ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1666 เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์มาเพื่อสร้างปัญหา (3) / ตอนที่ 1667 เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์มาเพื่อสร้างปัญหา (4)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1666 เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์มาเพื่อสร้างปัญหา (3) / ตอนที่ 1667 เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์มาเพื่อสร้างปัญหา (4)
ตอนที่ 1666 เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์มาเพื่อสร้างปัญหา (3)
เสียงของผู้เฒ่าเยี่ยขาดช่วงจนไม่สามารถพูดได้จบประโยค ถ้าเขาเลือกที่จะอยู่เฉยๆ และไม่สนใจอวิ๋นลั่วที่ตกอยู่ในอันตรายก็เท่ากับว่าเขาทรยศความเชื่อใจของอวิ๋นลั่วเฟิง
“ท่านอวิ๋น…ถึงแม้ว่าจะต้องทิ้งชีวิตของตัวเอง ข้าก็จะไม่มีทางยอม…ให้ใครก็ตามใช้เจ้าขู่เฟิงเอ๋อร์”
อวิ๋นลั่วกำหมัดแน่นขณะที่จ้องหน้าเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
“หลายปีมานี้ เฟิงเอ๋อร์ไม่เคยไปสร้างปัญหาให้คนอื่นก่อนมีแต่คนอื่นที่ยั่วยุนางก่อนเสมอ…”
สายตาเหยียดหยามของหญิงสาวมองไปที่ผู้เฒ่าเยี่ยที่ใกล้ตายก่อนจะหันไปมองอวิ๋นลั่ว
“ใครบอกเจ้าว่านางไม่เคยยั่วยุพวกเรา ถ้านางไม่ได้ลักพาตัวผู้สืบทอดของเผ่าพวกเราไป ยอดฝีมือของพวกเราก็ไม่มีทางไปสร้างปัญหาให้นางหรอก!”
“ไร้สาระ!” อวิ๋นลั่วกล่าววาจาหยาบคายด้วยความโกรธ “เฟิงเอ๋อร์ไม่เคยลักพาตัวใคร!”
“ฮึ่ม! ตามรายงานที่เชื่อถือได้ หลินรั๋วไปผู้สืบทอดของเผ่าเราได้ถูกอวิ๋นลั่วเฟิงลักพาตัวไป!”
หลินรั่วไป๋? อวิ๋นรั่วชะงัก เสี่ยวไป๋เป็นศิษย์ของอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ใช่หรือ
ตอนที่เขาคิดอย่างนั้นเขาก็พูดความคิดในหัวออกมาด้วย แต่ใครจะรู้ว่าคำพูดของชายชราจะทำให้หญิงสาวหัวเราะอย่างโอหัง
“ผู้สืบทอดของเผ่าเรานับถือสตรีผู้หนึ่งเป็นอาจารย์งั้นหรือ นี่เป็นเรื่องที่ตลกที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยินมาเลย! นางคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์หรืออย่างไร เจ้าอย่าคิดว่าตัวเองจะรอดพ้นความตายเพราะคำโกหกของเจ้าได้! ใครก็ตามที่กล้าสร้างปัญหาให้เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรามีแต่ต้องตายเท่านั้น!”
ฟิ้ว!
สายลมพัดมาจากด้านหน้าจนทำให้เส้นผมสีดำสนิทของหญิงสาวปลิวไปตามลม กลิ่นอายคมกริบเหมือนกระบี่ของนางพุ่งเข้ามาอวิ๋นลั่ว ภายใต้กลิ่นอายกดดันอันทรงพลัง อวิ๋นลั่วก็ไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว ถึงอย่างนั้นใบหน้าของเขาก็ยังปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน
ในเวลาแบบนี้ เขายังกล้าทำตัวอวดดีอีกหรือ
หญิงสาวยิ่งโมโหและไม่มีทางแสดงความปรานี
ขณะที่กระบี่ยาวที่ก่อรูปร่างขึ้นจากกลิ่นอายของนางใกล้จะแทงถูกหน้าอกของชายชราก็มีพลังที่มองไม่เห็นพุ่งลงมาจากท้องฟ้า แล้วทันใดนั้นกลิ่นอายของนางก็หายไป
“ดูเหมือนว่าบทเรียนที่ข้าให้กับเจ้าเผ่าไปจะยังไม่พอนะ” เสียเย็นเยียบและร้ายกาจดังขึ้น รอบตัวบังเกิดเป็นกลิ่นอายน่าขนลุกจนทำให้ผู้คนสั่นสะท้านดวยความหวาดกลัว
สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นสตรีงดงามในชุดคลุมสีขาวยิ่งกว่าหิมะปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า
เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยขาดแคลนคนงามและคนส่วนใหญ่ในเผ่าก็มีใบหน้างามล่มเมือง ทว่าก็ยังไม่มีใครที่งดงามเท่ากับสตรีในชุดขาวคนนี้…
“ท่านปู่” สตรีในชุดสีขาวก้าวสองสามก้าวลงจากท้องฟ้ามายังพื้น นางเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมากจนเห็นเป็นภาพติดตาค้างอยู่บนอากาศ
“เฟิงเอ๋อร์ รีบมาตรวจดูผู้เฒ่าเยี่ยและช่วยเขาด้วย!” ทันทีที่เขาเห็นอวิ๋นลั่วเฟิง เขาก็รีบพูดขึ้น
พริบตาเดียวร่างของอวิ๋นลั่วเฟิงก็มาปรากฏข้างตัวผู้เฒ่าเยี่ย นางควานหาสมุนไพรก่อนจะหยิบหญ้าฟื้นฟูวิญญาณออกมาจากโลกคัมภีร์เซียนโอสถแล้วสกัดน้ำออกมาให้ผู้เฒ่าเยี่ยดื่ม
“ตอนนี้อวัยวะภายในของเขาถูกทำลาย ข้าจะหยุดเลือดเขาก่อน ส่วนการรักษาอาการบาดเจ็บของเขา ข้าจะต้องปรุงยาขึ้นมา”
ยาจากสมุนไพรธรรมดาไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของผู้เฒ่าเยี่ยได้ ต้องใช้ยาจากสมุนไพรพลังฌานในโลกคัมภีร์เซียนโอสถถึงจะรักษาได้ โชคดีที่หนูหาทองไม่ได้กินสมุนไพรพลังฌานจดหมดและเหลือบางส่วนไว้ให้นางปรุงยา นางจึงมีวัตถุดิบที่เพียงพอในการปรุงยาให้ผู้เฒ่าเยี่ย….
“ดูท่าแล้วคงถึงเวลาที่พวกเราจะต้องสะสางบัญชีกันเสียที” อวิ๋นลั่วเฟิงหันหลังมาช้าๆ ขณะที่ใช้ดวงตาร้ายกาจของนางจ้องเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์อย่างเย็นชา
“อวิ๋นลั่วเฟิง?” สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปทันที
เหตุใดนางถึงมาอยู่ที่นี่ได้
อวิ๋นลั่วเฟิงค่อยๆ ยกมือขึ้นช้าๆ แล้วพลังจำนวนมหาศาลก็ระเบิดออกจากฝ่ามือของนางจนเกิดเสียงดังแล้วพุ่งเข้าไปโจมตีที่หน้าอกของหญิงสาวทันที
…………………………………..
ตอนที่ 1667 เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์มาเพื่อสร้างปัญหา (4)
“อ้า!” หญิงสาวกรีดร้องและกระเด็นไปไกลก่อนจะกระแทกพื้นด้วยสภาพไม่น่าดู
“ใครอนุญาตให้พวกเจ้ามาที่แดนลับแล” อวิ๋นลั่วเฟิงเชิดหน้าแล้วมองสตรีที่นอนอยู่ที่พื้นอย่างดูถูก
“เจ้ามองอะไรกัน” หญิงสาวกัดฟัน “จับนังชั่วนี่เดี๋ยวนี้!” สตรีในเผ่าต้องการจะลงมือแต่กลับถอยหลังตามสัญชาตญาณเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของอวิ๋นลั่วเฟิง
“อวิ๋นอี้” อวิ๋นลั่วเฟิงเรียกอย่างเย็นชา
ตึง!
ทันทีที่เสียงของนางดังขึ้น ร่างใหญ่โตก็บินลงมาที่พื้น พลังกำลังมหาศาลของเขาเหมือนกับเทพที่ยืนปกป้องอวิ๋นลั่วเฟิง ชายคนนี้สูงมากและมีร่างกายที่กำยำ ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นแต่ก็ไม่สามารถปกปิดความเป็นปรปักษ์ที่แผ่ออกมาจากร่างกายเขาได้
“นอกจากสตรีผู้นี้ สังหารคนอื่นให้หมดอย่าให้มีคนรอดชีวิต!” คำสั่งที่ออกมาจากริมฝีปากนางช้าๆ เต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟันที่แผ่ขยายไปทั่วลานในจวนตระกูลเยี่ย
“เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่” หญิงสาวตัวสั่น นางไม่เคยคิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะกลับมาที่แดนลับแล! ยิ่งไปกว่านั้นนางกลับมาได้ภายในเวลาอันรวดเร็วมาก!
“ข้ากำลังทำอะไรอย่างนั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มเยาะ “เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่านรกหน้าตาเป็นอย่างไร”
“ข้าไม่…” ก่อนที่นางจะมีโอกาสได้พูดจบ นางก็เห็นเปลวเพลิงลุกขึ้นจากใต้ร่างแล้วก็พลันปกคลุมทั่วร่างของนาง นางรู้สึกเจ็บปวดมากเหมือนว่าตนกำลังอยู่ในนรก
จากการที่พลังของหั่วหั่วฟื้นฟูกลับมาแล้วเปลวไฟของนางจึงยิ่งรุนแรง และเมื่ออยู่ภายใต้การควบคุมของนาง เปลวไฟนี้ก็สามารถสร้างประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดทรมานให้ผู้อื่นได้
“ใครก็ตามที่ทำร้ายครอบครัวของข้า สังหารมันให้หมด!”
นาง อวิ๋นลั่วเฟิง ไม่ใช่คนจิตใจดี ต่อให้คนอื่นเรียกนางว่าคนไร้หัวใจ โหดร้าย ไร้ปรานีและเลวทรามก็ไม่เป็นไร นางแค่ต้องการปกป้องครอบครัวของนางเท่านั้น! ดังนั้นนางจึงสังหารคนได้โดยไม่ลังเล
อวิ๋นลั่วเฟิงหันหลังมามองชายชราช้าๆ แล้วรอยยิ้มบางก็ปรากฏบนใบหน้างดงามเกินราวกับเทพธิดาของนาง
“ท่านปู่ หลานกลับมาแล้วเจ้าค่ะ…” หลังจากที่แยกจากกันมาห้าปี ในที่สุดนางก็กลับมา!
หัวใจของอวิ๋นลั่วเต็มไปด้วยความตื่นเต้นจนเกือบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ แต่ว่าเขาก็เก็บความรู้สึกภายในใจเอาไว้และทำหน้าโกรธเคืองขณะพูดเหมือนว่าตัวเองกำลังอารมณ์ไม่ดี
“หลังจากที่หายไปห้าปี เจ้ายังรู้จักกลับมาบ้านอีกหรือ”
นางไม่สามารถปฏิเสธเขาได้เพราะว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจากครอบครัวไปนานมากจริงๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องอดทนหรือใช้ชีวิตให้ผ่านไปในแต่ละวันได้อย่างไร…
“หืม” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “หลานกลับมาบ้านครั้งนี้ได้นำของขวัญกลับมาด้วยนะเจ้าคะ ถ้าท่านไม่อยากได้ก็ลืมมันไปแล้วกัน”
“ของขวัญอย่างนั้นหรือ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ดวงตาของชายชราก็เป็นประกาย เขากระแอมแล้วแกล้งทำเป็นพูดอย่างเคร่งเครียดว่า “อย่างน้อยเจ้าก็ยังรู้จักผิดชอบชั่วดีและนำของขวัญกลับมาให้ปู่ของเจ้าด้วย ของขวัญอยู่ที่ไหนล่ะ เอาออกมาแล้วแสดงความเคารพต่อญาติผู้ใหญ่ของเจ้าเสีย”
รอยยิ้มของอวิ๋นลั่วเฟิงยิ่งกดลึกขึ้นและนางก็ยื่นมือออกมา ก่อนที่ผลไม้สีเขียวเข้มจะปรากฏขึ้นในฝ่ามือนาง
“สิ่งนี้คือผลไม้แห่งชีวิตเจ้าค่ะ หลังจากที่ท่านกินเข้าไปแล้ว อายุขัยของท่านก็จะเพิ่มขึ้นอีกสิบปี”
ยืดอายุขัยของข้าไปอีกสิบปีอย่างนั้นรึ สิ่งนี้เป็นของขวัญที่ดีจริงๆ!
ดวงตาเขาเป็นประกายเข้มขึ้นแม้แต่ลมหายใจของเขาก็ถี่ขึ้นเช่นกัน “เร็วเข้า เอาผลไม้มาให้ข้า แค่ผลเดียวจะไปพออะไร อย่างน้อยเจ้าก็ควรเอามาให้ข้าสักสิบ…ไม่สิ สักร้อยผล!”
เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงเห็นชายชราความสงบเยือกเย็นไปแล้ว เขาก็เหมือนตัวอย่างที่ไม่ดี นางจึงได้แต่ยักไหล่อย่างหมดหนทาง
“ตอนนี้หลานมีเพียงผลเดียวเจ้าค่ะ แล้วยิ่งไปกว่านั้นท่านควรจะปล่อยให้ข้าได้รักษาอาการบาดเจ็บของผู้นำตระกูลเยี่ยก่อนนะเจ้าคะ”
อวิ๋นลั่วเก็บผลไม้วิญญาณอย่างระมัดระวังแล้วตั้งใจจะกลับไปลิ้มรสผลไม้นี้ช้าๆ ที่ห้องตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไปรักษาท่านเยี่ยเถอะ ตอนนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน ถ้าในอนาคตเจ้ามีอะไรดีๆ อีกก็อย่าลืมนำกลับมาให้ปู่ของเจ้าเพื่อแสดงความเคารพต่อญาติผู้ใหญ่ด้วยล่ะ”