ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1338-1339
ตอนที่ 1338 ตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณ (2)
แต่ท่าทีหยิ่งทะนงของอวิ๋นลั่วเฟิงทำให้หงหลิงไม่ชอบใจและสีหน้าเขาก็มืดครึ้ม ครั้งแรกที่พวกเขาเจอกัน อวิ๋นลั่วเฟิงและหงหลวนไม่ได้อยู่นานนัก เขาเลยไม่มีโอกาสได้สำรวจอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างถี่ถ้วน มีแค่ตอนนี้ที่เขาสามารถสำรวจอวิ๋นลั่วเฟิงได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ทว่า….
เขาสะดุดตากับพู่หยกที่ห้อยอยู่ตรงเอวของชายหนุ่ม อักษรจวินที่ถูกสลักอยู่บนพู่หยกทำให้เขาหรี่ตา
“เจ้าเป็นคนตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณงั้นหรือ”
ตระกูลแห่งเมืองวิญญาณ?
อวิ๋นลั่วเฟิงมองอย่างงุนงง สายตาของนางค่อยๆ เลื่อนไปที่พู่หยกที่ห้อยอยู่ที่ชุดนางแล้วร่องรอยความสงสัยก็ปรากฏขึ้นในดวงตา
“ตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญณหมายถึงอะไร” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วแล้วถาม
“สกุลของเจ้าเมืองวิญญาณคือจวิน!” หงหลิงจ้องอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างระมัดระวัง “บอกข้ามา เจ้าได้พู่หยกนี้าจากไหน”
อวิ๋นลั่วเฟิงลูบพู่หยกเบาๆ แล้วยิ้มบาง “พู่หยกนี้ท่านแม่ข้ามีมันตั้งแต่ยังเด็ก มีปัญหาอะไรหรือไม่”
จวินเฟิ่งหลิงเป็นมารดาของอวิ๋นเซียว ดังนั้นนางก็เป็นมารดานางเหมือนกัน ด้วยลักษณะของนาง ตอนนี้นางบอกไม่ได้ว่าแม่สามีให้นางมา เช่นนั้นแล้วนางจึงเรียกจวินเฟิ่งหลิงว่าท่านแม่แทน
นัยน์ตาของหงหลิงหรี่ลงก่อนกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว
“ถ้าเจ้าอยากรู้ที่มาที่ไปของพู่หยก เจ้าสามารถเดินทางไปตระกูลจวินที่เมืองวิญญาณได้ คำตอบที่เจ้าต้องการอยู่ที่นั่น อีกอย่างตระกูลจวินสร้างศัตรูเอาไว้มากมาย ข้าแนะนำว่าเจ้าควรเอาพู่หยกออกเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูพวกเขาพบเห็น”
อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตาแล้วเงียบไปนาน
ตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณงั้นหรือ
ดูเหมือนว่าหลังจากนางรู้ที่อยู่อวิ๋นเซียว นางควรเดินทางไปเมืองวิญญาณเพื่อหาคำตอบ!
…
หลังจากอวิ๋นลั่วเฟิงออกจากห้องทำงานไป หงหลวนก็สังเกตเห็นว่าบิดานางมีบางอย่างอยากพูดแต่ยอมไม่พูด “ท่านพ่อ ตกลงเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลจวินที่ท่านเพิ่งพูดเจ้าคะ”
หงหลวนถอนหายใจ “หลายสิบปีก่อน ผู้นำตระกูลจวินมีปัญหากับเจ้าเมืองวิญญาณคนก่อนและหนีการไล่ล่าของยอดฝีมือมากมาย ตอนนั้นภรรยาเขาถูกสังหารโดยเจ้าเมืองคนก่อนเพื่อปกป้องบุตรสาวที่เพิ่งคลอด ผู้นำตระกูลไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยกนางให้เพื่อนเก่า….
“หลังจากนั้นผู้นำตระกูลจวินก็กลับมาแก้แค้นเจ้าเมืองคนก่อนและทำลายล้างจวนเจ้าเมืองจนราบ ทำให้ผู้นำตระกูลถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองวิญญาณคนใหม่ แต่เขาก็ไม่ได้ทิ้งตระกูลจวิน ดังนั้นพอคนอื่นพูดถึงจวนเจ้าเมืองวิญญาณก็จะพูดว่าตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณ! แต่เขาก็เป็นเจ้าเมืองที่ถูกต้องและเหมาะสมของเมืองวิญญาณ!
“หลายปีมานี้ผู้นำตระกูลก็ยังรำลึกถึงการสูญเสียภรรยาและก็ยังไม่แต่งงานใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ออกตามหาที่อยู่ของบุตรสาวมาตลอดหลายปี แต่ไม่ต้องพูดถึงบุตรสาว แม้แต่เพื่อนเก่าเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย!
“ดังนั้นตระกูลจวินที่สูญเสียบุตรสาวไปก็กลายเป็นปัญหาที่ลึกลับที่สุด ตอนนี้พู่หยกตระกูลจวินมาปรากฏในมืออวิ๋นลั่วเฟิง หรือว่า…มารดาเขาจะเป็นบุตรสาวผู้นำตระกูลจวินกัน”
หงหลวนยังสับสนอยู่บ้าง ดูเหมือนนางจะไม่เคยคิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะมีตัวตนแบบนี้ นางเงียบไปชั่วครู่ก่อนถามต่อ “ท่านมั่นใจหรือว่ามารดาของอวิ๋นลั่วเฟิงจะเป็นบุตรสาวของตระกูลจวิน พู่หยกนั่นอาจมาจากคนอื่นในตระกูลจวินก็ได้”
หงหลิงส่ายหน้า “อักษรจวินบนพู่หยกถูกสลักด้วยวิธีการพิเศษ ดังนั้นพู่หยกจึงสามารถป้องกันการโจมตีสังหารจากยอดฝีมือได้หนึ่งครั้ง เจ้าคิดว่าคนธรรมดาในตระกูลจวินจะมีพู่หยกพิเศษแบบนี้หรือ”
หงหลวนกะพริบตา “ท่านพ่อ พวกเราควรแจ้งตระกูลจวินเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่”
ตอนที่ 1339 ตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณ (3)
ตามจริงที่หงหลวนตั้งใจจะแจ้งตระกูลจวินไม่ใช่แค่เพื่อความปลอดภัยของอวิ๋นลั่วเฟิงเท่านั้น แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือนางนับถือผู้นำตระกูลจวิน
แม้ภรรยาของผู้นำตระกูลจะจากไปหลายปีแต่เขาก็ยังมั่นคงในความรู้สึกและไม่แต่งงานใหม่ หลังจากเขาแก้แค้นแล้ว ทั้งหัวใจเขาก็มีแค่การตามหาบุตรสาวเป็นสิบๆ ปี แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ทิ้งความหวังเหมือนเหตุการณ์เพิ่งผ่านไปเมื่อวาน
นางจะไม่รู้สึกซึ้งกับความมุ่นมั่นของเขาได้อย่างไร
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าของพู่หยกอันนี้คือผู้นำตระกูลจวิน แต่มารดาของอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลจวินจริงหรือไม่ยังต้องหาข้อพิสูจน์ อีกอย่างผู้นำตระกูลจวินออกจากเมืองวิญญาณไปทันทีที่ยกตำแหน่งให้ศิษย์ของตัวเอง แม้แต่ตอนนี้เองก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน การพูดว่าจะหาเขานั้นง่ายกว่าทำมาก” หงหลิงส่ายหน้าแล้วถอนหายใจอย่างจนปัญญา
ผู้นำตระกูลจวินเดินทางไปยังเมืองต่างๆ มากมาย แม้แต่ตระกูลจวินเองก็ไม่รู้ที่อยู่แน่ชัด เขาพาบุตรสาวของศิษย์เขาไปด้วย แล้วการตามหาตัวเขาก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร
“ท่านพ่อ เหตุใดพวกเราไม่แจ้งตระกูลเจ้าคะ ข้ามั่นใจว่าเขามีวิธีหาตัวผู้นำตระกูล”
หงหลวนทำสีหน้ามุ่งมั่น ถ้าหากอวิ๋นลั่วเฟิงมีตระกูลจวินหนุนหลัง นางก็จะได้เดินทางไปทั่วแคว้นเจ็ดเมืองอย่างไร้กังวลว่าจะมีใครทำให้นางอับอาย
“ก็ได้!” หงหลิงค่อยๆ หรี่ตา “หงหลวน ช่วงนี้เจ้าควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอวิ๋นลั่วเฟิง หากเขาเป็นบุตรชายของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลจวินจริง เจ้าจะแต่งงานกับเขาก็ดี” ยิ่งหงหลิงยิ่งพูดเขาก็ยิ่งตื่นเต้น
เมืองวิญญาณเป็นหนึ่งในเมืองอันดับต้นๆ ของแคว้นเจ็ดเมือง แล้วถ้าพวกเขาเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลจวินผ่านการแต่งงานได้ย่อมดีกว่าเมืองอุดรแน่นอน! แต่ว่าก่อนที่เขาจะสงบอารมณ์ได้ หงหลวนก็สาดน้ำเย็นใส่หน้าเขา
“ประการแรก ความสัมพันธ์ของข้ากับอวิ๋นลั่วเฟิงดีมากอยู่แล้ว!”
“ประการที่สอง ตระกูลจวินก็คือตระกูลจวิน อวิ๋นลั่วเฟิงก็คืออวิ๋นลั่วเฟิง ไม่ว่าเขาจะเป็นคนตระกูลจวินจริงหรือไม่ เขาก็เป็นคนที่ข้ายอมรับแล้ว! ข้าต่างจากท่าน ท่านพ่อให้ความสำคัญกับอำนาจ แต่ในสายตาข้า อำนาจเทียบไม่ได้กับมิตรภาพ ถ้าคนผู้หนึ่งเอาแต่แสวงหาอำนาจแล้วพวกเขาจะประสบความสำเร็จได้สักเท่าไรกัน”
เมื่อถูกบุตรสาวสั่งสอน ใบหน้าของหงหลิงก็ยิ่งซีดเผือด แล้วศีรษะเขาก็ลุกโชนไปด้วยโทสะ
“ท่านพ่อ พวกเราเป็นผู้ฝึกฌาน และแต่เดิมผู้ฝึกฌานก็ทำเฉพาะสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ถ้ามีความคิดที่ทำให้ไขว้เขวมากก็ยิ่งทำให้ไปถึงจุดหมายยากขึ้น! ถ้าท่านพ่อยืนกรานจะให้ข้าเป็นเหมือนท่าน ข้าก็จะไม่ยอมรับตำแหน่งเจ้าเมือง! ข้าเชื่อในความแข็งแกร่งของตัวเองว่าข้าสามารถขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของแคว้นนี้ได้เจ้าค่ะ!”
หงหลวนมักจะไม่เห็นด้วยกับการที่หงหลิงไขว่คว้าอำนาจและอิทธิพล ในความคิดนาง คนผู้หนึ่งควรทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะเป็นคนของตระกูลจวินหรือไม่ นางก็เป็นเพื่อนที่หงหลวนยอมรับในชีวิตนี้อยู่ดีไม่มีทางเปลี่ยน!
เหตุผลที่นางเห็นว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นคนสำคัญหลักๆ เป็นเพราะการต่อสู้ในเหลาวันนั้น การต่อสู้ครั้งนั้นทำให้นางชื่นชอบอวิ๋นลั่วเฟิง แล้วหลังจากหลายวันมานี้พอยิ่งรู้จัก นางก็ข้าใจว่าพวกนางเป็นคนประเภทเดียวกัน อีกอย่างตอนที่ต่อสู้กันนางและอวิ๋นลั่วเฟิงก็สูสีกัน ดังนั้นความตั้งใจของนางคือสักวันหนึ่งนางจะเอาชนะอวิ๋นลั่วเฟิงให้!
“หลวนเอ๋อร์ เจ้า…” หงหลิงตบโต๊ะแล้วยืนขึ้นขณะจ้องไปที่ดวงตานาง
หงหลวนยังคงไม่กะพริบตาและส่งยิ้มมาให้ “ท่านพ่อ ถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นคนของตระกูลจวินจริง ข้าก็จะไม่ขอการสนับสนุนจากตระกูลจวินเพียงเพราะท่านต้องการให้ข้าทำ และถึงแม้เขาจะไม่ได้มาจากตระกูลจวิน เขาก็ยังเป็นคนเดียวที่ในชีวิตนี้ข้าเรียกว่าเพื่อน!”
คนที่รู้จักในอดีตทุกคนมาตีสนิทนางเพราะอิทธิพลของจวนเจ้าเมือง ดังนั้นจึงมีแค่อวิ๋นลั่วเฟิงที่เป็นเพื่อนแท้ของนาง!