ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1652 (2) / ตอนที่ 1653 (3)
ตอนที่ 1652 ทำให้ตระกูลเยี่ยขับไล่อวิ๋นลั่วเฟิงงั้นหรือ (2)
อวิ๋นรั่วสุ่ยเงยหน้ามองด้วยความสับสน ก่อนที่เสียงเล็กๆ ของนางจะดังขึ้นท่ามกลางกระท่อมที่เงียบสงัดว่า
“เขาตายแล้ว”
นางกำลังพูดความจริง หลินซีตายด้วยน้ำมือนางจริงๆ
“ข้าสังหารเขาเอง”
แต่คำพูดต่อมาของอวิ๋นรั่วสุ่ยก็ทำให้คนพวกนี้ที่กำลังตะลึงระเบิดหัวเราะออกมา
“เด็กน้อย เจ้าคิดว่าพวกเราจะเชื่อเรื่องของเจ้างั้นหรือ เท่าที่พวกเราเห็น เจ้าไม่มีพลังอะไรเลย ต่อให้เจ้าจะเป็นอัจฉริยะแต่เด็กห้าขวบอย่างเจ้าจะสังหารหลินซีได้อย่างไร” หรูอี้มองนางอย่างเหยียดหยาม เห็นได้ชัดว่านางไม่เชื่อในคำพูดของอวิ๋นรั่วสุ่ย
อวิ๋นรั่วสุ่ยกะพริบตา “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ ข้าก็พูดความจริง ตอนนี้ข้ากลับมาแล้ว เจ้าสามารถขังข้าไว้ได้”
“ฮึ่ม!” หรูอี้ส่งเสียงขึ้นจมูก “จับนังเด็กน่ารังเกียจนี่ไว้ก่อน ส่วนเรื่องหลินซี…เมื่อเขาเข้าร่วมกับพวกเราแล้ว เขาก็ทิ้งพวกเราไปไม่ได้”
เมื่อชายหนุ่มได้ยินคำพูดของหรูอี้ เขาก็เดินมาจับแขนเล็กๆ ของอวิ๋นรั่วสุ่ยแล้วลากนางออกไปที่ประตู อวิ๋นรั่วสุ่ยไม่ได้ขัดขืนแล้วปล่อยให้ชายหนุ่มลากนางออกไป …
ภายในกระท่อมอับชื้น เมื่อทุกคนได้ยินเสียงประตูเปิดก็เงยหน้าไปมองแล้วเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ถูกโยนเข้ามา
“เจ้ากลับมางั้นหรือ” เด็กชายที่เคยพูดกับอวิ๋นรั่วสุ่ยและเยี่ยจวินถาม ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะสกปรกแต่ก็ยังเห็นว่าเขามีใบหน้าหล่อเหลา
“ข้ากลับมาเพื่อช่วยพวกเจ้า” อวิ๋นรั่วสุ่ยพูดขึ้นพร้อมดวงตากลมโตเป็นประกาย “ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกคนชั่วขายพวกเจ้า”
เมื่อเด็กคนอื่นๆ ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่มีใครเชื่อคำพูดของนางแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ
“เจ้ายังช่วยตัวเองไม่ได้แล้วจะมาช่วยพวกเราได้อย่างไร”
“ใช่แล้ว ใเมื่อพวกเราตกมาอยู่ในมือของคนพวกนี้แล้ว ไม่ช้าก็เร็วพวกเราก็จะถูกขายให้พวกวิตถาร”
เด็กหลายคนพูดคุยกันโดยที่ไม่มีใครเชื่อคำพูดของอวิ๋นรั่วสุ่ย
อวิ๋นรั่วสุ่ยพูดอย่างจริงใจ “ข้าพูดความจริง ถ้าท่านแม่ของข้าไม่ได้ห้ามไม่ให้ข้าสังหารคน ข้าคงบดคนชั่วพวกนี้เป็นผงไปแล้ว”
นางมีรากฐานที่พิเศษ พลังฌานสีดำในร่างของนางต้องกลืนกินผู้คนเพื่อเพิ่มพลัง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มารดาของนางห้ามไม่ให้นางสังหารใคร เพราะการพัฒนาของพลังฌานสีดำจะทำให้นางต้องพบกับความตาย
“ยอมรับเถอะ ตั้งแต่ที่โดนพวกเขาจับมาพวกเราก็ยอมรับในโชคชะตาของตัวเอง”
ท่ามกลางเด็กทั้งหลาย เด็กหญิงตัวน้อยที่มัดหางม้าถอนหายใจ ดวงตาของนางไม่มีประกายไร้เดียงสาของเด็ก จะมีก็แต่ความสิ้นหวังเท่านั้น เด็กเหล่านี้เคยดูน่ารักน่าชัง ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงไม่ถูกลักพาตัวมา
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นรั่วสุ่ยกำลังจะร้องไห้ เด็กชายหล่อเหลาที่นั่งอยู่ที่มุมห้องก็พยายามปลอบนาง “เอ่อ ข้าเชื่อในความสามารถของเจ้า แต่ข้าจำได้ว่าเจ้าและพี่สาวของเจ้ากำลังตามหาคนอยู่ เจ้าเจอคนคนนั้นหรือยัง”
อวิ๋นรั่วสุ่ยตอบทั้งน้ำตา “ไม่ พวกเรายังหาเขาไม่เจอ น้องชาย ข้าชื่ออวิ๋นรั่วสุ่ย เจ้าชื่ออะไร”
“อู๋เหยียน”
เด็กชายพูดอย่างเฉยชา
อู๋เหยียน?
อวิ๋นรั่วสุ่ยชะงัก ชื่อนี้เหมือนชื่อปลอมเลย ดูเหมือนว่าเด็กชายคนนี้จะไม่อยากบอกชื่อจริงของเขา…
“เจ้าบอกว่าเจ้าจะช่วยพวกเรา เจ้าจะทำอย่างไร” อู๋เหยียนมองอวิ๋นรั่วสุ่ยแล้วถามอย่างสงสัย
…………………………………..
ตอนที่ 1653 ทำให้ตระกูลเยี่ยขับไล่อวิ๋นลั่วเฟิงออกไปงั้นหรือ (3)
อวิ๋นรั่วสุ่ยยิ้ม
เมื่อนางยิ้ม เขี้ยวเล็กๆ สองซี่ของนางทำให้นางดูน่ารัก
“น้องอู๋เหยียน ข้าส่งข่าวไปให้ครอบครัวของข้าแล้ว อีกไม่นานพวกเขาก็จะมาที่นี่ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ข้ากลับมาที่นี่คนเดียว เมื่อพวกเขามาถึง พวกเราก็จะปลอดภัย”
อู๋เหยียนยิ้มอย่างหมดหนทาง “ถ้าเจ้าอยากพวกเรา ทำไมเจ้าถึงกลับมาล่ะ เจ้าน่าจะรอครอบครัวของเจ้าอยู่ข้างนอก”
นางหยุดแล้วลูบศีรษะตัวเองก่อนจะถอนหายใจ “ข้านี่โง่จริงๆ! ทำไมข้าถึงคิดไม่ถึงกันนะ! แต่น้องอู๋เหยียน ไม่ต้องห่วง คนเลวพวกนี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก” เพราะว่าใครก็ตามที่ทำร้ายนางจะกลายเป็นอาหารของพลังฌานสีดำและกลายเป็นเถ้าถ่าน
“ฮะๆ” เด็กคนหนึ่งหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังของกลุ่มโจรพยัคฆ์คือใคร กลุ่มโจรพยัคฆ์เองก็แข็งแกร่งอยู่แล้วแต่ที่สำคัญพวกเขายังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลทรงอำนาจมากมายในดินแดนนี้ ถึงแม้ว่าครอบครัวเจ้าจะมาพวกเขาก็ไม่ใช่คู่มือของกลุ่มโจรพยัคฆ์หรอกนะ”
คนที่พูดคือเด็กผู้หญิงที่หัวเราะนางเมื่อครู่ นางกัดปากแนด้วยใบหน้าซีดเผือดด้วยความสิ้นหวัง
ไม่มีใครช่วยพวกเขาได้
ไม่มี!
อวิ๋นรั่วสุ่ยไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้กำลังดูถูกนาง นางยิ้มอย่างไร้เดียงสา “ครอบครัวของข้าก็มีอำนาจมาก ไม่มีปัญหาอะไรที่พวกเขาแก้ไม่ได้ดังนั้นตราบใดที่พวกเขามาที่นี่ พวกเราก็จะปลอดภัย…”
ไม่มีใครเชื่อคำพูดของอวิ๋นรั่วสุ่ย ในความคิดพวกเขาอวิ๋นรั่วสุ่ยก็แค่อวดดี
ไม่มีปัญหาอะไรที่พวกเขาแก้ไม่ได้งั้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร! นอกจากหอแพทย์ที่ยิ่งใหญ่ในแดนลับแลแล้ว ยังจะมีใครที่มีอำนาจอีก
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงร้องของนกดังจากข้างนอก เมื่อได้ยินเสียงของนก อวิ๋นรั่วสุ่ยก็กระโดดจนตัวลอยด้วยดวงตาเป็นประกาย
“เสียงของสัตว์วิญญาณอสูรที่ครอบครัวข้าเลี้ยงไว้ ในที่สุดพวกเขาก็หาข้าเจอ!” …
สัตว์วิญญาณอสูรจำนวนมากบินอยู่บนท้องฟ้าและส่งเสียงร้องเป็นครั้งคราว หรูอี้และคนอื่นสะดุ้งก่อนจะวิ่งออกมาที่ประตูแล้วสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อพวกเขาเห็นสัตว์วิญญาณอสูรบนท้องฟ้า
“ดูที่ตราที่สัตว์วิญญาณอสูรพวกนี้สวมสิ!” หญิงสาวกรีดร้อง “สัตว์วิญญาณอสูรพวกนี้มาจากตระกูลเยี่ย!”
ไม่นะ! เหตุใดสัตว์อสูรของตระกูลเยี่ยถึงมาปรากฏตัวที่นี่
ถึงแม้ว่าสัตว์อสูรพวกนี้จะไม่ได้แข็งแกร่งมากเพราะตอนนี้ตระกูลเยี่ยยังไม่สามารถเลี้ยงสัตว์วิญญาณอสูรที่แข็งแกร่งได้ พวกมันเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลเยี่ย นี่มันน่ากลัวมาก!
หัวใจของหรูอี้ร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่มและรู้สึกไม่สบายใจ ด้วยเหตุผลบางอย่างนางถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ…
“แม่นางหรูอี้ พวกเราควรจะทำอย่างไรดีขอรับ” ญิงสาวมองหรูอี้อย่างวิตกกังวล “ในเมื่อสัตว์วิญญาณอสูรพวกนี้มาปรากฏตัวที่นี่ก็หมายความว่าอีกไม่นานคนจากตระกูลเยี่ยกำลังจะมาที่นี่ พวกเราไปหาเรื่องตระกูลเยี่ยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
ใบหน้าของหรูอี้ซีดเผือดแล้วจู่ๆ ใบหน้าของเยี่ยจวินก็ปรากฏขึ้นในความคิดนาง
เด็กผู้หญิงคนนั้นแซ่เยี่ย!
หรือว่า…เป็นเพราะนางตระกูลเยี่ยถึงมาที่นี่
ไม่ เป็นไปไม่ได้!
หรูอี้รีบส่ายหน้าแล้วปัดความคิดในหัวออกอย่างแรง นี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น นางไม่มีทางโชคร้ายขนาดนั้นบังเอิญไปเจอคนของตระกูลเยี่ยเข้าหรอก อีกอย่างถ้านางเป็นคูณหนูตระกูลเยี่ยจริง นางจะไม่มียอดฝีมือติดตามได้อย่างไร
“แม่นางหรูอี้…”