ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1588 หงหลวน (2) / ตอนที่ 1589 หงหลวน (3)
ตอนที่ 1588 หงหลวน (2)
“อีลี่ ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
วันต่อมา เสียงตะโกนด้วยความเดือดดาลดังไปทั่วพระราชวัง ขณะที่อีลี่กำลังแต่งตัวโดยมีนางกำนัลคอยช่วยเหลือ นางก็เห็นสตรีที่มีผ้าคลุมหน้าพุ่งเข้ามา อีลี่กระโดดตัวโยนด้วยความตกใจ แต่หลังจากที่ได้ยินเสียงของสตรีผู้นี้ นางก็ผ่อนคลาย
“เสด็จพี่หญิง ท่านตามหาข้าทำไมหรือเพคะ”
“อีลี่ เจ้ากล้ามากที่พาคนนอกมาจัดการกับเผ่าเสือดาว! พวกเขาไม่ได้แค่ทำร้ายเสด็จพ่อเท่านั้น แต่ใบหน้าของข้าก็ถูกพวกเขาทำลายด้วย!”
องค์หญิงใหญ่ตัวสั่นด้วยความโกรธแล้วใช้นิ้วเรียวชี้หน้าอีลี่ด้วยความเดือดดาล ท่าทางที่นางกัดฟันด้วยความโมโหเหมือนนางต้องการจะฉีกอีลี่ออกเป็นชิ้นๆ
อีลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “เสด็จพี่หญิง เสด็จพ่อบาดเจ็บจากการถูกของบางอย่างหล่นทับ ไม่ได้โดนใครโจมตี ส่วนเรื่องของท่าน…บางทีท่านอาจจะติดเชื้อบางอย่างก็ได้ เพราะฉะนั้นท่านอย่าคิดที่จะใส่ร้ายคนอื่นเลย!”
“เจ้า…” สีหน้าขององค์หญิงใหญ่ยิ่งดูไม่ได้
ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าบิดาของพวกนางบาดเจ็บเพราะอวิ๋นเซียว แต่ใครเห็นเขาโจมตีบ้างล่ะ หรือว่าอวิ๋นเซียวเอาชนะบิดาของพวกนางได้ด้วยการปลดปล่อยกลิ่นอายอย่างเดียว เรื่องนี้เป็นไปได้ด้วยหรือ
“อีลี่ เจ้ารอก่อนเถอะ ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจกับเรื่องนี้!” องค์หญิงใหญ่สะบัดแขนเสื้ออย่างแรงแล้วเดินออกไป
อีลี่ยิ้มเยาะขณะถอนสายตาออกมา นางไม่ได้โง่ขนาดไม่รู้ว่าที่ใบหน้าของนางเสียโฉมไปตอนนั้น สาเหตุมาจากพี่สาวของนาง ทุกคนรู้กันดีว่าตามธรรมชาติแล้ว สัตว์อสูรวิญญาณมีความคิดเรียบง่ายและไม่เคยสู้หรือวางแผนต่อกัน แต่ว่าสัตว์อสูรวิญญาณพวกนั้นเป็นสัตว์อสูรที่อยู่ในป่าเขามานานและไม่สามารถต่อกรกับมนุษย์ได้ ดังนั้นพวกเขาเลยไม่ได้เรียนรู้เรื่องการวางแผน
ตอนนี้เมืองสัตว์อสูรเจริญก้าวหน้าแล้ว ฉะนั้นประชาชนที่นี่จะเรียบง่ายและใสซื่อเหมือนสัตว์อสูรวิญญาณตัวอื่นๆ ได้อย่างไร สิ่งมีชีวิตใดๆ ไม่มีทางเป็นกระดาษขาวสะอาดหลังจากที่โดนย้อมสีแล้วหรอก …
บริเวณสวนด้านหลัง ทันทีที่องค์หญิงใหญ่เดินเข้ามา ชายหนุ่มหล่อเหลากลุ่มหนึ่งก็เข้ามารุมล้อมนาง พวกเขาทำตัวเหมือนนางสนมของจักรพรรดิ ถลาเข้ามาหาองค์หญิงที่รอคอยความรักและการเอาอกเอาใจ
“ไสหัวไป!” องค์หญิงใหญ่ส่งเสียงขึ้นจมูกแล้วเตะเข้าที่อกของพวกเขาด้วยความโกรธ
ชายคนหนึ่งมีหน้าตาค่อนข้างหล่อเหลาและท่าทางเคร่งครัด ด้วยหน้าตาของเช่นนี้ ทำให้องค์หญิงคอยเอาอกเอาใจเขาอยู้เสมอ แต่ว่า…หลังจากที่พบมาตรฐานแบบอวิ๋นเซียว องค์หญิงใหญ่ก็รู้สึกว่านายสนมทั้งหลายในวังหลังนั้นหน้าตาน่าเกียจจนทำให้นางรู้สึกอยากจะอาเจียนเมื่อมอง!
“ในเมื่อชายคนนี้ปฏิเสธข้า ข้าก็จะเอาเขามาให้ได้!” องค์หญิงใหญ่เลียริมฝีปากขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโลภ ในนครสัตว์อสูร ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรหรือมนุษย์ก็ไม่มีใครหนีไปจากเสน่ห์ของนางได้
นางมีฐานะน่านับถือและยังมีหน้าตางดงามไร้ที่ติ ไม่มีชายคนใดต้านเสน่ห์ของนางได้! มีแค่บุรุษสองคนเท่านั้น…ที่กล้าปฏิเสธนาง!
คนแรกคือหูหลี ส่วนคนที่สองก็คือ…ชายในอาภรณ์สีดำผู้แสนอำมหิตคนนั้น
ยิ่งนางถูกปฏิเสธมากเท่าไร นางก็ยิ่งอยากได้พวกเขามากขึ้นเท่านั้น แล้วนางก็ไม่ลังเลที่จะทำทุกวิถีทางให้ได้มา! …
องค์หญิงใหญ่เดินเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู จากนั้นก็สั่งให้องครักษ์ออกไปแล้วเดินไปที่เตียง หยิบม้วนคัมภีร์ใต้หมอนออกมา
นางถือม้วนคัมภีร์นั้นแล้วค่อยๆ ใช้เทียนไขจุดไฟ โครงร่างของมังกรสีน้ำเงินปรากฏออกมาท่ามกลางกลุ่มควันที่เกิดขึ้น…
สีหน้าของมังกรทั้งทรงอำนาจและยโสโอหัง เขามององค์หญิงใหญ่อย่างดูถูกเหมือนกำลังมองแมลงสาบ ภายในนัยน์ตาสีน้ำเงินของเขาไม่มีใครมีค่าทั้งนั้น
“เจ้าเรียกข้ามาทำไม”
…………………………………..
ตอนที่ 1589 หงหลวน (3)
น้ำเสียงของเขาเย็นชาเหมือนกำลังดูถูกองค์หญิงใหญ่
“ท่านจ้าวมังกร” องค์หญิงใหญ่ดีใจแล้วรีบพูด “ไม่นานมานี้ข้าพบมนุษย์สองสามคน หนึ่งในนั้นมีสตรีชื่ออวิ๋นลั่วเฟิงที่มีผลเพลิงวิญญญาณที่ท่านตามหาด้วยเจ้าค่ะ!”
โชคชะตาระหว่างองค์หญิงใหญ่และมังกรตัวนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน วันนั้นองค์หญิงใหญ่ในวัยเด็กออกไปหาประสบการณ์ด้านนอกแล้วบังเอิญเจอมังกรที่กำลังบาดเจ็บหนัก นางช่วยมังกรตัวนั้นเอาไว้เพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเผ่ามังกร
และก่อนที่มังกรจะจากไป เขาก็ได้มอบม้วนคัมภีร์นี้กับองค์หญิงใหญ่ บอกว่าหากนางเผชิญหน้ากับอันตรายก็ให้ใช้ม้วนคัมภีร์นี้เรียกเขามา…
“ผลเพลิงวิญญาณงั้นหรือ เจ้ามั่นใจใช่หรือไม่” ดวงตาของมังกรเป็นประกาย
เมื่อได้ยินการตอบสนองของเขา ดวงตาขององค์หญิงใหญ่ก็วาววับ “น่าเสียดายที่ผลเพลิงวิญญาณนี้ถูกผู้หญิงคนนั้นกินไปแล้ว”
“เฮอะ! นางกินไปแล้วอย่างไร ผลเพลิงวิญญาณไม่ได้ซึมซับกันได้ง่ายๆ หลังจากที่ข้าจับตัวและสังหารนางได้แล้ว ข้าก็สามารถผ่าร่างนางเอาผลเพลิงวิญญาณออกมาได้” เสียงของมังกรเต็มไปด้วยความดูถูก “แต่เมื่อไม่นานมานี้ ราชาของพวกเรามีรับสั่งให้เผ่ามังกรทุกตนออกตามหาบรรพบุรุษของพวกเรา ข้าไม่มีเวลาไปเอาผลเพลิงวิญญาณ ดังนั้นเจ้าก็ส่งนางมาที่เผ่ามังกรก็แล้วกัน”
ทันทีที่เขาพูดจบ ร่างของเขาก็หายไปทันที… องค์หญิงใหญ่ตกตะลึง
นางอุตส่าห์นำของช่วยชีวิตออกมาใช้แต่กลับได้ผลลัพธ์เช่นนี้หรือ หากนางจัดการกับอวิ๋นลั่วเฟิงได้ด้วยตัวเองแล้วนางจะตามหาเขาไปทำไมกัน
ความจริงที่ว่ามังกรตัวนั้นไม่มีทางหาผลเพลิงวิญญาณในร่างอวิ๋นลั่วเฟิงได้ไม่ได้อยู่ในความคิดของนางเลย เพราะนางกำลังบ้าคลั่งไปด้วยความอิจฉา สตรีผู้นั้นมีสิทธิ์อะไรที่ได้บุรุษโดดเด่นแบบเขาไป ถ้านางเอาเขามาไม่ได้ นางก็ไม่มีทางยอมให้อวิ๋นลั่วเฟิงได้เขาไป!
แต่ว่า…ตอนนี้นางจะหลอกให้อวิ๋นลั่วเฟิงไปที่เผ่ามังกรได้อย่างไร
“ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะไม่ได้ผล” ดวงตาขององค์หญิงใหญ่มืดครึ้ม “ตอนนี้วิธีเดียวที่ทำได้ก็คือหาเผ่าสัตว์อสูรอื่นมาช่วย!” เมื่อคิดได้ดังนั้น นางก็ผลักประตูแล้วเดินออกไป
“ทหาร แจ้งเผ่าจิ้งจอก เผ่าเหยี่ยว เผ่าหมาป่าและเผ่าใหญ่อื่นๆ ว่ามีมนุษย์เข้ามาหาเรื่องพวกเราแล้ว อีกทั้งพวกมันยังทำร้ายเสด็จพ่อด้วย พวกเราต้องการความช่วยเหลือ!”
“พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงใหญ่!” องครักษ์ประสานมือทำความเคารพแล้วถอยออกมา …
ภายใต้ท้องฟ้าสีขาว อีลี่มองหูหลีที่ยืนอยู่อย่างร้อนรน “เจ้าจะไปจริงๆ หรือ”
หูหลีพยักหน้า “องค์หญิงอีลี่ ได้โปรดรักษาตัวด้วย”
ตอนที่อวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวกำลังเดินออกไปก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวที่ไม่อยากแยกจากหูหลี นางก็ยิ้มด้วยท่าทางล้อเลียนแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำเพียงแค่หันไปหาหูหลีแล้วเอ่ยเสียงเนิบว่า “หูหลี พวกเราต้องไปแล้ว”
“เข้าใจแล้ว”
หูหลีไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ และรอยยิ้มหยอกเย้าของนาง เขาจึงเดินไปยืนข้างอวิ๋นลั่วเฟิง แต่แล้วถอยออกมาอย่างมีไหวพริบเมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของอวิ๋นเซียว…
พวกเขาเดินไปที่ประตูโค้งอย่างรวดเร็ว องค์หญิงอีลี่มองหูหลีที่จากไปอย่างหมดหนทาง ตั้งใจจะโน้มน้าวเพื่อให้พวกเขาพานางไปด้วย แต่น่าเสียดายที่นางไม่สามารถพูดอะไรได้…
“จริงสิ” จู่ๆ อวิ๋นลั่วเฟิงก็หยุดแล้วโยนขวดกระเบื้องไปให้องค์หญิงอีลี่ก่อนโบกมือ
“สมุนไพรพอกหน้าในขวดสามารถรักษาแผลเป็นเจ้าได้ จำไว้ว่าให้ทาทุกเช้าและกลางคืน”
องค์หญิงอีลี่มองด้วยสายตาว่างเปล่าแล้วกำขวดกระเบื้องในมือแน่น นางกัดปากแล้วพูดว่า “ขอบคุณ…”
…
หลังจากที่อวิ๋นลั่วเฟิงและพรรคพวกเดินออกไปจากประตูพระราชวัง ข่าวนี้ก็ถูกส่งไปให้องค์หญิงใหญ่ นางยืนขึ้นทันที