จารใจรัก - ตอนที่ 87 ฟางหวาเป็นตัวล่อ
เหยียนเฉินนำเซี่ยม่อหานกลับมาส่งที่ห้องของเขา กำชิบทิงเหยียนว่าเฝ้าประตูให้ดี
ทิงเหยียนรีบรับคำ ยืนเฝ้าประตูด้วยใบหน้าเศร้า
เหยียนเฉินเดินมาหน้าเตียง หยิบเข็มทองเล่มหนึ่งมาปักลงตรงจุดเหรินจง*[1]บนใบหน้าเซี่ยม่อหาน หลังดึงเข็มทองออก เซี่ยม่อหานก็ฟื้นขึ้นมา พบว่าในห้องมีเพียงเหยียนเฉินก็รีบดีดตัวลุกขึ้นนั่ง “เป็นเช่นไรบ้าง”
“หลังเจ้าหมดสติล้มลง ท่านหญิงเหลียนก็ออกคำสั่งปิดโถงประชุม ให้คนเฝ้าอย่างเข้มงวด ห้ามผู้ใดก้าวออกมาแม้แต่ก้าวเดียว” เหยียนเฉินกล่าว “แต่เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าเรื่องเจ้าติดโรคห่าแพร่ออกไปแล้ว ประชาชนกลุ่มใหญ่แห่กันไปที่ประตูเมืองหมายจะออกไป ท่านหญิงเหลียนไปที่ประตูเมืองแล้ว”
“เดาไว้ไม่ผิด หนึ่งในขุนนางมีสายสอดแนมของผู้อยู่เบื้องหลัง” เซี่ยม่อหานมีสีหน้าเคร่งขรึม
เหยียนเฉินผงกศีรษะ “ระหว่างท่านหญิงเหลียนปิดโถงประชุมยังกระจายข่าวออกไปได้ มีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกเลี้ยงพิราบส่งสารไว้ข้างกาย ให้มันบินออกไปส่งข่าวผ่านหน้าต่างบนหลังคา อย่างที่สองอาจเป็นคนมีวิทยายุทธ์กำลังภายใน ส่งเสียงผ่านกำแพงได้”
“วันที่รัชทายาทเข้ามาพำนักที่เรือนหลังนี้ได้สั่งคนลอบวางเครื่องหอมไว้นอกกำแพงเรือน นกส่งสารทุกชนิดจะสูดกลิ่นหอมประหลาดนี้เข้าไปจนร่วงตกลงโดยไม่ละเว้น” เซี่ยม่อหานบอก
“เรื่องนี้ข้าทราบ ประเดี๋ยวจะลองไปตรวจสอบดู” เหยียนเฉินบอก
“ไปเสียตอนนี้” เซี่ยม่อหานกล่าว “หากมีคนแอบเลี้ยงพิราบส่งสารจริง เช่นนั้นก็วางแผนซ้อนแผนได้”
เหยียนเฉินผงกศีรษะ ก่อนหันหลังออกไปจากห้อง
“คุณชายเหยียนเฉิน ท่านโหวเป็นเช่นไรบ้าง ร้ายแรงหรือไม่” ทิงเหยียนเห็นเหยียนเฉินเดินออกมาก็รั้งเขาไว้ก่อน
“ตอนนี้ยังไม่ร้ายแรง เจ้าเฝ้าที่นี่ไว้ให้ดี” เหยียนเฉินเอ่ยทิ้งท้ายแล้วออกไปจากเรือน
ทิงเหยียนเห็นเหยียนเฉินรีบร้อนออกไป ทราบดีว่าต้องมีเรื่องด่วน เขาไม่วางใจนักจึงหันมองเข้าไปในห้อง พบว่าเซี่ยม่อหานตื่นแล้วและกำลังนั่งอยู่บนเตียง มิทราบว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ เขารีบวิ่งเข้าไปหาทันที “ท่านโหว ท่านเป็นเช่นไรบ้าง”
“ไม่เป็นไร” เซี่ยม่อหานส่ายหน้า
“คุณชายเหยียนเฉินบอกว่าท่านติดโรคห่า เป็น…เป็นความจริงหรือ” ทิงเหยียนถามอย่างระวัง
เซี่ยม่อหานพยักหน้าก่อนยกมือไล่ “ดังนั้น เจ้าควรอยู่ห่างจากข้าหน่อย”
ทิงเหยียนหน้าซีดขาว ทว่ามิได้ถอยหลังรักษาระยะห่างแต่อย่างใด ส่ายหน้ารัวด้วยใบหน้าเศร้า “จนป่านนี้ยังหาสมุนไพรดำม่วงไม่เจอ นี่จะทำเช่นไรดีเล่า หรือเราต้องนั่งรอความตายจริงๆ”
“อาจไม่ถึงตาย” เซี่ยม่อหานบอก “ยามอู่**[2]วันนี้ เหยียนเฉินพบว่าข้าติดโรคห่าตั้งแต่เมื่อไรมิทราบ เนื่องจากสองสามวันนี้ล้วนจัดการปัญหาร่วมกับขุนนางในเมืองหลินอัน เข้าออกร่วมกับพวกเขาทั้งหมด ข้าเตรียมป้องกันการติดโรคห่าตลอดมา และกินยาตามที่เหยียนเฉินสั่งเสมอ ระมัดระวังเพิ่มขึ้น แม้แต่รัชทายาทยังไม่ติดต่อด้วย ไม่ควรติดโรคห่าถึงจะถูกต้อง ทว่าข้าก็ติดโรคเข้าจนได้ พวกข้าสองคนไตร่ตรองดูแล้วคิดว่าต้องมีหนึ่งในขุนนางเป็นสาย เหมือนกับรัชทายาทที่ถูกลอบทำร้าย ทำให้ข้าติดโรคห่าไปด้วยอีกคน”
“เป็นขุนนางคนใดกันแน่ สมควรตายยิ่งนัก ลากตัวไปสังหารก่อนเถอะ” ทิงเหยียนฟังแล้วก็เดือดดาล “ทำร้ายรัชทายาทยังไม่พอ ยังจะทำร้ายท่านอีก”
“รัชทายาทติดโรคห่า หากข้าติดโรคห่าด้วยอีกคน ก็เหลือแค่ฉินเหลียนแล้ว หากมีคนฉวยโอกาสนี้ก่อเหตุเพิ่มเติม หากควบคุมมิได้ ไม่ต้องรอให้โรคห่าระบาดทั่วเมืองหลินอัน เมืองแห่งนี้ก็จะตกอยู่ในความโกลาหลเสียก่อน” เซี่ยม่อหานบอก “ผู้อยู่เบื้องหลังมีจิตใจโหดเ**้ยมนัก”
“ผู้อยู่เบื้องหลังเป็นใครกันแน่ ท่านกับรัชทายาทร่วมมือกัน นึกไม่ถึงว่ายังหาตัวไม่เจอ” ทิงเหยียนแค้นเคือง “ผู้อยู่เบื้องหลังก่อเหตุมากถึงเพียงนี้ ทำให้ท่านอ๋องน้อยกับพระชายาน้อยหย่าร้างกัน ตอนนี้ไม่รู้ว่าท่านอ๋องน้อยกำลังทำสิ่งใดอยู่ แล้วพระชายาน้อยอยู่ที่ไหน น่าโกรธแค้นยิ่งนัก”
“เมืองหลวงทราบเรื่องวิกฤตการณ์ในเมืองหลินอันแล้ว หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ ฉินเจิงน่าจะกำลังเดินทางมาเมืองหลินอัน ไม่ว่าฝ่าบาทหรืออิงชินอ๋อง หรือเสนาบดีฝ่ายซ้ายกับขวา และขุนนางใหญ่ในราชสำนักทั้งหมด ล้วนไม่อยากให้รัชทายาทกับแสนกว่าชีวิตในเมืองหลินอันเป็นอะไรไป” เซี่ยม่อหานพิจารณา “ส่วนน้องสาวข้า น่าจะกำลังตามหาสมุนไพรดำม่วงอยู่”
“ท่านบอกว่าพระชายาน้อยไปตามหาสมุนไพรดำม่วงหรือ เช่นนั้นก็แสดงว่าพวกเรารอพระชายาน้อยมาถึงก็พอแล้ว นางหาสมุนไพรดำม่วงได้จริงหรือ” ทิงเหยียนได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ
“ได้” เซี่ยม่อหานพยักหน้า
ความสิ้นหวังบนใบหน้าทิงเหยียนอันตรธานหายไป คลายความเศร้าลง ยกมือสองข้างประกบกัน “พระพุทธเจ้าคุ้มครอง พระโพธิสัตว์คุ้มครอง ขอให้พระชายาน้อยหาสมุนไพรดำม่วงได้ แล้วรีบมาที่เมืองหลินอันด้วยเถิด”
เซี่ยม่อหานมองทิงเหยียน ไม่แย้มยิ้มตอบแต่กล่าวขึ้น “เจ้าอย่ารีบดีใจ อย่าแสดงออกบนใบหน้า ตอนนี้ข้าเพิ่งหมดสติล้มลง ในเมืองหลินอันเกิดเรื่องขึ้นอีกครั้ง ประเดี๋ยวเหยียนเฉินกลับมา ข้าจะหารือกับเขาอีกหน ดูสถานการณ์ก่อนค่อยตัดสินใจอีกที”
ยามนี้ทิงเหยียนเบาใจลง เขารับคำแล้วถอยกลับไปหน้าประตูด้วยความดีใจ ทันทีที่ก้าวเท้าผ่านธรณีประตูก็สำรวมความดีใจบนใบหน้า เปลี่ยนไปตีหน้าเศร้าเช่นเดิม ตั้งแต่เซี่ยม่อหานนำเขาออกจากเมืองหลวง เขาโตขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย และได้สั่งสมประสบการณ์จนรู้ความบ้างแล้ว
ไม่นานเหยียนเฉินก็กลับมาจากข้างนอก ทิงเหยียนรีบหลีกทางให้ เขาเดินเข้าไปข้างใน
“เป็นเช่นไร” เซี่ยม่อหานรีบถาม
“รอบนอกไร้ร่องรอย น่าจะส่งเสียงผ่านกำแพง” เหยียนเฉินส่ายหน้า
เซี่ยม่อหานย่นหัวคิ้ว “ไม่ทิ้งร่อยรอยเช่นนี้ มิน่าถึงก่อเหตุได้มากถึงเพียงนี้ ผู้อยู่เบื้องหลังช่างร้ายกาจแท้” พูดจบก็กล่าวต่อ “ยังเหลืออีกหนึ่งวันจะถึงเส้นตาย ประชาชนที่ติดโรคห่าไปครึ่งหนึ่งของเมืองล้วนยื้อไม่ไหวแล้ว พรุ่งนี้หากยังไม่มีสมุนไพรดำม่วง ผ่านไปพรุ่งนี้ไป คนพวกนั้นแม้แต่ต้าหลัวจินเซียนก็ช่วยมิได้แล้ว มาถึงขั้นนี้แล้ว สถานการณ์เลวร้ายยิ่ง อย่ารอต่อไปอีกเลย ส่งจดหมายหาน้องเถอะ”
“จดหมายน่ะส่งได้ แต่ต้องดูว่าจะส่งอย่างไร” เหยียนเฉินผงกศีรษะ
“หืม” เซี่ยม่อหานมองเขา “เจ้ายังมีวิธีอื่นหรือ”
“ผู้ใดเป็นสายในโถงประชุมกันแน่ ควรสาวตัวออกมาให้ได้ก่อน เวลานี้ผู้อยู่เบื้องหลังน่าจะยังไม่ทราบว่ารัชทายาทลอบออกจากเมืองไปแล้ว ทราบเพียงแค่เขาติดโรคห่า ไม่อาจลุกจากเตียงได้ ส่วนเจ้าก็ติดโรคห่าแล้วเช่นกัน เดิมทีร่างกายไม่แข็งแรงอยู่แล้ว มิหนำซ้ำยังหมดสติไปจนทำงานไม่ได้อีก เมืองหลินอันดั่งเมืองปิดตาย ถึงอย่างไรฉินเหลียนก็เป็นสตรี แม้มีจิตใจเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ แต่ยังอ่อนประสบการณ์ ความสามารถมีกำจัด เวลานี้ผู้อยู่เบื้องหลังน่าจะบงการคนให้ก่อความวุ่นวายที่ประตูเมืองลับๆ ส่งผลให้ทั้งเมืองยังไม่ปกคลุมด้วยโรคห่าระบาดจนวุ่นวายยิ่งกว่าเก่า” เหยียนเฉินกล่าว “หากในยามนี้ คนในโถงประชุมทราบข่าวว่าฟางหวากำลังนำสมุนไพรดำม่วงมา เจ้าว่าจะเป็นเช่นไร”
“ต้องรีบตามไปสกัดสมุนไพรดำม่วงที่ฟางหวานำมา” เซี่ยม่อหานตอบ
“ถูกต้อง” เหยียนเฉินบอก “หลายวันนี้ฟางหวาหายไป เราไม่รู้ที่อยู่ของนาง ผู้อยู่เบื้องหลังย่อมไม่ทราบเช่นกันว่านางอยู่ที่ใด แต่ตอนนี้หากจู่ๆ ก็มีร่องรอยของนางขึ้นมาเล่า ย่อมไม่ปล่อยไปแน่นอน”
“ความหมายเจ้าคือจะล่อผู้อยู่เบื้องหลังไปสกัดฟางหวา” เซี่ยม่อหานถาม
เหยียนเฉินผงกศีรษะ
“ตั้งแต่ทั้งในและนอกเมืองหลวงจนถึงเมืองหลินอัน ผู้อยู่เบื้องหลังก่อเหตุชั่วร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า เขามีจิตใจโหดเ**้ยม มีแผนการลึกล้ำ น่าจะมีความคิดความอ่านยอดเยี่ยมเช่นกัน หากเราแกล้งใช้อุบายลวง เขาต้องมองออกแน่นอน” เซี่ยม่อหานกล่าว
“ไม่ใช่อุบายลวง แต่ใช้ของจริง” เหยียนเฉินบอก
“ความหมายเจ้าคือ ล่อเขาไปสกัดฟางหวาจริงๆ หรือ” เซี่ยม่อหานมีสีหน้าเปลี่ยนไป
เหยียนเฉินพยักหน้า
“ไม่ได้” เซี่ยม่อหานปฏิเสธทันที “น้องนำสมุนไพรดำม่วงมาด้วย ตอนนี้เมืองหลินอันกำลังรอสมุนไพรดำม่วงมาช่วยชีวิต หากล่อผู้อยู่เบื้องหลังกับอำนาจไปหานาง ไปสกัดนาง หรือทราบที่อยู่ของนาง เช่นนั้นนางตัวคนเดียวจะสู้ศัตรูจำนวนมากได้อย่างไร มีหรือจะไม่เป็นอันตราย อย่าว่าแต่แสนกว่าชีวิตในเมืองหลินอันขึ้นอยู่กับนางเลย แต่นางเป็นน้องสาวข้า ข้าไม่อาจชักนำอันตรายไปหานางได้ หากนางเป็นอะไรจนถึงแก่ชีวิตขึ้นมา ข้าจะมีหน้าไปพบท่านพ่อท่านแม่ที่ปรโลกได้อย่างไร ยิ่งไม่มีหน้าไปพบท่านปู่กับท่านลุงแล้ว”
“ตอนนี้รัชทายาทไม่อยู่ในเมือง เจ้าก็ติดโรคห่าไปด้วยอีกคน เวลานี้ที่ประตูเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย ฉินเหลียนเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง แม้เติบโตในวังหลวง แต่ก็ยากจะประคองสถานการณ์เช่นนี้ หากไม่ล่ออำนาจเบื้องหลังพวกนั้นออกจากเมืองหลินอัน เช่นนั้นไม่ต้องรอสมุนไพรดำม่วงมาถึง เมืองหลินอันคงพังทลายลงแล้ว แสนกว่าชีวิตยากจะปกป้อง ถึงแม้ฟางหวานำสมุนไพรดำม่วงมาถึง รัชทายาทกลับมา ถึงตอนนั้นคงไม่มีประโยชน์แล้วเช่นกัน” เหยียนเฉินมองเขาแล้วกล่าวขึ้น
“ข้าเพิ่งติดโรคห่า ยังไม่รุนแรงนัก แค่วันเดียวยังทนไหว ข้าจะรีบไปที่ประตูเมือง ต้องควบคุมสถานการณ์ในเมืองได้แน่นอน” เซี่ยม่อหานพูดพลางก็ลุกลงจากเตียง
เหยียนเฉินยกมือห้าม “ฟางหวาแม้มีจิตใจดีงาม มีเมตตาเห็นใจผู้อื่น แต่เพราะอยู่เขาไร้นามมาแปดปีจึงเห็นกองกระดูกและคนตายมากน้อยจนชิน ดังนั้นสำหรับนางแล้ว แสนกว่าชีวิตในเมืองหลินอันรวมเข้าด้วยกันยังเทียบเจ้าคนเดียวไม่ได้ เจ้าเป็นพี่ชายคนโตในครอบครัวของนาง นางยินดีที่จะเผชิญเหตุร้ายแต่ไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรไป ดังนั้นถึงฝากฝังให้ข้าดูแลเจ้า ติดตามข้างกายเจ้า ป่านนี้แล้วเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ผู้อยู่เบื้องหลังจะเริ่มสังหารคนแล้ว หากเจ้าออกไป ตอนนี้ที่ประตูเมืองวุ่นวายมาก ถ้าลุกลามมาถึงในเมือง ข้าไม่แน่ว่าจะคุ้มครองเจ้าได้ ดังนั้นไฉนเจ้าถึงไม่ฟังที่ข้าพูด”
“เหมือนที่เจ้าพูดมาทั้งหมด นางเป็นน้องสาวข้า ข้ายินดีที่จะเผชิญเหตุร้ายแต่ไม่ยอมให้นางเป็นอะไรไป ดังนั้น เจตนาที่นางมีต่อข้าและเจตนาที่ข้ามีต่อนางเหมือนกัน เจ้าจะให้ข้ากลั้นใจทำให้นางต้องตกอยู่ในอันตรายเพื่อปกป้องตัวอย่างได้อย่างไร ผู้อยู่เบื้องหลังร้ายกาจเช่นนี้ หากทำร้ายนางเข้า ข้าควรทำอย่างไรต่อ ข้าผู้เป็นพี่ชายคนโตไร้ความสามารถ ไม่อาจเอาแต่พึ่งพาน้องสาวได้ตลอด เรื่องอื่นข้าฟังเจ้าได้ ยกเว้นเรื่องนี้เท่านั้นที่ไม่ได้” เซี่ยม่อหานบอกอย่างเด็ดขาด
เหยียนเฉินเห็นเซี่ยม่อหานตัดสินใจเด็ดขาด ไม่ว่าเขาพูดเช่นไรอีกฝ่ายก็คล้ายกับไม่ฟังแล้ว เมื่อไม่เห็นด้วยอย่างไรก็ไม่ยอมฟัง ด้วยความจำใจเขาจึงได้แต่ต้องสกัดจุดบนตัวอีกฝ่าย
ถึงอย่างไรเซี่ยม่อหานก็ยังไม่หายดีจากอาการป่วย ยามนี้ติดโรคห่าซ้ำอีก ยามปกติยังไม่มีแววว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเหยียนเฉินได้ ยามนี้ไม่ทันตั้งตัวก็ยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เซี่ยม่อหานนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น ใบหน้าแปรเปลี่ยนไป มองเหยียนเฉินแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้า…จะทำสิ่งใด”
เหยียนเฉินมองเขาพลางกล่าวขึ้น “เจ้าอย่าเพิ่งลนลาน ข้าก็คำนึงถึงชีวิตฟางหวาเช่นกัน เป็นห่วงนางไม่น้อยไปกว่าเจ้าผู้เป็นพี่ชายแท้ๆ ข้าไม่ให้นางเป็นอะไรไปแน่นอน ความคิดข้าคือ ล่อคนพวกนี้ออกไปจากเมืองหลินอันก่อน ข้าจะติดตามไปอย่างลับๆ ด้วย ไม่เพียงเพื่อความปลอดภัยของเมืองหลินอันในตอนนี้ แต่ยังลอบใช้เบาะแสนี้เป็นตัวนำพา ล่อผู้อยู่เบื้องหลังออกมา เมื่อทราบฐานะและที่อยู่ของผู้อยู่เบื้องหลังแล้วก็ดึงกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ เจ้าวางใจเถอะ ฟางหวากับข้ารู้จักกันมาหลายปี เรามีสัญญาณลับที่รู้กันสองฝ่าย หลังข้าส่งจดหมายให้นาง นางย่อมทราบความหมายของข้าแล้ว พวกเราร่วมมือกันหน้าหลัง อย่าว่าแต่กำจัดผู้อยู่เบื้องหลังและอำนาจของเขาเลย ต้องทำให้ผู้อยู่เบื้องหลังบาดเจ็บเสียหายได้แน่นอนเช่นกัน ไม่กล้าบุ่มบ่ามในเวลาสั้นๆ อีก”
*จุดเหรินจง คือจุดบริเวณกึ่งกลางเหนือริมฝีปากขึ้นไป ใช้กดเพื่อช่วยให้คนป่วยฟื้นคืนสติ
**ยามอู่ คือ เวลาประมาณ 11:00-13:00 น.