น ยังมีจวนหย่งคังโหว จวนอิงชินอ๋อง และจวนเสนาบดีฝ่ายซ้าย จะต้องมีแผนการลับเบื้องหลังอย่างแน่นอน หากผู้ใดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่กลับพาตัวเองเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเองนั้นมิใช่การกระทำที่ฉลาดเท่าไรนัก
จวนอิงชินอ๋องอย่างไรก็ไม่อาจหลุดพ้นไปได้ แต่หลี่มู่ชิงกับจวนเสนาบดีฝ่ายขวาเลือกที่จะเพิกเฉยไม่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลยก็ได้
ทว่ายามนี้หลี่มู่ชิงยื่นมือมาช่วยเหลือนางเช่นนี้เท่ากับเป็นการเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งยังฝ่าสายฝนห่าใหญ่ถึงเพียงนี้มาอีก
“เจ้าไม่ต้องทำเช่นนี้ก็ได้ เรื่องนี้ข้ารับมือไหว” เซี่ยฟางหวากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ถ้อยคำที่ข้าเคยพูดกับเจ้า ยังจำได้หรือไม่” หลี่มู่ชิงยิ้ม
“จำได้” เซี่ยฟางหวาเม้มปากเล็กน้อยก่อนพยักหน้ารับ
“เจ้าจำได้ก็ดีแล้ว ไม่ต้องให้ข้าต้องพูดซ้ำ” หลี่มู่ชิงพูดจบก็ประสานมือคำนับหลิวอ้าน “ใต้เท้าหลิว ต้องการความช่วยเหลือใดหรือไม่”
แรกเริ่มหลิวอ้านแปลกใจอย่างยิ่งกับการเห็นหลี่มู่ชิงฝ่าสายฝนมาที่นี่ แต่หลังจากเห็นเขาเดินตรงไปหาเซี่ยฟางหวาก็จำได้โดยพลัน ครั้งหนึ่งคุณชายแห่งจวนเสนาบดีฝ่ายขวาท่านนี้เคยไปสู่ขอคุณหนูฟางหวาแห่งจวนจงหย่งโหว ทว่าน่าเสียดายที่สวรรค์กลั่นแกล้ง ท้ายสุดฝ่าบาททรงมีพระราชโองการสมรสพระราชทานครั้งที่สอง ให้คุณหนูฟางหวาสมรสกับท่านอ๋องน้อยเจิงในปัจจุบันอีกครั้ง ส่วนน้องสาวของเขาได้รับสมรสพระราชทานแก่รัชทายาทในปัจจุบัน
แม้งานสมรสระหว่างรัชทายาทกับคุณหนูหลี่แห่งจวนเสนาบดีฝ่ายขวายังไม่เริ่มดำเนินการ แต่ตราบใดที่พระราชโองการสมรสพระราชทานยังมีอยู่ ยากรับรองว่าจะไม่กลายเป็นพระชายารัชทายาทในอนาคต เช่นนั้นเขาซึ่งเป็นพี่ภรรยาของรัชทายาท บางทีอาจได้กลายเป็นพระมาตุลาในอนาคต
แม้ตอนนี้หลี่มู่ชิงยังไม่เข้าราชสำนัก แต่ด้วยความรู้ความสามารถของเขา อนาคตย่อมมีเส้นทางให้เลือกเดินได้ไม่จำกัด เขาย่อมไม่กล้าล่วงเกิน
“คุณชายหลี่มาได้จังหวะพอดี ขุนนางชันสูตรศพอย่างไรก็เป็นขุนนางชันสูตรศพ ไม่มีวิทยายุทธ์ ตอนนี้การตายของหมอหลวงซุนและคนขับรถนายนี้ที่ขุนนางชันสูตรศพกับความเห็นที่พระชายาน้อยแย้งขึ้นต่างกัน ท่านเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ์ มาช่วยตรวจสอบอีกแรงย่อมดีมาก” หลิวอ้านรีบประสานมือคำนับตอบพร้อมเอ่ยขึ้น
หลี่มู่ชิงพยักหน้า “เรื่องที่พอทำได้ข้าย่อมช่วยเหลือเต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้นหมอหลวงซุนก็มีไมตรีลึกซึ้งกับจวนเสนาบดีฝ่ายขวาเช่นกัน ไม่อาจปล่อยให้เขาถูกลอบทำร้ายในบั้นปลายชีวิตเช่นนี้ได้ ดังนั้นหลังทราบข่าวข้าก็รีบมาทันที” พูดจบก็กล่าวอีก “หลังข้าทราบข่าวจึงส่งคนไปแจ้งความกับกรมอาญา คนของกรมอาญาก็ใกล้มาถึงแล้วด้วย”
“ฐานะของหมอหลวงซุนต่างจากสามัญชนทั่วไป คดีนี้ย่อมยกให้กรมอาญาเป็นผู้ดูแล ข้าซึ่งเป็นขุนนางจิงจ้าวอิ่นเกรงว่าจะไม่อาจดูแลคดีฆาตกรรมเช่นนี้ได้ ไม่นึกเลยว่ากลางวันแสกๆ จะก่อเหตุสังหารในเขตเมืองหลวง น่ารังเกียจยิ่งนัก” หลินอ้านกล่าว
หลี่มู่ชิงพยักหน้า ก้าวขึ้นมาตรวจสอบสาเหตุการตายของหมอหลวงซุนกับคนขับรถนายนั้นอย่างถี่ถ้วน
หลิวอ้านก้าวขึ้นไปดูด้วยเช่นกัน
หลังหลี่มู่ชิงตรวจสอบไปพักหนึ่งก็เอ่ยขึ้น “หมอหลวงซุนถูกฆาตกรรม ส่วนคนขับรถนายนี้เป็นการฆ่าตัวตาย ผู้ฝึกวิทยายุทธ์ทุกคนต่างทราบดีว่า วิธีการสังหารผู้อื่นกับการฆ่าตัวตายนั้นมีส่วนต่างกันเพียงเล็กน้อย”
ใบหน้าของขุนนางชันสูตรศพซีดขาวยิ่งกว่าเดิม
“คุณชายหลี่ ท่านเพิ่งมาถึงเมื่อครู่คงได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับพระชายาน้อยสินะ” หนึ่งในสองคนนั้นเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากยอมรับ
“สิ่งที่ข้าคุยกับพระชายาน้อยเมื่อครู่ไม่ได้ปิดบังผู้ใด หากหูของใต้เท้าหลิวและทุกท่านยังใช้งานได้ดี น่าจะได้ยินชัดเจน” หลี่มู่ชิงหรี่ตาลง หันมาเผชิญหน้ากับความสงสัยของทั้งสอง ทว่าไม่ได้พาลโมโหหากแต่กล่าวเสียงเรียบ
คนผู้นั้นหน้าหงาย
“ผู้มีวิทยายุทธ์ในเมืองไม่ได้มีแค่ข้าเพียงผู้เดียว ในเมื่อคนของกรมอาญามาแล้ว เช่นนั้นก็ให้ผู้มีวิทยายุทธ์ขั้นดีมากจากกรมอาญามาตรวจสอบดูอีกแรงก็ทราบแล้ว” หลี่มู่ชิงกล่าวขึ้นอีก
หลิวอ้านขึงตามองขุนนางชันสูตรศพสองคนนั้น ก่อนรีบเอ่ยขึ้น “คุณชายหลี่พูดถูกแล้ว ฐานะหมอหลวงซุนต่างจากคนธรรมดา ที่ผ่านมาเป็นหมอคนสำคัญในสำนักหมอหลวงกับฝ่าบาท รวมถึงวังหลังด้วย การตายของเขาจำต้องตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วน”
หลี่มู่ชิงพยักหน้า ไม่กล่าวมากความ
ในระหว่างนั้นเองคนจากกรมอาญาและครอบครัวหมอหลวงซุนก็มาถึงแล้ว
ใต้เท้าท่านหนึ่งที่มาจากกรมอาญามีนามว่าหานซู่ เขามาถึงยังไม่ทันได้เอ่ยคำใด ลูกสะใภ้สองคนของหมอหลวงซุนก็ลงจากรถม้าแล้วพุ่งเข้ามาหาทั้งที่สะอื้นไห้ ทำใจไม่ได้ที่หมอหลวงซุนที่ถูกทำร้าย
ซุนจั๋วเห็นว่าแม่ของตนกับเอ้อร์เหนียงหมายจะเข้าไปแตะต้องศพของหมอหลวงซุน เขาทราบดีว่ายังชันสูตรศพไม่เรียบร้อยดีจึงขวางทั้งสองไว้แล้วเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ เอ้อร์เหนียง ท่านปู่ถูกสังหาร ตอนนี้กำลังตรวจสอบคดีอยู่ ท่านสองคนอย่าเพิ่งแตะต้องท่านปู่เลย”
“คนใจดำที่ใดกันแน่ที่สังหารท่านพ่อ ที่ผ่านมาท่านพ่อเคยล่วงเกินผู้ใดที่ไหนกัน” แม่ของซุนจั๋วเอ่ยขึ้นด้วยความเสียใจ
ซุนจั๋วส่ายหน้า
“ท่านพี่ไม่อยู่ที่จวน เกิดเรื่องกับท่านพ่อเช่นนี้ ต่อไปจวนหมอหลวงของเราจะทำเช่นไร” เอ้อร์เหนียงของซุนจั๋วก็สะอื้นกล่าวตามเช่นกัน
“ท่านแม่ เอ้อร์เหนียง จะต้องหาตัวฆาตกรเพื่อแก้แค้นให้ท่านปู่ได้เป็นแน่ พวกท่านถอยออกมาก่อนเถอะ ใต้เท้ากรมอาญาจะได้เข้าไปตรวจสอบ” ซุนจั๋วกัดฟันกล่าว
ทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน ร้องไห้พลางหลบมายืนด้านข้าง
“พระชายาน้อย คุณชายหลี่!” หานซู่ก้าวขึ้นมาทำความเคารพเซี่ยฟางหวากับหลี่มู่ชิง
“ใต้เท้าหาน!” ทั้งสองทำความเคารพตอบตามลำดับ
“ใต้เท้าหลิว สถานการณ์เป็นเช่นไรบ้าง” หานซู่หันไปมองหลิวอ้าน
หานซู่มียศทางราชการสูงกว่าหลิวอ้าน หลิวอ้านจึงรีบทำความเคารพแล้วเอ่ยตอบด้วยความระวัง จากนั้นก็บอกเล่าขั้นตอนที่ได้ทำไปหลังมาถึงให้ฟังคร่าวๆ
“หมายความว่าพระชายาน้อยกับคุณชายหลี่และสองขุนนางชันสูตรศพตรวจสอบได้ผลต่างกันหรือ” หานซู่ฟังจบก็เอ่ยขึ้น
“ถูกต้อง”
“ข้านำคนมาด้วย ให้พวกเขาลองตรวจสอบดูแล้วกัน” หานซู่ยกมือสั่งงาน
ขุนนางชันสูตรศพสองคนก้าวขึ้นมา ทั้งสองตรวจสอบดูพักหนึ่งแล้วมองหน้ากัน ก่อนประสานมือคำนับกล่าวต่อหานซู่ “ใต้เท้า เราสองคนคิดว่าพระชายาน้อยกับคุณชายหลี่กล่าวมีเหตุผลขอรับ หมอหลวงซุนถูกฆาตกรรม ส่วนคนขับรถนายนี้ฆ่าตัวตาย แต่อาจผิดพลาดได้เช่นกัน ถึงอย่างไรความผิดพลาดก็เล็กเกินไป ต้องให้ผู้มีวิทยายุทธ์ขั้นสูงมาพิสูจน์ยืนยันอีกแรง”
หานซู่พยักหน้ารับ ก่อนกวักมือเรียกองครักษ์สองนายออกมา “พวกเจ้ามาตรวจสอบดู”
องครักษ์สองคนนั้นรีบก้าวออกมา ตรวจสอบพักหนึ่งก่อนกล่าวขึ้น “เรียนใต้เท้า หมอหลวงซุนถูกฆาตกรรม ส่วนคนรถขับฆ่าตัวตายจริงขอรับ ใช้กริชเหมือนกันก็จริง การฆ่าตัวตายกับถูกสังหารแม้จะมีรูปแบบเดียวกัน แต่ก็มีจุดต่างกันขอรับ”
“พวกเจ้าแน่ใจหรือ” หานซู่ถามซ้ำ
ทั้งสองพยักหน้ายืนยัน
“หากคนขับรถนายนี้ฆ่าตัวตาย ดูท่านี่คงเป็นข้อสงสัยใหญ่ ตรวจสอบจากคนขับรถนายนี้ก่อนก็แล้วกัน!” หานซู่หันมามองหลิวอ้าน
“คดีใหญ่เช่นนี้ย่อมมอบให้กรมอาญาจัดการ” หลินอ้านรีบกล่าว
“ด้วยฐานะของหมอหลวงซุน ยามนี้ถูกสังหาร ต้องรายงานรัชทายาทก่อน” หานซู่ถอนหายใจออกมา
“ข้าได้ยินว่าหลังรัชทายาททรงทราบว่าเกิดเรื่องขึ้นที่ค่ายใหญ่เขาตะวันตกก็เดินทางไปที่นั่นแล้ว ยามนี้ไม่อยู่ในวังหลวง ไม่อยู่ที่ตำหนักบูรพาด้วยเช่นกัน” หลินอ้านกล่าวต่อ
หานซู่พยักหน้า “เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว” พูดจบก็หันมามองเซี่ยฟางหวา “พระชายาน้อย ข้าน้อยได้ยินว่าท่านกับหมอหลวงซุนเตรียมตัวเดินทางไปค่ายใหญ่เขาตะวันตก?”
เซี่ยฟางหวาพยักหน้าตอบ
“ตามหลักแล้ว หมอหลวงซุนควรเดินทางออกจากเมืองพร้อมท่านถึงจะถูก” หานซู่กล่าว
เซี่ยฟางหวาหันมามองอวี้จั๋ว
อวี้จั๋วรีบอธิบายถึงสาเหตุ หลังอธิบายจบก็มองไปยังซื่อฮว่ากับซื่อม่อ
“หมอหลวงซุนถูกสังหาร ข้อสงสัยสำคัญคือ เราสองคนได้รับคำสั่งจากคุณหนูให้เดินทางกลับเมืองไปแจ้งความกับขุนนางจิงจ้าวอิ่น หลังแจ้งความเสร็จแล้วให้ไปส่งข่าวบอกจวนหมอหลวงซุนด้วย ทว่าพอเราสองคนไปถึง พบว่าจวนหมอหลวงซุนทราบข่าวแล้ว ฟังว่ามีสตรีคนหนึ่งมาบอก น่าแปลกใจอย่างยิ่ง” ซื่อฮว่ากับซื่อม่อให้การเพิ่มเติมอีก
“มีเรื่องนี้ด้วยรึ” หานซู่หันมองไปครอบครัวของหมอหลวงซุน
“ขอรับ พอได้ยินว่าท่านปู่ถูกสังหาร หลังทราบข่าวข้าก็ออกมาก่อน ตอนนั้นพระชายาน้อยบอกว่าส่งสาวใช้ไปแจ้งความและส่งข่าว เดิมข้านึกว่าเป็นสาวใช้ของนาง แต่ตอนนี้เมื่อเห็นพวกนางสองคน ข้าก็มั่นใจว่าสตรีที่ไปส่งข่าวบอกจวนหมอหลวงซุนไม่ใช่หนึ่งในพวกนางแน่นอน” ซุนจั๋วรีบกล่าวทันที
“หรือก็คือตอนข้ามาถึงที่นี่และพบศพหมอหลวงซุน มีคนทราบก่อนแล้วก้าวหนึ่ง” เซี่ยฟางหวากล่าว
“นี่เป็นข้อสงสัยเช่นกัน ดูท่ามีสตรีทราบว่าหมอหลวงซุนถูกสังหารก่อนที่พระชายาน้อยมาถึง แต่นึกไม่ถึงว่าจะไม่ไปแจ้งกับศาลาว่าการขุนนางจิงจ้าวอิ่น และไม่ไปแจ้งกับกรมอาญา กลับไปแจ้งจวนหมอหลวงซุนก่อน น่าแปลกใจยิ่งนัก” หานซู่พยักหน้า