ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1534 โชคชะตาของอวิ๋นเซียว (2) / ตอนที่ 1535 โชคชะตาของอวิ๋นเซียว (3)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1534 โชคชะตาของอวิ๋นเซียว (2) / ตอนที่ 1535 โชคชะตาของอวิ๋นเซียว (3)
ตอนที่ 1534 โชคชะตาของอวิ๋นเซียว (2)
สามปี
นางและอวิ๋นเซียวต้องแยกจากกันถึงสามปีเต็มๆ นางไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว
ผู้อาวุโสจวินขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจ “เขามุ่งหน้าไปที่ภูผาสุสานเทพ”
ภูผาสุสานเทพ?
สามคำนี้ทำให้หัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิงกระตุก
ภูผาสุสานเทพเป็นที่ที่อันตรายที่สุดในแคว้นนี้ ระดับความอันตรายใกล้เคียงกับไพรลับแลในแคว้นหลงเซียว การมุ่งหน้าไปที่แบบนั้นก็ไม่ต่างกับมุ่งหน้าไปตาย
“ข้าเข้าใจแล้ว” อวิ๋นลั่วเฟิงตัดสินใจอะไรได้ นางพูดขึ้น “ข้าจะออกเดินทางพรุ่งนี้แล้วเดินทางไปภูผาสุสานเทพเพื่อตามหาเขา”
“เสี่ยวอวิ๋น” ชายชราขมวดคิ้วแน่น “ถ้าข้าดูไม่ผิด เจ้าน่าจะเป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์ระดับสูงใช่หรือไม่”
เซียนปราชญ์ระดับสูงงั้นหรือ
คำพูดของชายชราเหมือนอัสนีฟาดผ่านท้องฟ้าโปร่งทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ตะลึง
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้อวิ๋นลั่วเฟิงแข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่านางจะเป็นถึงผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์ระดับสูง
ผู้อาวุโสจวินส่ายหน้าแล้วยิ้มบิดเบี้ยว “ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ของเจ้าจะน่ากลัว แต่ความแข็งแกร่งของเจ้ายังไม่พอที่เจ้าจะไปที่ภูผาสุสานเทพ”
สีหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงยังคงมุ่งมั่น “ไม่ว่าความแข็งแกร่งของข้าจะพอหรือไม่ ข้าก็ต้องไปที่ภูผาสุสานเทพ”
เพราะว่ามีคนรอนางอยู่ที่นั่น
“ตามหลักแล้ว ข้าควรจะออกไปภูผาสุสานเทพวันนี้ แต่ว่า…” นางหยุดไปชั่วครู่ “สุขภาพของนายหญิงจวินดูเหมือนจะมีปัญหา ข้ากลัวว่านางจะอยู่ไม่ถึงตอนข้ากลับมา”
โดยพื้นฐานแล้ว นายหญิงจวินค่อนข้างอ่อนแอ อีกทั้งนางยังป่วยหนัก ผู้อาวุโสจวินจ้างแพทย์มามากมาย กระทั่งลงมือรักษานางด้วยตัวเอง แต่ก็ยังรักษานางไม่ได้
“เสี่ยวอวิ๋น เจ้ารักษาฟูเอ๋อร์ได้หรือ” ดวงตาของผู้อาวุโสจวินเป็นประกาย
คนอื่นอาจไม่รู้ความสามารถทางการแพทย์ของอวิ๋นลั่วเฟิง แต่คนที่เคยเห็นคำตอบของอวิ๋นลั่วเฟิงในตอนนั้นอย่างเขารู้ดี
“นางถูกพิษแต่พิษนี้ไม่ได้รับจากภายนอก ทว่าได้มาตั้งแต่ตอนที่นางอยู่ในท้องมารดาแล้ว ข้าเกรงว่าการรักษานางน่าจะเป็นเรื่องยาก” อวิ๋นลั่วเฟิงมองใบหน้าตื่นเต้นของชายชราและยิ้ม “แต่ว่าข้าสามารถระงับอาการของนางแล้วค่อยรักษานางตอนข้ากลับมาได้”
ควมจริงแล้วอาการของนายหญิงจวินไม่ใช่แค่โดนพิษเฉยๆ แต่ยังมีปัญหาอยู่ทุกที่เลย ด้วยความแข็งแกร่งของอวิ๋นลั่วเฟิงตอนนี้ นางต้องใช้พลังจำนวนมากเพื่อรักษานาง และต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนมารักษานางนอกเสียจากว่านางจะเลื่อนระดับเป็นขั้นจักรพรรดิปราชญ์
ตอนนี้จิตใจของอวิ๋นลั่วเฟิงอยู่ที่อวิ๋นเซียว ดังนั้นนางจะอยู่รักษานายหญิงจวินโดยเป็นกังวลได้อย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือควบคุมอาการของนางแล้วค่อยรักษาต่อตอนนางกลับมา
“เข้าใจแล้ว” อารมณ์ของผู้อาวุโสเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วเขาก็กระแอมไอ “จวินเซวี่ยน พาเสี่ยวอวิ๋นไปดูภรรยาเจ้าเดี๋ยวนี้”
จวินเซวี่ยนรู้ความสามารถของอวิ๋นลั่วเฟิงมาจากจวินหลิงเอ๋อร์ ดังนั้นเขาจึงไม่สงสัยในคำพูดของผู้อาวุโสจวิน เขารีบพาอวิ๋นลั่วเฟิงไปที่เรือนของภรรยาเขา
จวินหลิงเอ๋อร์ไม่ได้ตามพวกเขาไป ดวงตากระจ่างใสของนางหันมาหาเฉาเย่ว์ฉินที่อยู่ที่พื้นช้าๆ ด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
“เฉาเย่ว์ฉิน เจ้าจำคำที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ ก่อนหน้านี้เจ้าเอาแต่พูดซ้ำๆ ว่าข้าและท่านพี่หญิงอวิ๋นเป็นแค่หลานสาวบุญธรรมของท่านปู่ แล้วเจ้าก็เป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์ตัดสินใจ อีกทั้งเจ้ายังอยากจะเตะพวกเราออกไปและปลดท่านพ่อข้า
“น่าเสียดายที่เจ้าก็เป็นได้แค่ตัวปลอม ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงแกล้งทำตัวเป็นคนของตระกูลจวิน!”
ตอนที่ 1535 โชคชะตาของอวิ๋นเซียว (3)
เฉาเย่ว์ฉิวส่ายหน้า ใบหน้าของนางซีดเผือด ดวงตาเองก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“เป็นไปไม่ได้! นี่มันเป็นไปไม่ได้! ทjานแม่บุญธรรมเป็นคนให้พู่หยกข้ามาแน่ๆ นางโกหกข้าได้อย่างไร”
จวินหลิงเอ๋อร์โบกมือแล้วออกคำสั่ง “เร็ว พาเฉาเย่ว์ฉินออกไปเดินแห่บนถนน! ประกาศความชั่วร้ายทั้งหมดของนาง! ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเฉาเย่ว์ฉินเป็นแค่ตัวปลอม!”
ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าประจบเฉาเย่ว์ฉินแล้วเลือกอำนาจหรอกหรือ ถ้าอย่างนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้ารู้ว่าเฉาเย่ว์ฉินเป็นแค่ตัวปลอม!
ส่วนเยี่ยหรง เจ้าได้คิดถึงวันนี้ไว้หรือไม่ ตอนที่เจ้าทรยศข้าแล้วไปหาเฉาเย่ว์ฉินนั่นไงเล่า
“ขอรับคุณหนู!” ผู้คุ้มกันสองคนเดินออกมาจับตัวเฉาเย่ว์ฉินแล้วลากนางออกไป
“ไม่นะ! ข้าไม่อยากไป! ข้าขอร้องให้เจ้ายกโทษให้ข้า ได้โปรด!” เสียงของนางเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและใจสลายขณะที่นางถูกลากออกไป เสียงของนางห่างไกลขึ้นเรื่อยๆ แล้วค่อยๆ หายไปจากหูของจวินหลิงเอ๋อร์
…
เวลากลางวันของวันรุ่งขึ้น
คนของตระกูลจวินทุกคนยืนเรียงแถวอยู่ด้านข้างแล้วส่งอวิ๋นลั่วเฟิงออกไปด้วยความเคารพ
จวินหลิงเอ๋อร์กุมมืออวิ๋นลั่วเฟิงแน่นขณะถามด้วยน้ำเสียงทุกข์ใจ “ท่านพี่หญิงอวิ๋น ท่านจะกลับมาเมื่อไหร่เจ้าคะ”
“ข้าจะกลับมาหลังจากที่ข้าเจออวิ๋นเซียวแล้ว” อวิ๋นลั่วเฟิงเงยหน้ามองฟ้าที่อยู่ไกลแล้วตอบอย่างเย็นชา
ผู้อาวุโสจวินถอนหายใจ “สาวน้อย เจ้าไม่ต้องการให้ข้าไปด้วยจริงๆ หรือ ภูผาสุสานเทพอันตรายเกินไป ข้าจะไม่เป็นห่วงเจ้าได้อย่างไร”
กว่าเขาจะได้พบหลานสะใภ้ เขาต้องลำบากมามาก แล้วเขาจะยอมแยกจากนางแบบนี้ได้อย่างไร แต่หลานสะใภ้คนนี้ของเขาดื้อรั้นมาก เขาพยายามเกลี้ยกล่อมนางอยู่ทั้งคืนแต่ก็ไม่สำเร็จ
“ไม่จำเป็น” อวิ๋นลั่วเฟิงตอบขณะส่ายหน้า “ข้าจะกลับมาแบบมีชีวิตอยู่”
บนโลกใบนี้มีคนมากมายที่นางไม่สามารถทิ้งไว้ข้างหลังได้ ดังนั้นนางจะยอมทิ้งชีวิตไว้ที่ภูผาสุสานเทพได้อย่างไร
เมื่อเห็นนางยืนยันอย่างหนักแน่น ผู้อาวุโสจวินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะหยิบพู่หยกสองอันออกมาจากอกเสื้อแล้ววางพวกมันลงในมือของอวิ๋นลั่วเฟิง
พู่หยกอันหนึ่งคืออันที่เขาเอาไปจากอวิ๋นลั่วเฟิงเมื่อวาน ซึ่งเป็นพู่หยกที่เขาใส่เอาไว้ในเสื้อทารกของบุตรสาวเมื่อตอนนั้น แต่ว่าเขาไม่ได้เอาพู่หยกมาเพราะต้องการขโมยจากอวิ๋นลั่วเฟิง ทว่าเพื่อให้เขาคลายความคิดถึงที่มีต่อเจ้าของมันต่างหาก
“ในเมื่อบุตรสาวข้ายกพู่หยกนี้ให้เจ้า มันก็เป็นของเจ้าแล้ว สิ่งนี้สามารถช่วยป้องกันการโจมตีเมื่อเจ้าตกอยู่ในอันตราย แน่นอนว่าพู่หยกจะทำงานก็ต่อเมื่อเจ้าห้อยมันไว้ที่คอ หากเจ้าเอาออก พู่หยกก็จะไม่ทำงาน”
พู่หยกสามารถกันได้แค่การโจมตีถึงตายเท่านั้น ถ้ายังไม่อันตรายถึงขั้นนั้น พู่หยกนี้ก็จะไม่ทำงาน
“ส่วนพู่หยกอีกอัน ข้าใส่สายใยพลังวิญญาณของข้าเข้าไปข้างใน”
พลังวิญญาณงั้นหรือ
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนในตระกูลจวินก็หันมาหาชายชราอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยความตกใจ ทุกคนรู้ดีว่าพลังวิญญาณหมายถึงอะไร!
พลังวิญญาณได้มาจากการที่ผู้อาวุโสจวินแบ่งสายใยวิญญาณของตัวเองออกมาแล้วบังคับผนึกไว้ข้างในพู่หยก เขาต้องใช้เวลาสองเดือนเพื่อฟื้นฟูสายใยวิญญาณของเขา
“ถ้าเจ้าตกอยู่ในอันตรายก็ส่งพลังฌานเข้าไปในพู่หยก ข้าจะสัมผัสถึงมันได้ และข้าก็จะสามารถไปปรากฏตัวข้างกายเจ้าไม่ว่าเจ้าจะอยู่ห่างจากข้าแค่ไหน”
อวิ๋นลั่วเฟิงมองพู่หยกที่ผู้อาวุโสจวินให้นาง คงจะเป็นการโกหกถ้านางบอกว่าตัวเองไม่หวั่นไหว
นางเพิ่งเจอผู้อาวุโสจวินแค่สองครั้ง ดังนั้นพวกเขาไม่น่าสนิทกันขนาดนี้แม้เขาจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางกับจวินเฟิ่งหลิงก็ตามที