ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1410 เทพแห่งโรคระบาด (5) / ตอนที่ 1411 เทพแห่งโรคระบาด (6)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1410 เทพแห่งโรคระบาด (5) / ตอนที่ 1411 เทพแห่งโรคระบาด (6)
ตอนที่ 1410 เทพแห่งโรคระบาด (5)
โอวหย่ามองอย่างประหลาดใจ บุรุษงดงามผู้นั้นมีอำนาจมหาศาลขนาดนั้นเลยหรือ
“ท่านนักบุญหญิง ข้ารู้ว่าท่านอารมณ์ไม่ดีแต่ท่านอย่าได้มีเรื่องกับเขา! ห้ามเด็ดขาด! ถ้าเขาอยากหาเรื่องสนุกก็ปล่อยเขาไป! อีกสองสามวันเขาก็คงไป รอเขาไปแล้วพวกเราค่อยคิดว่าจะทำอะไรต่อ”
โอวหย่าหลุบตาต่ำแล้วไม่ตอบอะไรหัวหน้าเผ่าเพราะตอนนี้นางมีแผนใหม่แล้ว…
…
เผ่าผู้ใช้เวท
ระหว่างเดิน อวิ๋นลั่วเฟิงก็หันไปมองหน้าชายหนุ่ม จากมุมนี้ชายหนุ่มดูหล่อเหล่าไร้ที่ติจนน่าตะลึงจริงๆ!
“จีจิ่วเทียน ข้าเป็นศิษย์เจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน”
“ข้าเป็นเจ้าสำนักศึกษาเมืองประจิม เจ้าเป็นศิษย์ของสำนัก ดังนั้นข้าก็ไม่ได้พูดอะไรผิด”
อวิ๋นลั่วเฟิงก้มหน้าคิดอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้า “ก็จริง ข้านับว่าเป็นศิษย์เจ้าได้เหมือนกัน”
“เสี่ยวเฟิงเอ๋อร์ ด้วยความคุ้มครองจากข้า เจ้าอยากทำอะไรที่นี่ก็ได้” จีจิ่วเทียนหันไปหาเด็กสาวข้างๆ เขา “แต่ถ้าเจ้าอยากได้ของที่ต้องการ เจ้าต้องพึ่งพาตัวเอง”
ถึงแม้เผ่าผู้ใช้เวทจะกลัวเขา แต่พวกเขาก็ไม่มีทางยกสมบัติประจำเผ่าให้เขาแน่หากเขาไม่ทำลายเผ่าผู้ใช้เวทแล้วขโมยมา ทว่าตอนนี้เขาจะไม่ทำแบบนั้น
เมื่อเห็นว่าจีจิ่วเทียนกำลังเข้าหาอวิ๋นลั่วเฟิง เสี่ยวโม่ก็กระโดดมายืนกั้นระหว่างทั้งสองทันทีก่อนหันไปยิ้มให้อวิ๋นลั่วเฟิง “นายหญิง ข้าหิวแล้ว”
ถึงแม้ว่าจีจิ่วเทียนจะรู้ว่าเสี่ยวโม่ทำแบบนี้ไปทำไม แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากหัวเราะแล้วยิ้มเยาะ
“หวงอิงอิง” อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดเดินแล้วหันหลังมามองเด็กหญิงที่เงียบมาตลอดทางแล้วเอ่ยถาม “มารดาเจ้ายกปิ่นอัญมณีให้เจ้างั้นหรือ นางได้บอกอะไรเจ้าอีกหรือไม่”
หวงอิงอิงเอียงคอแล้วคิดสักพัก จากนั้นก็ส่ายหน้า “ข้ารู้แค่ว่าปิ่นอัญมณีเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่โบราณ แล้วต้องให้บุตรสาวโดยสายเลือดเท่านั้น ห้ามให้บุตรสาวบุญธรรมเด็ดขาด ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไม ท่านแม่ไม่ได้บอกเหตุผลไว้”
พูดจบหวงอิงอิงก็เงยหน้ามองอวิ๋นลั่วเฟิง
“แม่นางอวิ๋น เจ้าช่วย…ช่วยเอาปิ่นอัญมณีมาคืนข้าได้หรือไม่ นั่นเป็นของดูต่างหน้าเพียงชิ้นเดียวที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ข้า”
อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มร้าย “ข้าจะช่วยเจ้าเอาปิ่นอัญมณีกลับมา รวมถึงฐานะที่เจ้าควรได้ด้วย”
ฐานะที่นางควรได้งั้นหรือ หวงอิงอิงกะพริบตาอย่างงุนงง นางหมายถึงอะไร นางไม่ได้ถามอวิ๋นลั่วเฟิงเพราะเชื่อว่าไม่ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะทำอะไรก็เพื่อช่วยนางทั้งนั้น
…
ภายในห้องนอนของสตรีหรูหรา โอวหย่านั่งขมวดคิ้วอยู่ที่โต๊ะพลางคิดบางอย่าง เมื่อสาวใช้เห็นว่านางเงียบไปก็หวาดกลัวแล้วพากันคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความกังวล
“ท่านนักบุญหญิงเจ้าคะ” ทันใดนั้นสาวใช้คนหนึ่งก็เดินเข้ามารายงานด้วยความเคารพ “ท่านนักบุญหญิง บ่าวรู้ที่ตั้งของห้องพักแขกแล้วเจ้าค่ะ”
“ดี ดีมาก ตอนนี้ก็พาข้าไปหาจีจิ่วเทียน” โอวหย่ายืนขึ้นแล้วยกยิ้ม “แต่ก่อนหน้านั้นข้าต้องเตรียมตัวเสียก่อน”
ตอนนั้นจีจิ่วเทียนนอนเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ยาวของเขาแล้วใช้นิ้วเรียวหยิบองุ่นจากจานผลไม้ข้างๆ ท่าทางของเขาดูงดงามและเย้ายวน
เมื่อโอวหย่าผลักประตูมาก็ได้พบภาพชวนล่อลวงนี้ทันที
ตอนที่ 1411เทพแห่งโรคระบาด (6)
ชายคนนี้งดงามจนน่าตะลึง ดวงตารูปหงส์ของเขาเป็นประกายร้ายกาจ แล้วใบหน้างดงามสูงส่งก็ดูไม่เหมือนอมนุษย์เดินดินแต่เหมือนภูตในป่ามากกว่า
“ไสหัวไป!”
ตั้งแต่ต้นจนจบ ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาและน้ำเสียงของเขาก็ดุร้ายน่ากลัวมาก
โอวหย่าบังคับให้ตัวเองสงบ ถ้านางสามารถชนะใจบุรุษผู้นี้ได้ นางก็ไม่สนใจว่านางจะได้ตำแหน่งนักบุญหญิงหรือไม่
“นายท่านจี ข้ามาที่นี่เพื่อขอโทษเจ้าค่ะ” โอวหย่าก้มหน้าแล้วพูดอย่างรู้สึกผิด “ข้าไม่รู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงและหวงอิงอิงเป็นสหายของท่าน ถ้าข้ารู้เรื่องความสัมพันธ์ของท่านกับพวกนาง ข้าก็จะไม่สนใจเรื่องใหญ่ที่พวกนางก่อไว้”
เพื่อแสดงความใจกว้างของตัวเอง โอวหย่าก็พูดต่อ “และเพื่อนายท่านจี ข้าก็ยินดียกโทษให้พวกนาง”
“อ้อ?” เมื่อจีจิ่วเทียนได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความสนใจ “เจ้าหมายถึงเสี่ยวเฟิงเอ๋อร์ทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ”
โอวหย่าตื่นเต้นดีใจที่เห็นว่าจีจิ่วเทียนตอบนางแต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกไป
“ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ก็แค่ตอนที่พวกเราอยู่ที่นครอนันต์ มีบุรุษผู้หนึ่งชื่อหนานกงอวิ๋นอี้มาเกี้ยวข้า แต่อวิ๋นลั่วเฟิงชอบเขา นางก็เลยเกลียดข้า” โอวหย่าก้มหน้าทำท่าทางเสียใจ “นางสังหารคนทั้งตระกูลข้าเพื่อแก้แค้น ซึ่งทั้งตระกูลข้ามีคนมากกว่าห้าร้อยคน! นั่นทำให้ข้าเกลียดนางมาก!” ดวงตาของโอวหย่าเป็นประกายเกลียดชัง
เป็นเรื่องจริงที่นางเกลียดอวิ๋นลั่วเฟิง แต่ไม่ใช่เพราะนางทำลายตระกูลโอวแต่อย่างใด ทว่าเป็นเพราะอวิ๋นลั่วเฟิงทำให้นางต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก!
ถ้านางไม่โชคดีได้มาเป็นนักบุญหญิงของเผ่าผู้ใช้เวท ป่านนี้นางก็คงตายไปแล้ว!
จีจิ่วเทียนยิ้ม “เจ้าหมายความว่าเสี่ยวเฟิงเอ๋อร์ตกหลุมรักหนานกงอวิ๋นอี้งั้นหรือ แต่เท่าที่ข้ารู้ เสี่ยวเฟิงเอ๋อร์มีคู่หมั้นอยู่แล้วคือจักรพรรดิปีศาจ”
“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้ารังเกียจนาง” โอวหย่าพูดอย่างเหยียดหยาม “ถึงแม้ว่านางจะมีคู่หมั้นแล้ว นางก็ยังไปยุ่งกับบุรุษอื่น แม้แต่ผู้อาวุโสของหอแพทย์ก็มีความสัมพันธ์ลับๆ กับนาง คนทั้งนครอนันต์ต่างรู้กันหมด เจ้าสำนักจี ท่านไม่ได้มาจากแดนลับแลก็เลยไม่รู้ว่านางเป็นคนอย่างไรตอนอยู่ที่นั่น”
เมื่อได้ยินคำพูดของโอวหย่า จีจิ่วเทียนก็ถามคำถามที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ขึ้นมาทันที
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าในแดนลับแลมีตระกูลจีอยู่”
ตระกูลจีหรือ
โอวหย่าหยุด นางเคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลจี แต่ว่าจีจิ่วเทียนถามเรื่องนี้กับนางไปทำไม
เดี๋ยวก่อนนะ ตระกูลจี? ชื่อสกุลของจีจิ่วเทียนก็เป็น ‘จี’ เหมือนกันนี่ หรือว่าเขา…
“หรือว่าท่านเป็นผู้นำตระกูลจี” โอวหย่าหน้าซีดตัวสั่น
จะบังเอิญอะไรขนาดนั้น! หรือว่าเจ้าสำนักศึกษาเมืองประจิมจะเป็นผู้นำตระกูลจีด้วย
“เปล่า…” จีจิ่วเทียนขยับริมฝีปากสีแดงสดแล้วพูดขึ้น
ได้ยินอย่างนั้น โอวหย่าก็โล่งอกแล้วแอบหัวเราะกับตัวเอง นางเชื่อมโยงจีจิ่วเทียนกับตระกูลจีได้อย่างไร
ทว่าคำพูดต่อมาของจีจิ่วเทียนก็ผลักนางตกลงไปจุดต่ำสุดของนรก นางตัวแข็งค้าง
“ผู้นำตระกูลจีเป็นแค่ผู้ติดตามข้าเฉยๆ”
ปัง!
โอวหย่าตัวเซจนต้องใช้กรอบประตูเพื่อพยุงตัวเองไว้ นางพยายามสงบใจแล้วเอ่ยถาม “ท่าน…ท่านว่าอย่างไรนะ”
จีจิ่วเทียนส่งสายตาร้ายกาจไปให้นาง “หลังจากที่เสี่ยวเฟิงเอ๋อร์ไปนครอนันต์ ข้าก็ส่งคนไปสืบเรื่องนาง เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่านางทำอะไรบ้าง”
ริมฝีปากของโอวหย่าสั่น นางกลัวจนพูดไม่ออก