ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1712 อวิ๋นเซียวจอมวางแผน (2) / ตอนที่ 1713 อวิ๋นเซียวจอมวางแผน (3)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1712 อวิ๋นเซียวจอมวางแผน (2) / ตอนที่ 1713 อวิ๋นเซียวจอมวางแผน (3)
ตอนที่ 1712 อวิ๋นเซียวจอมวางแผน (2)
“เขายอมตกลงเรื่องนี้ด้วยหรือ” อวิ่นลั่วเฟิงนิ่งงัน
ถ้าโม่เชียนเฉิงตกลงเรื่องนี้ก็หมายความว่าเขาไม่ได้เป็นคนซื่อแต่เป็นคนโง่
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง โม่เชียนเฉิงก็ดูโกรธแล้วจ้องหน้าอวิ๋นเซียว
“เขาไม่ได้ตกลง” อวิ๋นเซียวยิ้ม “แต่ข้ายั่วโมโหให้เขาตกลง เขาโดนข้าทำให้โกรธจนตอบตกลง”
โม่เชียนเฉิงส่งเสียงขึ้นจมูก “ใช่เรื่องใหญ่ที่ไหนกัน เจ้าก็แค่เอาชนะข้าด้านทักษะทางพลังกายได้ เจ้ากล้าสู้กับข้าโดยใช้พลังฌานหรือไม่ล่ะ”
อวิ๋นเซียวทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงของโม่เชียนเฉิงและปล่อยตัวของอวิ๋นลั่วเฟิงก่อนจะเดินช้าๆ ไปหาผู้เฒ่าจวิน “ที่นี่มีแค่ท่านเท่านั้นที่อยู่ในขั้นกึ่งเทพ ดังนั้นท่านช่วยข้าปลดผนึกพลังของข้าได้หรือไม่”
โม่เชียนเฉิงเบิกตากว้าง ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจอะไรได้บางอย่างและใบหน้าอ่อนเยาว์น่ารักของเขาก็แดงก่ำ “เจ้า..เจ้าจงใจ!”
อวิ๋นเซียวหันไปมองโม่เชียนเฉิงแล้วพูดอย่างยั่วโมโหว่า “ในที่สุดเจ้าก็รู้ตัวแล้วหรือ”
โม่เชียนเฉิงสั่นไปทั้งตัว บุรุษผู้นี้หลอกให้เขาผนึกพลังฌานของตัวเองเพื่อที่จะได้ทำให้เจวี๋ยเชียนเป็นของตัวเอง!
“อวิ๋นเซียว เจ้าเป็นจอมวางแผนตั้งแต่เมื่อไหร่” อวิ๋นลั่วเฟิงมองใบหน้าโมโหร้ายของโม่เชียนเฉิงแล้วยิ้ม
ความจริงแล้วโม่เชียนเฉิงน่าสงสารมาก แต่ว่าที่ใดที่มีคนน่าสงสารก็ต้องมีคนที่ถูกสาป ถ้าโม่เชียนเฉิงไม่ได้ทรยศเจวี๋ยเชียน เขาก็คงไม่ถูกขังไว้ในดินแดนแห่งจินตนาการเป็นพันปี ถึงแม้ว่าสุดท้ายเขาจะสำนึกผิดแต่การทรยศก็คือการทรยศ กระจกที่แตกแล้วไม่สามารถนำกลับมาต่อใหม่ได้
“เจ้าหนู นั่งลง”
ผู้เฒ่าจวินบอกให้อวิ๋นเซียวนั่งขัดสมาธิตรงหน้าเขาและฝ่ามือใหญ่และหยาบของเขาก็กระแทกเข้าที่ไหล่ของอวิ๋นเซียวอย่างแรง
ร่างของเขาสั่นทันทีและพลังจำนวนมหาศาลก็ไหลผ่านร่างกายของเขา ไม่นานพลังฌานก็ระเบิดออกมาและทั่วทั้งพื้นที่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยพลังฌานหนาแน่น
“รู้สึกดีจริงๆ ที่ได้พลังกลับคืนมา” อวิ๋นเซียวขยับไหล่และหันไปมองอวิ๋นลั่วเฟิงช้าๆ …
“อวิ๋นเซียว ในอนาคตท่านห้ามทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนี้อีกนะ” ในที่สุดอวิ๋นลั่วเฟิงก็คลายกังวล แต่นางก็ยังพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ข้าทนไม่ได้…”
“อะไรนะ”
อวิ๋นลั่วเฟิงไม่เข้าใจความหมายของเขา
“ข้าทนไม่ได้ที่มีอันตรายซ่อนอยู่รอบตัวท่าน ข้าก็แค่ทนไม่ได้ โชคดีที่เขาโดนหลอกง่ายและข้าก็สามารถหลอกให้เขาผนึกพลังตัวเองได้โดยใช้แค่คำพูดไม่กี่คำ”
อวิ๋นเซียวพูดแบบนี้เพราะมีเป้าหมาย เมื่อโม่เชียนเฉิงได้ยินอย่างนั้นใบหน้าที่จนโกรธจนกลายเป็นสีม่วงก็เกือบจะมีน้ำตาไหล ดวงตาของเขาแดงก่ำและจ้องอวิ๋นเซียวเหมือนต้องการจะฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ!
“โกหก เจ้ามันคนขี้โกหก!” โม่เชียนเฉิงกัดปาก เขาจ้องหน้าอวิ๋นเซียวก่อนจะหันไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็ยิ่งดูโศกเศร้า “เจวี๋ยเชียน บุรุษผู้นี้มีอะไรดี เจ้าแค่หย่ากับเขาแล้วมาแต่งงานกับข้าเถอะ ข้ารอเจ้ามาหลายปี เจ้ายังมีใจจะทอดทิ้งข้าอีกหรือ”
อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้ว “ข้าชื่ออวิ๋นลั่วเฟิง”
“เจ้าคือเจวี๋ยเชียน ไม่อย่างนั้นเจ้าจะได้รับมรดกของเขาได้อย่างไร ตั้งแต่ที่ข้ารู้จักเขามา เขาเป็นคนที่ยอมให้สมบัติของเขาหายไปตามกาลเวลาดีกว่ายกมันให้คนอื่น! ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่ตัวเขาที่กลับชาติมาเกิดใหม่!”
เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงได้ยินอย่างนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี ถึงแม้ว่าตอนนี้นางยังผู้สืบทอดของเจวี๋ยเชียนไม่ได้ แต่นางมีความรู้สึกว่าสักวันหนึ่งนางจะได้เจอผู้สืบทอดของเขา แต่ตอนนี้นางต้องหาทางจัดการโม่เชียนเฉิงคนนี้ก่อน!
…………………………………..
ตอนที่ 1713 อวิ๋นเซียวจอมวางแผน (3)
อวิ๋นลัวเฟิงหันไปถามอวิ๋นเซียวว่า “อวิ๋นเซียว ท่านคิดว่าอย่างไร”
“พวกเราสังหารเขาตอนนี้ไม่ได้” อวิ๋นเซียวคิดอยู่ครู่นึงแล้วพูดขึ้น
“เฟิงเอ๋อร์ เสี่ยวเอ๋อร์ ข้าคิดว่าพวกเจ้าควรจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ข้างตัวชั่วคราวนะ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาไปทำร้ายคนอื่น”
ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของโม่เชียนเฉิงจะยังถูกผนึกอยู่แต่ก็เป็นไปได้ที่พลังของเขาจะถูกปลดด้วยแรงกระตุ้นบางอย่าง! และถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยากสังหารโม่เชียนเฉิงก็คงไม่ง่ายนัก…
อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วและพูดช้าๆ ว่า “ชายคนนี้ก็เหมือนระเบิดเวลา การพาเขาไปด้วยเป็นเรื่องอันตรายเกินไป”
ถึงแม้ว่าผู้เฒ่าจวินจะไม่รู้ว่าระเบิดเวลาคืออะไรแต่เขาพอจะเข้าใจความหมายของอวิ๋นลั่วเฟิง แน่นอนโม่เชียนเฉิงก็ได้ยินบทสนทนานี้เหมือนกัน เขาโกรธและรู้สึกแปลกๆ ถึงแม้ว่าเขาจะอยากได้อวิ๋นลั่วเฟิงมาเป็นภรรยาจริงๆ แต่เขาก็รู้ว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“อวิ๋นเซียว” อวิ๋นลั่วเฟิงครุ่นคิดและดวงตาก็เป็นประกาย “ผนึกนี้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”
ผนึกมีหลายประเภทซึ่งในเมื่อโม่เชียนเฉิงเป็นคนผนึกตัวเองดังนั้นก็ต้องมีโอกาสที่จะปลดได้เอง
“สามปี เขาน่าะถูกผนึกไปอีกสามปี ถ้าหากว่า…ถ้าหากว่าชีวิตของเขาอยู่ระหว่างความเป็นความตายก็มีโอกาสห้าในสิบที่เขาจะปลดผนึกของตัวเองได้”
นี่เป็นเหตุผลที่อวิ๋นเซียวพูดว่าเขาไม่สามารถสังหารโม่เชียนเฉิงได้
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะพาเขาไปกับพวกเราชั่วคราวแล้วกัน”
เวลาสามปีก็คงเพียงพอ…
“ตกลง”
ก็เหมือนทุกทีที่อวิ๋นเซียวไม่มีทางปฏิเสธอวิ๋นลั่วเฟิง ในความคิดเขาอีกสามปีโม่เชียนเฉิงก็คงไม่ใช่ตัวอันตรายแล้ว
“น่าเสียดาย…” อวิ๋นลั่วเฟิงถอนหายใจ “น่าเสียดายที่ฉินลั่วหนีไปได้ ผลของแก่นเลือดบรรพบุรุษมังกรกำลังจะหมดแล้วดังนั้นข้าก็คงจัดการกับนางไม่ได้แล้ว”
อวิ๋นเซียวหันไปมองภูเขาอึมครึมแล้วขมวดคิ้วจากนั้นดวงตาสีนิลของเขาก็สาดประกายสังหาร “พวกเราออกจากที่นี่กันก่อนเถอะ แล้วข้าจะส่งคนมาค้นหาที่ภูผาสุสานเทพเอง…”
…
ณ เมืองอุดร
ภายในจวนเจ้าเมืองก็ได้ยินเสียงรายงานแล้วเจ้าเมืองก็หน้าบึ้งโดยที่ดวงตามีประกายอำมหิต
“อวิ่นลั่วเฟิงกลับมาแล้วงั้นหรือ”
เขาได้ยินว่าเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ส่งคนไปที่แดนลับแลเพื่อแก้แค้นตระกูลเยี่ยกับอวิ๋นลั่วเฟิงคนนั้น แต่ว่าต่อมาไม่นานหน่วยข่าวกรองพวกเขาก็กลับมารายงานว่าอวิ๋นลั่วเฟิงอยู่ในนครจวิน
เผ่าสตรีศักดิ์ทำพลาดงั้นหรือ
แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงไปทำอะไรมาบ้างที่เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ติดต่อกับคนภายนอกน้อยมากและฉินเสวี่ยก็ตายแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่มีใครบอกเจ้าเมืองเกี่ยวกับเรื่องนี้…
“ท่านพ่อ…”
ชายหนุ่มเดินช้าๆ เข้าไปหาเจ้าเมืองด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างรุนแรง
“ซวงเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่” เมื่อเจ้าเมืองเห็นบุตรชาย เขาก็ดูดีขึ้นเล็กน้อยและถามขึ้นเบาๆ
ต้องขอบคุณอวิ๋นลั่วเฟิงที่ทำให้บุตรชายทั้งสองของเขา คนหนึ่งตายอีกคนก็พิการ เขาไม่มีทางละเว้นสตรีที่ทำความผิดร้ายแรงขนาดนี้ไปแน่!
หลิงซวงสูญเสียเสน่ห์ของเขาไปแล้วและดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความชั่วร้าย “ท่านพ่อ หรือว่าเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์จะไม่สามารถจับตัวครอบครัวของอวิ๋นลั่วเฟิงมาได้ขอรับ”
“แน่นอนว่าข้าคิดว่าเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งมากแต่กลายเป็นว่าพวกนางก็เป็นแค่ขยะ! แค่จับตัวครอบครัวของอวิ๋นลั่วเฟิงพวกเขายังทำไม่ได้เลย พวกเราควรส่งคนของพวกเราไปทำเอง” เจ้าเมืองส่งเสียงขึ้นจมูกและกัดฟัน
“ท่านพ่อ อย่าพูดเสียงดังไป กำแพงมีหูนะขอรับ ถ้าคำพูดของพวกเราไปถึงหูของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาอาจจะมาแก้แค้นเมืองอุดรของพวกเราทั้งหมดก็ได้” หลิงซวงพูดด้วยดวงตาที่เป็นประกายดำมืด “อีกอย่างเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ส่งคนที่แข็งแกร่งที่สุดไปที่นั่นเพราะพวกนางดูถูกอวิ๋นลั่วเฟิง…พวกนางอยู่มานานและไม่มีเมืองไหนกล้าโจมตีแม้แต่นิดเดียว ข้าคิดว่าพวกนางต้องมีไพ่ตายบางอย่างแน่ขอรับ ไม่แน่…เผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์อาจจะมีผู้ฝึกฌานขั้นกึ่งเทพก็ได้!”