ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1632 กลับสู่แดนลับแล (2) / ตอนที่ 1633 อวิ๋นรั่วสุ่ย (1)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1632 กลับสู่แดนลับแล (2) / ตอนที่ 1633 อวิ๋นรั่วสุ่ย (1)
ตอนที่ 1632 กลับสู่แดนลับแล (2)
จวนตระกูลจวิน
เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงต้องไปปเผชิญอันตราย จวินหลิงเอ๋อร์ก็ออกไปตามหานางแต่นางก็ถูกหาเจอและถูกนำตัวกลับมาไม่นานหลังจากนั้น ตั้งแต่ตอนนั้นนางก็ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดไม่ให้มีโอกาสได้ออกไปอีก
แต่ว่าพวกเขาไม่คิดว่าที่อยู่ของผู้อาวุโสก็จะหายไปก่อนที่จะหาอวิ๋นลั่วเฟิงเจอ…
เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงปรากฏตัวที่หน้าประตูจวนตระกูลจวิน ผู้คุ้มกันก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขารีบขยี้ตาและจ้องหน้าหญิงสาวในชุดสีขาวที่ปรากฏในอากาศด้วยดวงตาเบิกกว้างและเกือบจะกรีดร้องออกมา หลังจากนั้นเขาถึงจำเสียงตัวเองได้แล้วรีบพุ่งเข้าไปในสวนด้านในของจวนตระกูลจวินทันที
“ท่านผู้นำตระกูล คุณหนู แม่นางอวิ๋นกลับมาแล้วขอรับ!”
แม่นางอวิ๋น? อวิ๋นลั่วเฟิงงั้นหรือ
ทันทีที่จวินหลิงเอ๋อร์ที่กำลังนั่งกลัดกลุ้มอยู่ในสวนได้ยินเสียงตะโกนของผู้คุ้มกัน นางก็ยืนขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
วินาทีต่อมา ร่างสีขาวราวหิมะก็ปรากฏสู่สายตานาง ลำคอของนางเต็มไปด้วยอารมณ์และดวงตาก็มีน้ำตาคลอ
“ท่านพี่หญิงอวิ๋น ท่านกลับมาแล้วแต่ว่า…ท่านปู่ไปที่ภูผาสุสานเทพเพื่อตามหาท่านและชะตากรรมของเขาเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่มีใครรู้” จวินหลิงเอ๋อร์กัดปากแน่นแล้วมองวิ๋นลั่วเฟิงอย่างน่าสงสาร น้ำตาที่ขอบตายิ่งทำให้นางดูน่าสงสาร
ผู้นำตระกูลจวิน จวินเซวี่ยน ก็รีบพุ่งมาถึงแล้วเดินมาหาอวิ๋นลั่วเฟิง เขายกมือขึ้นเพื่อตบไหล่ของอวิ๋นลั่วเฟิงแต่กลับเอามือลงอย่างอ่อนแรงแทน
“ดีแล้วที่เจ้าปลอดภัย…”
ทุกคนรู้ถึงความรักของผู้เฒ่าจวินที่มีต่ออวิ๋นลั่วเฟิงดี มีแต่ความปลอดภัยของนางที่ทำให้ตระกูลจวินกลับมาสงบ
“ท่านตาหายไปงั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ใช่แล้ว เขาออกไปตามหาเจ้าที่ภูผาสุสานเทพแต่ไม่กลับมา ข้าส่งยอดฝีมือไปตามหาเขาแล้วแต่พวกเขาทั้งหมดก็ไม่มีใครกลับมา”
ความจริงแล้วจวินเซวี่ยนอยากไปตามหาอาจารย์ด้วยตัวเองหลายครั้งแต่ว่าตระกูลจวินต้องการผู้นำดังนั้นเขาถึงต้องอยู่
“แต่ว่า…” จวินเซวี่ยนหยุด “เจ้าได้สังหารหลิงเฉินของเมืองอุดรและทำให้หลิงซวงพิการใช่หรือไม่”
อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “ใช่แล้ว”
จวินเซวี่ยนส่ายหน้า “ข้าเกรงว่าครั้งนี้เจ้าจะสร้างใหญ่แล้ว เมืองอุดรและเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ร่วมมือกันส่งคนไปที่แดนลับแลเพื่อสร้างปัญหาให้ครอบครัวเจ้า ถึงแม้ว่าคนพวกนั้นจะถูกคนของเมืองบูรพาและพวกเรากำจัดแล้วแต่พวกเขาก็ยังไม่หยุดส่งคนไป”
ใบหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิงค่อยๆ มืดครึ้ม “ดูเหมือนว่าข้าต้องไปที่แดนลับแลทันทีแล้ว ความกังวลของข้าคงไม่สงบจนกว่าข้าจะพาท่านตาและคนอื่นกลับมาที่นี่ได้”
แต่ว่าทันทีที่นางคิดว่าผู้เฒ่าจวินอยู่ที่ไหนไม่ทราบความกังวลก็กลืนกินความคิดนาง หรือว่าท่านตาจะเผชิญกับอันตรายหลังจากที่เข้าไปในภูผาสุสานเทพ
“ข้าจะไปภูผาสุสานเทพให้เอง” อวิ๋นเซียวพูดอย่างเฉยชาหลังจากเงียบไปสักพัก
อวิ๋นลั่งเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่านี่จะเป็นทางออกเดียว ด้วยพลังของอวิ๋นเซียวในตอนนี้การหนีออกจากอันตรายก็คงไม่มีปัญหาไม่ว่าจะอันตรายมากสักแค่ไหนก็ตาม นางต้องมุ่งหน้าไปที่แดนลับแล ไม่แน่เมืองอุดรอาจจะส่งคนไปแดนลับแลเพื่อสังหารครอบครัวของนางอีกก็ได้…
“เฟิงเอ๋อร์ เขาคือ…” จวินเซวี่ยนถามอย่างสงสัยขณะมองอวิ๋นเซียวอย่างงุนงง
“สามีของข้าเอง อวิ๋นเซียว” อวิ๋นลั่วเฟิงตอบพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก
จวินเซวี่ยนตัวสั่น ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่อวิ๋นเซียวเหมือนต้องการจะสลักหน้าตาของเขาไว้ในความทรงจำ “เจ้าคือจักรพรรดิปีศาจงั้นหรือ ก็หมายความว่าเจ้าเป็นหลานชายแท้ๆ ของอาจารย์ข้าน่ะสิ”
ตอนที่ 1633 อวิ๋นรั่วสุ่ย (1)
อวิ๋นเซียวพยักหน้าอย่างเฉยชา ใบหน้าของเขายังคงความเย็นชาไว้ตลอด
“พวกเราไม่ควรเสียเวลา พวกเราจะแยกกันไปตอนนี้เลย” อวิ๋นลั่วเฟิงหันหลังไปกอดอวิ๋นเซียวอย่างอ่อนโยน “หลังจากที่ท่านตามหาท่านตาจวินเจอแล้วและข้าพาท่านปู่และคนอื่นมาที่นี่แล้ว พวกเราก็มาเจอกันที่จวนตระกูลจวินนะ”
อวิ๋นเซียวใช้ปลายนิ้วสางผมอวิ๋นลั่วเฟิงเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ยกยิ้ม เขาก้มหน้าแล้วกดจูบที่หน้าผากของนาง “ระวังตัวด้วยล่ะ”
มุมปากของจวินเซวี่ยนกระตุกแล้วสายตาก็จับจ้องอยู่ที่อวิ๋นเซียวแต่เขาก็เข้าใจว่าเขาไม่สามารถทำให้อวิ๋นเซียวอยู่ที่นี่ได้ในตอนนี้ พวกเขายังมีเรื่องสำคัญอีกมากที่ต้องทำ
“เฟิงเอ๋อร์ ตระกูลจวินของพวกเรามีทางเชื่อมมิติ ท่านสามารถใช้ทางเชื่อมมิติของตระกูลข้ามไปที่แดนลับแลได้เลย…”
…
แดนลับแล
ในนครที่ไม่ไกลจากเมืองไร้พรมแดนมาก มีกลุ่มคนที่รีบเดินทางแต่ร่างเล็กๆ สองร่างกลับขวางทางพวกเขาเอาไว้
“ขอโทษนะเจ้าคะ พวกเราจะเข้าไปในเมืองไร้พรมแดนได้อย่างไร”
ผู้นำของกลุ่มเป็นชายที่สวมชุดถักยาว เขาดูตกใจมากเมื่อเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ สองคนข้างหน้าเขา
เด็กผู้หญิงตัวน้อยทั้งสองยังเด็กมากดูอายุประมาณสี่ถึงห้าปีและดวงตากลมตาเป็นประกายของพวกนางก็ดูน่าเอ็นดูมาก ดูจากเสื้อผ้าที่พวกนางสวม พวกนางต้องมาจากสำนักใหญ่แน่นอน
แต่ว่า…คุณหนูจากสำนักใหญ่ส่วนมากมักมีผู้ติดตามดังนั้นเหตุใดถึงไม่มีใครคอยตามพวกนางกัน
“เด็กน้อย เหตุใดพวกเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว บิดามารดาพวกเจ้าไปไหน” เด็กหนุ่มถามพร้อมยกยิ้มบางหลังจากที่ก้มหน้าลงมาอย่างอดทน
“พี่ชาย ข้าชื่อจวินรั่วสุ่ย ส่วนนี้พี่สาวข้า เยี่ยจวิน พวกเราแอบหนีออกจากบ้านมาโดยที่ไม่ได้บอกท่านพ่อท่านแม่ พี่ชายบอกทางไปเมืองไร้พรมแดนได้ไหม”
เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มอย่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเต็มไปใบหน้า ใบหน้าของนางงดงามเหมือนตุ๊กตากระเบื้อง เมื่อนางโตขึ้นนางจะต้องงามล้มเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนคุณหนูน้อยอีกคนที่ชื่อ เยี่ยจวิน นางยังเด็กแต่เสื้อผ้าของนางก็โดดเด่นมาก เทียบกับใบหน้าน่ารักของจวินรั่วสุ่ยแล้ว นางดูกล้าหาญและน่าเกรงขาม ใบหน้าของนางดูหล่อเหลาคมคาย
“เมืองไร้พรมแดนค่อนข้างวุ่นวาย เหตุใดพวกเจ้าถึงอยากไปที่นั่นกันล่ะ” หญิงสาวข้างชายหนุ่มพูดขึ้น หญิงสาวมีกลิ่นอายทรงเสน่ห์ด้วยคิ้วที่โค้งและดวงตาฉลาดเฉลียว นัยน์ตาของนางเป็นประกายขณะมองเด็กหญิงตัวน้อยทั้งสอง
“พี่สาว ข้าอยากไปที่พอแพทย์ในเมืองไร้พรมแดนเพื่อตามหาญาติ ท่านพ่อบอกว่าญาติของข้าเก่งกาจมาก นาง…”
“สุ่ยเอ๋อร์” เยี่ยจวินหน้าเปลี่ยนสี นางรีบดึงแขนเสื้อจวินรั่นสุ่ยเอาไว้แล้วส่ายหน้าเพื่อหยุดคำพูดของน้องสาวนาง
ทันใดนั้นนางก็เงยใบหน้าน่ารักของขึ้นแล้วพูดเหมือนเป็นผู้ใหญ่ว่า “แค่บอกพวกเรามาว่าจะไปที่เมืองไร้พรมแดนได้อย่างไรก็พอ พวกท่านไม่ต้องรู้ว่าพวกเราจะไปทำไม”
ท่านปู่บอกว่าโลกข้างนอกอันตรายมาก นางต้องไม่เชื่อคนแปลหน้า! ยิ่งไปกว่านั้นถ้านางบอกว่านายหญิงของหอแพทย์เป็นพี่สะใภ้ของนาง คนพวกนี้ก็คงไม่เชื่อนาง
แต่ว่าถ้าพวกเขาอยากไปแคว้นเจ็ดเมืองเพื่อหาพี่รองและพี่สะใภ้รองพวกเขาต้องไปที่หอแพทย์ คนที่นั่นจะช่วยคิดหาทางให้พวกเขา
หญิงสาวที่มีเสน่ห์ดูไม่พอใจ ดวงตาของนางเป็นประกายก่อนจะยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์