ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1404 นักบุญหญิง (9) / ตอนที่ 1405 นักบุญหญิง (10)
ตอนที่ 1404 นักบุญหญิง (9)
“นายหญิง ถึงเวลาต้องไปแล้ว” เสี่ยวโม่ยกยิ้มในฐานะผู้สนับสนุนที่ภักดีกับอวิ๋นเซียว เขาไม่อยากให้นายหญิงกับจีจิ่วเทียนคุยกันเยอะนัก
“พวกเราไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่แล้วหันหลัง
….
ภายในเผ่าผู้ใช้เวท
หัวหน้าเผ่ากำลังสั่งการอะไรบางอย่างอยู่ และในตอนนั้นเอง โอวหย่าก็รีบมาหาเขาอีกครั้ง ทันทีที่นางเข้ามา นางก็เอ่ยปากถามทันที “หัวหน้าเผ่า เจ้าทำเรื่องที่ข้าสั่งแล้วหรือยัง”
หัวหน้าเผ่ารู้ว่าโอวหย่าพูดถึงเรื่องอะไรจึงพยักหน้า “ข้าส่งผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์หลายคนไปแดนลับแลแล้วขอรับ”
“อะไรนะ” โอวหย่าได้ยินแบบนั้นก็พูดอย่างตกใจ “เจ้าส่งแค่ผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ไปหรือ ทำไมไม่ส่งผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์ไป”
ผู้นำเผ่าที่แต่เดิมก็รู้สึกไม่พอใจโอวหย่ามากอยู่แล้วหน้าบึ้งไปทันทีเมื่อได้ยินนางพูด “ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์ไม่สามารถส่งออกไปนอกเผ่าเฉยๆ ได้ แล้วคนที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนลับแลก็เป็นแค่ผู้ฝึกฌานขั้นปราชญ์ เช่นนั้นผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ก็เพียงพอกับการต่อกรพวกเขาแล้ว”
“หัวหน้าเผ่า เจ้าไม่เข้าใจ” โอวหย่าพูดด้วยสีหน้าวิตกกังวล “อวิ๋นลั่วเฟิงมีพรสวรรค์สูงมาก แล้วข้าก็ไม่ได้เจอนางมานานระหว่างนี้นางต้องพัฒนาไปมาก ผูฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ไม่เพียงพอที่จะจับนางหรอก”
หัวหน้าเผ่าพูดอย่างไม่พอใจ “ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์ไม่สามารถออกจากหุบเขาผู้ใช้เวทได้ตามใจ ถ้าผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ไม่พอ ข้าจะส่งคนไปเพิ่ม”
สีหน้าของโอวหย่ามืดครึ้ม นางยังต้องการโน้มน้าวเขาแต่เสียงของหัวหน้าเผ่าก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ว่าแต่ท่านนักบุญหญิง เมื่อไหร่ท่านจะทำพิธีสืบทอด”
ในเผ่าผู้ใช้เวท พวกเขามีพิธีสืบทอดสำหรับนักบุญหญิงโดยเฉพาะ พูดอีกอย่างก็คือพิธีการสืบทอดเป็นการทดสอบสายเลือดของนักบุญหญิง หากคนผู้นั้นไม่มีสายเลือดที่แท้จริงของนักบุญหญิงก็จะตายทันที
แต่ถ้านักบุญหญิงทำพิธีสืบทอดสำเร็จ นางก็จะได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่
“ท่านหัวหน้าเผ่า เหตุใดถึงรีบนัก” นักบุญหญิงหยุดก่อนพูดต่อ “ข้ายังไม่เข้าพิธีตอนนี้”
“ท่านยังไม่อยากทำพิธีตอนนี้งั้นหรือ แต่เผ่าผู้ใช้เวทกำลังจะหมดเวลาแล้ว มีแค่การทำพิธีสืบทอดเท่านั้นที่จะทำให้ท่านนักบุญหญิงแข็งงแกร่งพอจะปกป้องเผ่าผู้ใช้เวท ข้าหวังว่าท่านจะทำพิธีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” หัวหน้าเผ่าขมวดคิ้ว
โอกาสดีที่นางจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองมาอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมท่านนักบุญหญิงถึงเอาแต่ปฏิเสธ
โอวหย่าลูบหน้าผากตัวเอง “ท่านหัวหน้าเผ่า ช่วยไม่ได้ เพราะว่าอวิ๋นลั่วเฟิงทำร้ายข้า ร่างกายข้าจึงมีโรคร้ายแรงแฝงอยู่ ถ้าข้าทำพิธีสืบทอดด้วยสุขภาพตอนนี้ ข้าเกรงว่าข้าจะไม่มีแรงพอจนทำพิธีจนเสร็จ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เผ่าผู้ใช้เวทจะได้รับผลกระทบไปด้วย”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หัวหน้าเผ่าก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง “เผ่าผู้ใช้เวทของเราเชี่ยวชาญการใช้ปรสิตแต่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับยาเลย อีกอย่างพวกเราติดต่อเขาคนภายนอกน้อยมากดังนั้นพวกเราคงหาแพทย์มารักษาท่านไม่ได้”
“หัวหน้าเผ่าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าศึกษาวิชาแพทย์ ดังนั้นข้าสามารถรักษาโรคร้ายแรงที่แฝงอยู่ได้ แต่…” โอวหย่าหยุดพูดก่อนยกยิ้ม “ถ้าท่านพาตัวอวิ๋นลั่วเฟิงมาที่นี่แล้วให้นางรักษาข้า ข้าจะหายเร็วขึ้น”
หัวหน้าเผ่าเงียบ
ปกติแล้วคนในเผ่าที่อยู่สูงกว่าขั้นเซียนปราชญ์จะไม่ออกไปนอกเผ่า แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันกับอนาคตของเผ่าผู้ใช้เวททั้งหมด เขาควรส่งผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์ไปที่นั่น
“ก็ได้ ข้าจะส่งผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์ไปที่นั่นแล้วพาอวิ๋นลั่วเฟิงมาที่นี่”
โอวหย่าหลุบตาต่ำด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะบนริมฝีปาก “หัวหน้าเผ่า อวิ๋นลั่วเฟิงและข้าเป็นศัตรูกัน ข้าไม่คิดว่านางจะยอมรักษาข้า และนอกจากจะไม่รักษาข้าแล้ว นางอาจจะใส่ร้ายข้าแล้วบอกว่าร่างกายข้าไม่มีปัญหา ข้าหวังว่าท่านจะไม่เชื่อสิ่งที่นางว่า”
“ท่านไปนอนเถอะ ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง” ผู้นำเผ่าครุ่นคิดอยู่สักพักก็พูดกับโอวหย่า
ตอนที่ 1405 นักบุญหญิง (10)
โอวหย่าก็ไม่พูดอะไรอีก นางหันหลังแล้วเดินจากไป
ทันทีที่นางหันหลังไปนั้น รอยยิ้มมีชัยของนางก็กว้างขึ้น นางคิดในใจว่าเผ่าผู้ใช้เวทนี่หลอกง่ายจริงๆ! แค่เห็นปิ่นอัญมณีและรอยสักจันทร์เสี้ยวก็เชื่อแล้วว่านางเป็นนักบุญหญิง ส่วนเรื่องพิธีสืบทอด นางก็แค่หาข้ออ้างไปเรื่อยๆ แต่เขาก็เชื่อนาง
ถ้าเป็นคนอื่น บางทีโอวหย่าอาจจะหลอกพวกเขาไม่ได้ แต่คนในเผ่าผู้ใช้เวทติดต่อกับโลกภายนอกน้อยมากเลยไม่มีประสบการณ์ถูกหลอกมากนัก ดังนั้นพวกเขาเลยเป็นคนสบายๆ และหลอกง่าย! นางสร้างข้ออ้างแบบนี้เพราะนางรู้ว่าไม่มีแพทย์อยู่ในเผ่าผู้ใช้วิญญาณ
อย่างไรก็ตาม…ถ้าเข้ารับพิธีสืบทอด ตัวตนของนางก็จะถูกเปิดเผยทันที
โชคร้ายที่หวงอิงอิงตายแล้ว ไม่อย่างนั้นนางก็จะเปลี่ยนเลือดนางด้วยวิชาลับของครอบครัวนาง ทำให้สามารถเข้าพิธีสืบทอดได้…
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้โอวหย่าก็อารมณ์เสีย ดูเหมือนว่านางต้องหาทางอื่นเพื่อผ่านเรื่องนี้ไป
…
ตอนนั้นเอง อวิ๋นลั่วเฟิงและคนอื่นๆ ก็มาถึงยอดเขาผู้ใช้เวท ประตูสีทองแดงปรากฏต่อสายตาพวกนาง
“ที่นี่คือหุบเขาผู้ใช้เวท” อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดคิดอยู่สักพัก ดวงตานางปรากฏประกายที่ยากคาดเดา “พวกเราไปกันเถอะ”
นางต้องเข้าไปในหุบเขาผู้ใช้เวทไม่ว่าจะเพื่อช่วยหงหลวนหรือจัดการโอวหย่า…
มีชายสองคนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูหุบเขาผู้ใช้เวท พวกเขาแปลกใจเมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงและคนอื่นๆ
“พวกเจ้าเป็นใคร มาที่หุบเขาใช้เวทของพวกเราทำไม”
ตอนที่อวิ๋นลั่วเฟิงกำลังจะพูด จีจิ่วเทียนก็เดินมาด้านหน้า อาภรณ์สีแดงของเขาสะบัดไปตามลม ทำให้เขาดูไร้ระเบียบและร้ายกาจยิ่ง
“ไปบอกหัวหน้าเผ่าเจ้าว่าจีจิ่วเทียนจากสำนักศึกษาเมืองประจิมมาเยี่ยมเขา”
ชื่อของจีจิ่วเทียนไม่ได้เป็นที่รู้จักแค่ในเมืองประจิมเท่านั้นแต่ยังเป็นที่รู้จักในอีกหลายเมือง ผู้คุ้มทั้งสองแปลกใจที่ชายที่เป็นที่รู้จักของผู้คนในแคว้นนี้มานานจะดู…อ่อนเยาว์ขนาดนี้!
หลังพูดจบ จีจิ่วเทียนก็หันมาหาสตรีใบหน้างดงามแล้วหัวเราะเบาๆ “ปกติข้าไม่ชอบต่อสู้”
แต่ว่าเมื่อไรที่เขาสู้ เขาก็จะ…ทำลายศัตรูเขาทั้งตระกูล!
“เกิดอะไรขึ้น”
ในตอนนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากด้านใน และไม่นานสตรีที่ใส่ชุดคลุมสีขาวที่ถูกล้อมรอบด้วยสาวใช้มากมายก็เดินออกมานอกประตู เมื่อสตรีผู้นี้เห็นกลุ่มคนตรงหน้า สีหน้านางก็เปลี่ยนไป
“อวิ๋นลั่วเฟิง! เจ้ามาทำอะไรที่นี่ แล้วเจ้า… หวงอิงอิง เจ้ายังม่ชีวิตอยู่หรือ!”
โอวหย่าไม่รู้จักจีจิ่วเทียน ดังนั้นนางถึงไม่รู้ว่าชายชุดแดงตรงหน้าโหดร้ายขนาดไหน
ทันทีที่หวงอิงอิงเห็นโอวหย่า ดวงตานางก็แดงก่ำ นางจ้องหน้าโอวหย่าโดยไม่กะพริบตา ถ้าไม่คอยบอกตัวเองว่าตอนนี้นางไม่สามารถเอาชนะโอวหย่าได้ นางคงพุ่งเข้าไปฉีกผู้หญิงคนนี้ออกเป็นชิ้นๆ แล้ว!
“โอวหย่า เจ้าสังหารพ่อแม่ข้า สังหารครอบครัวข้า ตอนนี้ข้ามาที่นี่เพื่อแก้แค้นเจ้า!”
“แก้แค้นงั้นหรือ” โอวหย่าหัวเราะอย่างดูถูก “เจ้าต้องการแก้แค้นข้างั้นหรือ ข้าเป็นนักบุญหญิงของเผ่าผู้ใช้เวท แล้วเจ้าเป็นใคร เจ้าก็แค่คนชั้นต่ำธรรมดา อะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถแก้แค้นข้าได้ แต่ก็ขอบคุณที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่!”
โอวหย่าดูเหมือนจะไม่มีความละอายที่ขโมยตัวตนของหวงอิงอิงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำเหมือนนางได้มาโดยชอบธรรม นางทำตัวเหมือนนางเป็นนักบุญหญิงของเผ่าผู้ใช้เวทจริงๆ …