ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1450 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (7) / ตอนที่ 1451 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (8)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1450 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (7) / ตอนที่ 1451 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (8)
ตอนที่ 1450 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (7)
มู่ต้งพูดพร้อมยกยิ้มบิดเบี้ยว “ยิ่งไปกว่านั้นพวกเรายังไม่เห็นศพของเสี่ยวอวิ๋น แล้วเหตุใดเจ้าถึงมั่นใจว่านางตายแล้ว”
“คนจากเผ่าผู้ใช้เวทบอกว่าหุบเขาพิษเป็นสาเหตุให้หลานสาวข้าตาย!” ผู้อาวุโสจวินพูดรอดฟัน “พวกเขายังรู้สึกได้ว่าภายในดินแดนแห่งจินตนาการเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นหลานสาวข้าต้องจากไปแล้วแน่นอน!”
ตอนนั้นเมื่อเขามุ่งหน้าไปเมืองบูรพาและได้รู้จากเจ้าเมืองบูรพาว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นบุตรสาวของจวินเอ๋อร์ เขาตื่นเต้นมากจนสนใจเพียงอย่างเดียวคือรีบหานางให้เจอแล้วกอดนางโดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง
แต่ทว่า…โชคชะตามักเล่นตลกกับผู้คนเสมอ ก่อนที่เขาจะได้เจอกับหลานสาว ฝันร้ายก็เกิดขึ้นเสียก่อน
เขาจะไม่เสียใจได้อย่างไร อย่าว่าแต่สามปีเลย ทั้งชีวิตเขาจะลืมความเศร้าโศกนี้ได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้
“จวินหลิงเทียน เรื่องความสัมพันธ์ของเจ้ากับเสี่ยวอวิ๋น เจ้ามีแผนจะบอกคนตระกูลจวินหรือไม่” มู่ต้งขมวดคิ้วถาม
ชายชราส่ายหน้า “มีแค่ข้าเสียใจคนเดียวก็พอ ทำไมข้าต้องทำให้คนอื่นมาเสียใจกับข้าด้วย ถ้าอวิ๋นเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่ ข้าก็คงพานางไปแนะนำกับตระกูลจวิน แต่ในเมื่อนางไม่อยู่กับพวกเราแล้ว ถ้าข้าบอกพวกเขาจะไม่ทำให้ทุกคนเสียใจไปกับข้าหรอกหรือ
ชายชราเริ่มสะอื้นอีกครั้ง น้ำตาเขาไหลดั่งสายน้ำ ทำให้มู่ต้งแสดงสีหน้าจนใจ สามปีที่ผ่านมา เขาต้องนั่งฟังเสียงร้องไห้ของชายชราทุกวัน มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าเขาทรมานขนาดไหน ตาแก่ผู้นี้ไม่กลัวว่าจะร้องไห้จนเป็นใบ้หรือ
แต่ว่า…เมื่อนึกถึงเด็กสาวที่เขียนคำตอบเมื่อตอนนั้น หัวใจของมู่ต้งก็พลันรู้สึกสงสาร
หุบเขาพิษทำให้แผ่นดินนี้เสียอัจฉริยะที่โดดเด่นไปคนหนึ่ง ดังนั้นเขาก็ต้องทนรับผิดชอบ
“จริงสิ จวินหลิงเทียน ข้าได้ยินมาว่าเมื่อสามปีที่แล้วมีชายหนุ่มมุ่งหน้าเข้าไปในภูผาสุสานเทพ ชายคนนี้ต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเสี่ยวอวิ๋นแน่นอน เขาถึงยอมเสี่ยงเพื่อสังหารคนของหุบเขาพิษ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น จวินหลิงเทียนก็หันไปมองมู่ต้ง “ถ้าไม่ใช่เพราะคนเลวอย่างเจ้าขวางข้า ข้าก็คงพุ่งเข้าไปด้านในตั้งนานแล้วเหมือนกัน! ข้าไม่มีทางพอใจจนกว่าจะสังหารคนพวกนั้นได้! แค่ตอนนั้นเจ้าหยุดข้าไว้ยังไม่พอหรือ เจ้ายังต้องมาเฝ้าข้าทุกวันอีก ข้าก็แค่อยากจะแก้แค้นให้หลานสาวก็เท่านั้น”
มู่ต้งอาจจะสู้จวินหลิงเทียนเรื่องทักษะการแพทย์ไม่ได้ แต่ถ้าพูดถึงความแข็งแกร่ง พวกเขาก็ไม่ต่างกันมากนัก ตอนที่เขาพยายามจะเข้าไปในภูผาสุสานเทพ มู่ต้งก็เลยสู้กับเขานานกว่าครึ่งเดือนกว่าเขาจะยอมหยุด ตั้งแต่ตอนนั้นมู่ต้งก็เอาแต่ทำตัวติดกับเขาเพราะกลัวว่าเขาจะพุ่งเข้าไปในภูผาสุสานเทพทันทีโดยไม่ยั้งคิด
“ชายคนนั้นคือจักรพรรดิปีศาจ” ผู้อาวุโสจวินมองหน้ามู่ต้งแล้วถอนหายใจ “ข้าลองถามรอบๆ แล้ว อวิ๋นเอ๋อร์เข้าร่วมการแข่งขันตอนนั้นก็เพื่อมาพบจักรพรรดิปีศาจ พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน”
ผู้อาวุโสจวินเงยหน้ามองฟ้าแล้วพูดเบาๆ “จักรพรรดิปีศาจต้องเป็นคนที่ภักดีและจริงใจ เขากล้าเข้าไปในภูผาสุสานเทพเพื่อแก้แค้นให้อวิ๋นเอ๋อร์ ตอนนี้ก็ผ่านมาสามปีแล้วตั้งแต่เขาเข้าไปด้านใน แต่ก็ยังไร้วี่แววของเขา”
“ถ้าชายคนนี้คือจักรพรรดิปีศาจ ข้าก็เชื่อว่าเขาจะต้องมีชีวิตอยู่แน่นอน”
จักรพรรดิปีศาจเป็นตำนานใหม่ของแคว้นเจ็ดเมือง พวกเขาว่ากันว่าเขายังอายุน้อย แต่ความแข็งแกร่งก็เขากับสูงส่งมาก แล้วเขาก็เป็นคนโหดร้าย ไร้เมตตาและอำมหิต ไม่ว่าอย่างไรชายหนุ่มแบบเขาก็ต้องกลับมาได้แบบมีชีวิต!
“มู่ต้ง เจ้าจะตามข้าไปอีกนานแค่ไหน” จวินหลิงเทียนคำรามอย่างโกรธเคืองขณะที่เขายืนขึ้น มู่ต้งเองก็ยืนขึ้นเช่นเดียวกัน ความโกรธปกคลุมใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเขา
ตอนที่ 1451 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (8)
“จนกว่าเจ้าจะล้มเลิกการเข้าไปในภูผาสุสานเทพ ถึงกระนั้นข้าก็ไม่คิดมากถ้าต้องต่อสู้กับเจ้าสักครึ่งเดือนอีกครั้ง”
เมื่อผู้อาวุโสจวินได้ยินเช่นนั้น ความโกรธเขาก็หายไปแล้วทำได้แค่สะบัดแขนเสื้อ ทันทีที่เขาคิดถึงหลานสาวที่น่าสงสารของเขา น้ำตาก็พลันไหลท่วมหน้าเขาอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน หงหลวนที่รู้ดีว่าภูผาในเมืองหลวงอันตรายขนาดไหนก็กำลังหมุนตัวอยู่กลางดงสัตว์อสูรวิญญาณ ความโหดร้ายครอบงำดวงตานางขณะที่แทงอกของสัตว์อสูรวิญญาณอย่างไร้ปรานี
หงหลวนโดนล้อมด้วยสัตว์อสูรวิญญาณจำนวนมาก แม้นางจะมีบาดแผลหลายแห่งแต่นางก็ยังยืนหยัดอยู่ได้ด้วยความมุ่งมั่นล้วนๆ ในที่สุดสัตว์วิญญาณตัวสุดท้ายก็ล้มลง นางไอแล้วกระอักเลือดออกมา ใบหน้างดงามซีดเผือดของนางเป็นประกายเมื่อโดนแสงอาทิตย์กระทบใบหน้า
“อวิ๋นลั่วเฟิง รอข้าก่อน!” นางพยายามลุกขึ้นยืนแล้วปาดเลือดที่มุมปาก ดวงตาทรงอำนาจของนางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “รอจนกว่าข้าจะแข็งแกร่งพอ! ข้าเองก็จะเข้าภูผาสุสานเทพเพื่อไล่ล่าคนพวกนั้นแล้วแก้แค้นให้เจ้าเหมือนกัน! ถ้าพวกเขาโชคร้ายตายในภูผาไปแล้ว ข้าก็จะใช้แส้ฟาดศพพวกเขาร้อยวันเพื่อระบายความเกลียดในใจข้า!”
ความเหนื่อยล้าตลอดหลายวันที่ผ่านมาทำให้ร่างกายของนางอ่อนแอจนเกือบจะทรุดลงพื้น ต้องขอบคุณกระบี่ที่นางปักไว้ที่พื้นทำให้พยุงตัวเองไว้ได้
“อวิ๋นลั่วเฟิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าทุกครั้งที่ข้าเข้าใกล้จุดที่อันตรายที่สุดในแคว้น ข้าก็รู้สึกหวาดกลัว แต่เมื่อข้าคิดถึงเจ้า ข้าก็มีแรงขับเคลื่อนที่จะลงมือมากขึ้น!
“จักรพรรดิปีศาจบอกข้าว่าเจ้ายังไม่ตาย สักวันหนึ่งเจ้าจะมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเรา! แล้วเขาก็จะจัดการกับศัตรูเจ้าก่อนที่เจ้าจะกลับมาและก่อนที่เขาก็เข้าไปในภูผาสุสานเทพ
“ตอนนี้…เจ้าจะออกมาบอกพวกเราว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ได้หรือยัง”
น้ำตาค่อยๆ ไหลอาบใบหน้างดงามของหงหลวน ดวงตาของนางเป็นประกายโศกเศร้าและเจ็บปวด หัวใจของนางบีบรัดอย่างแรงทุกครั้งที่คิดถึงชื่อ ‘อวิ๋นลั่วเฟิง’ นางเจ็บปวดจนทนไม่ไหว
“อวิ๋นลั่วเฟิง ข้าจะรอเจ้าอีกสักนิด หากเจ้ายังไม่ปรากฏตัว ข้าก็จะเดินทางไปภูผาสุสานเทพเพื่อไล่ล่าคนจากหุบผาพิษ! ถ้าข้าโชคร้ายต้องทิ้งชีวิตไว้ด้านในแล้วจากไปยังโลกหลังความตาย ตอนนั้นพวกเราก็จะได้ทิ้งชื่อพวกเราไว้ข้างกันบนโลกเหมือนเมื่อก่อน!”
สีหน้าของหงหลวนเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นอีกครั้ง นางก้าวเท้าลึกเข้าไปในป่า สามปีที่ผ่านมานางเดินทางไปยังที่ที่อันตรายทุกที่ในแคว้น มีแค่สถานที่แบบนี้เท่านั้นที่จะช่วยให้นางแข็งแกร่งขึ้น! โชคดีที่นางสามารถหลบหนีออกมาจากสถานที่อันตรายพวกนี้ได้แบบมีชีวิตอยู่…
…
อวิ๋นลั่วเฟิงที่เพิ่งออกจากมิติลวงตาไม่รู้เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นภายในแคว้นเลยแม้แต่น้อย
ที่สำคัญกว่านั้น มิติลวงตาไม่ได้ส่งนางที่ภูผาผู้ใช้เวท แต่ส่งนางมาที่ตีนเขาทันที นี่จึงทำให้นางพลาดโอกาสที่จะรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแคว้นระหว่างสามปีที่ผ่านมา…
“ข้าหายไปสามปี อวิ๋นเซียวและหงหลวนต้องรอข้าอยู่แน่นอน ตอนนี้ข้าต้องไปหาพวกเขา”
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ อวิ๋นลั่วเฟิงอาจจะไปที่ภูผาผู้ใช้เวทเพื่อบอกลา แต่ตอนนี้การเดินทางไปบอกลานับเป็นเรื่องเสียเวลาสำหรับนาง…
“อย่างไรก็ตามข้าก็ยังมีบางอย่างที่ต้องทำก่อนจากไป” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดขึ้นเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก
“ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่” จีจิ่วเทียนตอบด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์แล้วหันไปมองอวิ๋นลั่วเฟิง
อวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้าให้เขาก่อนเดินไปที่บ้านหลังเล็กๆ ในหมู่บ้านเล็กๆ
ข้างนอกบ้านมีชายชราคนหนึ่งกำลังทำงานอยู่ เมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงเดินมาหาเขา เขาก็สะดุ้ง