ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1408 เทพแห่งโรคระบาด (3) / ตอนที่ 1409 เทพแห่งโรคระบาด (4)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1408 เทพแห่งโรคระบาด (3) / ตอนที่ 1409 เทพแห่งโรคระบาด (4)
ตอนที่ 1408 เทพแห่งโรคระบาด (3)
หวงอิงอิงคิดไม่ทันแล้วก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อวิ๋นลั่วเฟิงและจีจิ่วเทียนรู้บางอย่างจากบทสนทนานี้ ปิ่นอัญมณีที่ถูกโอวหย่าขโมยไปเป็นของเผ่าผู้ใช้เวท นั่นหมายความว่า…นักบุญหญิงของเผ่าผู้ใช้เวทจริงๆ แล้วเป็นหวงอิงอิง
“ทำไมเจ้าถึงสนใจเรื่องนี้” อวิ๋นลั่วเฟิงชำเลืองมองจีจิ่วเทียนแล้วถาม
“ก็นะ…” จีจิ่วเทียนเผยรอยยิ้มร้ายกาจบนใบหน้าทรงสเน่ห์แล้วลูบคาง “เพราะข้ารู้วิธีแก้ปัญหาโดยไม่ต้องสู้ได้แล้วอย่างไรล่ะ เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นคนสุภาพอ่อนโยนไม่ชอบการฆ่าฟัน ข้าคิดว่าคงดีกว่าถ้าพวกเราใช้เหตุผลโต้แย้งพวกเขา”
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ”
จีจิ่วเทียนยิ้ม “ก็ได้ ข้าชอบซ้ำเติมผู้อื่น”
อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มบางแล้วเสียงทุ้มต่ำร้ายกาจก็ดังขึ้นที่ด้านหลังนางอีกครั้ง
“อีกประการหนึ่ง ถ้าเจ้าเปิดโปงโอวหย่าและทำให้หวงอิงอิงเป็นนักบุญหญิงได้ เผ่าผู้ใช้เวทก็จะให้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ”
อวิ๋นลั่วเฟิงถอนหายใจ “ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าทำไมเฉินอวี้ชิงถึงอยากให้ข้าช่วยหวงอิงอิง”
“เฉินอวี้ชิง?” จีจิ่วเทียนหน้าบึ้ง “บุรุษผู้นี้เป็นใครอีกล่ะ เสี่ยวฟิงเอ๋อร์ เจ้าช่างมีเสน่ห์จริงๆ ตอนแรกก็จักรพรรดิปีศาจ ตอนนี้ก็เฉินอวี้ชิง ในเมื่อเจ้ามีผู้ชายเยอะขนาดนี้ ทำไมไม่ให้โอกาสข้าบ้าง”
อวิ๋นลั่วเฟิงส่งสายตาร้ายกาจไปที่ชายหนุ่มหล่อเหลาชวนตะลึงข้างๆ นาง “ข้าไม่สนใจบุรุษที่เหมือนสตรี!”
บุรุษที่เหมือนสตรี?
จีจิ่วเทียนหน้ามืดครึ้มจนมืดไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว เขาก็เหมือนบุรุษมิใช่หรือ
“หัวหน้าเผ่า”
ตอนที่จีจิ่วเทียนกำลังคิดว่าจะโต้แย้งอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างไรดี เสียงโมโหของโอวหย่าก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ข้าสั่งให้ท่านพาอวิ๋นลั่วเฟิงมาที่นี่เพราะนางรักษาข้าได้ แต่ตอนนี้ข้ามีวิธีรักษาโรคร้ายแรงภายในที่ดีกว่าแล้ว นั่นก็คือใช้หวงอิงอิง!” นางเชิดคางขึ้นอย่างเหนือกว่า “ส่งนางมาให้ข้า ไม่นานข้าก็จะสามารถเข้าพิธีสืบทอดแล้วพัฒนาเผ่าผู้ใช้เวทได้”
เป็นอย่างที่คิด คำพูดของนางส่งผลต่อหัวหน้าเผ่า เขาอดทนกับผู้หญิงมานานก็เพื่อเผ่าผู้ใช้เวท! ตราบใดที่ทำให้เผ่าผู้ใช้เวทเจริญก้าวหน้าได้ เขาก็ยินดีทำทุกอย่าง!
“อะแฮ่ม” หัวหน้าเผ่ากระแอมแล้วหันไปหาหวงอิงอิง “แม่นาง เจ้า…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบก็มีเสียงหัวเราะคิกคักที่เต็มไปด้วยความดูถูกดังแทรกขึ้นมา “เป็นการแสดงที่ดีมาก! ตอนนี้เผ่าผู้ใช้เวทกำลังจะรังแกเด็กสาวบริสุทธิ์อยู่งั้นหรือ”
หัวหน้าเผ่าขมวดคิ้วแล้วหันไปหาชายหนุ่มที่หน้าตางดงามจนเหมือนไม่ใช่มนุษย์
“นี่เป็นเรื่องของเผ่าผู้ใช้เวท เจ้าเอาเวลาไปสนใจเรื่องตัวเองดีกว่า”
“ท่านหัวหน้าเผ่าขอรับ” เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าเผ่า ผู้คุ้มกันสองคนก็ปาดเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผากแล้วรายงานเขาอย่างระมัดระวัง “เขาคือจีจิ่วเทียนขอรับ”
“ข้าไม่สนว่าเขาเป็นใคร ใครก็หยุดข้าทำ…” ทันใดนั้นหัวหน้าเผ่าก็เข้าใจสิ่งที่ผู้คุ้มกันบอกแล้วเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “เดี๋ยวนะ เจ้าว่าเขาคือจีจิ่วเทียนงั้นหรือ จีจิ่วเทียนจากสำนักศึกษาเมืองประจิมน่ะหรือ”
ไม่นะ! เขาหน้าซีดปากสั่นดวงตาเต็มไปด้วยความตะลึง
โอวหย่าชะงัก นางไม่เข้าใจว่าทำไมชื่อนี้ถึงทรงพลังมากแม้แต่หัวหน้าเผ่ายังหวาดกลัว สำนักศึกษาเมืองประจิม…มีอำนาจมากขนาดนี้เลยหรือ
ตอนที่ 1409 เทพแห่งโรคระบาด (4)
“ท่าน…ท่านคือจีจิ่วเทียน เจ้าสำนักจีงั้นหรือ” เหงื่อเย็นๆ ไหลตามหน้าผากของหัวหน้าเผ่า เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเทพแห่งโรคระบาดถึงมาปรากฏตัวที่นี่
ก็จริงอยู่ที่เมืองประจิมไม่มีค่าให้พูดถึงเพราะหลายปีก่อนยอดฝีมือทุกคนในเมืองประจิมถูกสังหาร
แล้วคนที่สังหารพวกเขาก็คือจีจิ่วเทียน!
ดังนั้นชื่อนี้จึงเหมือนฝันร้าย ไม่ใช่แค่กับเมืองประจิมเท่านั้น แต่กับเมืองอื่นก็เหมือนกัน! เขาถูกคนทั้งแคว้นขึ้นบัญชีดำ และบางคนยังยืนยันว่าพวกเขาไม่มีทางเข้าใกล้คนจากตระกูลจีหรือต้นไม้ดอกไม้ใดๆ ที่จีจิ่วเทียนสัมผัส!
แน่นอนว่าต้องมีเหตุผล ครั้งหนึ่งเคยมียอดฝีมือคนหนึ่งบังเอิญเหยียบดอกไม้ที่จีจิ่วเทียนปลูก จากนั้นเขาก็ถูกจีจิ่วเทียนฉีกออกเป็นชิ้นๆ! ไม่มีใครลืมฉากนองเลือดนั่นได้เลย
ไม่ใช่ว่าจีจิ่วเทียนหายตัวไปหรือ ทำไมเขามาอยู่ที่นี่
“เจ้าสำนักจี” หัวหน้าเผ่าฝืนยิ้ม “ข้าไม่รู้ว่าเป็นท่านเลยทำตัวเสียมารยาทแล้ว ผู้อาวุโสจีได้โปรดให้อภัยด้วยขอรับ”
จีจิ่วเทียนหรี่ดวงตาเรียวงามของเขา “ข้าดูแก่งั้นหรือ”
“เอ่อ…” หัวหน้าเผ่าชะงักไปชั่วครู่ เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายที่ปล่อยออกมาจากจีจิ่วเทียนเลยรีบส่ายหน้าหัวแทบหลุด “ไม่ๆ ท่านเจ้าสำนักจี ท่านยังดูอ่อนเยาว์ดี ไม่ได้ดูชราแม้แต่น้อยขอรับ”
จีจิ่วเทียนไม่ชอบถูกเรียกว่าสตรีก็จริง แต่เขาเกลียดการถูกเรียกว่าแก่มากกว่า! เขาดูอ่อนเยาว์มากนะ! ทำไมชายคนนี้ถึงเรียกเขาว่า ‘ผู้อาวุโส’ เล่า
“ข้ากับศิษย์มาเดินเล่นแล้วบังเอิญไปเจอสตรีบ้าคลั่งที่วิ่งไล่โจมตีทุกคนที่นางเห็น!” จีจิ่วเทียนกวาดสายตาไปที่โอวหย่าแล้วปล่อยกลิ่นอายอันตรายออกมาอีกครั้ง “ดังนั้นตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ข้าไม่อยากเห็นสตรีเสียสติผู้นี้อีก”
หัวหน้าเผ่าตัวแข็ง จีจิ่วเทียนหมายถึงอะไร เขาจะพำนักที่นี่งั้นหรือ อีกอย่างเขาบอกว่ามาเดินเล่นที่หุบเขาผู้ใช้เวทใช่หรือไม่ เขาโกหกเก่งจริงๆ!
“ท่านเจ้าสำนักจี” หัวหน้าเผ่าหัวเราะแห้งๆ “ที่นี่เล็กเกินไปสำหรับท่าน ข้าเกรงว่าท่านคงอยู่ที่นี่คงไม่สะดวกสบายเท่าไหร่นะขอรับ”
“ไม่เป็นไร ศิษย์ข้าชอบอยู่ที่แบบนี้เพื่อที่นางจะได้ชมทิวทัศน์งดงามขณะทรมานคนที่นางไม่ชอบไปด้วยตอนที่นางว่าง” จีจิ่วเทียนยิ้มแล้วหันไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง “อาจารย์พูดถูกหรือไม่ เสี่ยวเฟิงเอ๋อร์”
จีจิ่วเทียนกำลังบอกหัวหน้าเผ่าว่าเขามาสร้างปัญหาที่นี่ ดังนั้นเขาควรระวังหน่อย
“ถ้าอย่างนั้น เชิญท่านเจ้าสำนักจีทางนี้” หัวหน้าเผ่าพูดอย่างนอบน้อม ไม่ใช่เรื่องฉลาดที่จะขัดแย้งกับเทพแห่งโรคระบาดที่นี่ เขาสงบจิตใจตัวเองแล้วออกคำสั่งอย่างเย็นชา “สาวใช้ ไปเตรียมห้อง!”
“เจ้าค่ะ หัวหน้าเผ่า”
บางคนก็รีบเข้ามาต้อนรับจีจิ่วเทียนและอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างนอบน้อมด้วยกลัวว่าเทพแห่งโรคระบาดผู้นี้จะอารมณ์ไม่ดี
โอวหย่ามองดูพวกนางเดินจากไปด้วยความขมขื่น “หัวหน้าเผ่า ชายผู้นั้นเป็นใคร เขาเป็นแค่เจ้าสำนักเล็กๆ ในเมืองประจิมเองนี่ ทำไมท่านต้องกลัวเขาด้วย”
“เจ้าสำนักเล็กๆ งั้นหรือ ฮ่าๆ” หัวหน้าเผ่าหัวเราะเยาะแล้วมองนางอย่างดูถูก “ท่านรู้หรือไม่ว่าทำไมเมืองประจิมถึงล้าหลังกว่าเมืองอื่นทั้งทั้งที่เมื่อก่อนแทบไม่ต่างกัน”
“เป็นเพราะจีจิ่วเทียน!” หัวหน้าเผ่าสูดหายใจเข้าลึกๆ “ท่านไม่รู้ว่าชายคนนี้น่ากลัวขนาดไหน! บนแผ่นดินนี้ ข้าบอกได้เลยว่ามีคนเพียงหยิบมือที่กล้ามีเรื่องกับเขา! ถูกต้อง เผ่าผู้ใช้เวทของพวกเรามีอำนาจมาก แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่กล้ามีปัญหากับเขา!”