ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1766 มิติอีกมิติหนึ่ง (2) / ตอนที่ 1767 มิติอีกมิติหนึ่ง (3)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1766 มิติอีกมิติหนึ่ง (2) / ตอนที่ 1767 มิติอีกมิติหนึ่ง (3)
ตอนที่ 1766 มิติอีกมิติหนึ่ง (2)
ยิ่งไปกว่านั้น…นางยังไม่คิดว่าบุรุษผู้นั้นจะโดนโอวหลานยั่วยวนได้สำเร็จเพราะเขามีภรรยาที่งดงามขนาดนั้นอยู่ข้างเขา
“จางเซี่ย ลืมมันเถอะ อย่าไปทะเลาะกับโอวหลานเลย” คนรอบข้างพูดปลอบใจ “พี่ชายของโอวหลานเป็นหนึ่งในศิษย์ระดับสวรรค์ ต่อต้านนางไปก็ไม่มีประโยชน์”
“ใช่แล้วจางเซี่ย ถอยออกมาเถอะ ภรรยาของบุรุษผู้นั้นอาจจะงดงามแต่สถานะของโอวหลานในสำนักศึกษาเมืองประจิมค่อนข้างสูง ไม่แน่บุรุษผู้นี้อาจจะเลิกกับภรรยาเพื่อตำแหน่งของโอวหยางก็ได้”
“พูดถึงเรื่องนี้…เหตุใดข้าถึงรู้สึกสตรีในชุดสีขาวผู้นั้นคุ้นหน้านัก เหมือนกับว่าข้าเคยนางที่ไหนมาก่อนสักที่….”
อวิ๋นลั่วเฟิงออกจากสำนักศึกษาเมืองประจิมไปถึงห้าปี กลุ่มศิษย์ก่อนหน้าก็เปลี่ยนไปแล้ว และมีเพียงอัจฉริยะหาตัวจับยากเท่านั้นถึงจะได้เลือกเป็นผู้อาวุโส ศิษย์ที่เหลือก็มีทั้งศิษย์ใหม่ที่เข้าสำนักมาเมื่อห้าปีที่แล้วหรือไม่ก็ขยะที่ไม่ผ่านการทดสอบและไม่สามารถจบจากสำนักได้
ถึงอย่างนั้นเมื่อตอนนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงก็สร้างเรื่องใหญ่โตและไปกระตุ้นถึงเจ้าสำนัก ดังนั้นศิษย์ส่วนใหญ่ที่ยังถูกทิ้งไว้ข้างหลังก็ค่อนข้างคุ้นหน้าคุ้นตานาง แต่ว่าเรื่องก็ผ่านมาถึงห้าปีแล้วทำให้พวกเขาไม่ได้คิดเชื่อมโยงอวิ๋นลั่วเฟิงกับเด็กผู้หญิงเมื่อห้าปีที่แล้ว
“โอวหลาน ครั้งนี้เจ้าไม่มีทางสำเร็จแน่นอน” จางเซี่ยกระทืบเท้าแล้วพูดอย่างขมขื่น
ความจริงแล้วจะมีสตรีคนใดที่ไม่สนใจบุรุษหน้าตาดีอย่างอวิ๋นเซียวบ้าง
แต่ว่าจางเซี่ยมีศีลธรรมมากกว่าโอวหลาน ถ้าอวิ๋นเซียวยังไม่แต่งงาน นางก็คงใช้ทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงเขามา แต่เขาแต่งงานแล้วดังนั้นนางจึงทำได้แค่ยอมแพ้!
หรือว่านางจะเดินหน้าแล้วไปเป็นนางบำเรอของเขาแทน ศักดิ์ศรีของนางไม่ยอมให้นางทำแบบนั้น!
“ความสำเร็จของข้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูดเจ้า รอดูก่อนเถอะ!” โอวหลานส่งเสียงขึ้นจมูกแล้วเดินผ่านจางเซี่ยเหมือนนกยูงที่หยิ่งยโส เมื่อนางเข้ามาถึงตัวจางเซี่ยนางก็เดินกระแทกไหล่สวนออกไป
ใบหน้าของจางเซี่ยมืดครึ้มทันที ถ้าไม่ใช่เพราะคนอื่นรั้งนางไว้ นางก็คงกระโจนเข้าไปหาสตรีหน้าไม่อายผู้นั้นแล้ว! …
อวิ๋นลั่วเฟิงและอวิ๋นเซียวไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นภายในสำนักเลยแม้แต่น้อย พวกเขาเข้าไปที่ห้องของเหล่าผู้อาวุโสด้วยตัวเองโดยที่ไม่มีใครมาขัดขวาง แต่ว่าห้าปีที่ผ่านมาก็มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงและเกิดขึ้นในสำนักศึกษา ใบหน้าคุ้นเคยก่อนหน้านี้ก็หายไปหมดแล้ว
“อวิ๋นลั่วเฟิง ในที่สุดเจ้าก็มา”
เสียงอุทานอย่างแปลกใจทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดเดิน นางหันหลังไปก็เห็นใบหน้าที่ดูคล้ายจิ้งจอก
“หูหลี” อารมณ์ของอวิ๋นลั่วเฟิงสดใสขึ้นมาทันทีเมื่อนางเห็นบุรุษที่หน้าคล้ายสุนัขจิ้งจอก “เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”
“ผู้อาวุโสซวีคงมาตามหาข้าและต้องการให้ข้าเป็นผู้อาวุโส และข้าก็ตกลง” หูหลียิ้มกว้าง “ถึงแม้ว่าข้าจะยอมรับข้อเสนอแต่ข้าก็จะไม่ลืมว่าข้าได้มอบชีวิตให้เจ้าแล้ว ข้าเป็นของเจ้าไม่ว่าข้าจะเป็นหรือตาย”
วลีที่ว่า ‘มอบชีวิต’ ทำให้ใบหน้าของอวิ๋นเซียวมืดครึ้ม เขาส่งสายตาเย็นเยียบไปให้หูหลี
หูหลีตัวแข็งเพราะสายตาของอวิ๋นเซียว แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรกับอวิ๋นลั่วเฟิงถึงไปยั่วโมโหบุรุษที่อารมณ์แปรปรวนคนนี้
“ข้าจากที่นี่ไปห้าปี และสำนักศึกษาก็เปลี่ยนไปมากจนข้าเกือบจำไม่ได้” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดขณะยิ้มบางๆ
หูหลีส่งยิ้มกลับมา “นี่ก็ผ่านมาห้าปีแล้ว ศิษย์เดิมของสำนักก็ออกกันไปแล้วและตอนนี้ก็ปลายเป็นศิษย์กลุ่มใหม่ มีแค่ข้าคนเดียวที่ยังมีชื่อเป็นศิษย์ระดับสวรรค์”
“นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน”
…………………………
ตอนที่ 1767 มิติอีกมิติหนึ่ง (3)
ตอนแรกอวิ๋นลั่วเฟิงกลัวว่าจะมีคนจำได้นางเมื่อนางเข้ามาที่สำนักศึกษาเมืองประจิม ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นวันสบายๆ ของนางก็คงหายไป
หูหลีเหมือนว่ากำลังคิดอะไรอยู่และดวงตาของเขาก็หรี่แสงลงขณะที่เขาถอนหายใจ “น่าเสียดายที่สุดท้ายข้าก็ทำให้เจ้าผิดหวังและไม่สามารถทำตามที่เจ้าบอกได้ ข้าหาอู๋ไม่เจอ”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องหาเขา” อวิ๋นลั่วเฟิงเงยหน้า “เพราะข้าเจอเขาแล้ว…”
อู๋คือไป๋ซู่แน่นอน แต่ว่าเรื่องบางอย่างก็ยากที่จะอธิบาย ดังนั้นนางจึงตั้งใจจะไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้
หูหลีเกาศีรษะ “ถ้าอย่างนั้นข้าก็สบายใจ จริงสิ ผู้อาวุโสซวีคงและคนอื่นรอเจ้ามาสองสามวันแล้ว ตามข้ามา”
อวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้าและเดินตามหูหลีไปขณะที่จับมือของอวิ๋นเซียว
ภายในสภาผู้อาวุโส กลุ่มผู้อาวุโสกำลังรออวิ๋นลั่วเฟิงอยู่ ความจริงแล้วทันทีที่อวิ๋นลั่วเฟิงปรากฏตัวที่เมืองประจิมก็มีคนมากแจ้งพวกเขาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงมารอนางที่นี่
ทันทีที่อวิ๋นลั่วเฟิงเดินเข้ามาในสภา นางก็เห็นกลุ่มผู้อาวุโสทั้งล้อมวงกันอยู่ ซวีคง ซวีอู๋ หลิงไห่ ฉยงเทียน และเสวี่ยอิ๋ง
ผู้อาวุโสเหล่านี้คนกลุ่มแรกที่นางเจอตอนที่นางมาถึงที่แคว้นเจ็ดเมืองและยังเป็นอาจารย์ที่นางเคารพอีกด้วย
“ในที่สุดเจ้าก็มา” เสวี่ยอิ๋งเป็นผู้อาวุโสหญิงคนเดียวดังนั้นนางจึงเปิดเผยอารมณ์ตามธรรมชาติ นางผุดลุกขึ้นจากที่นั่งและเดินเข้ามาหาอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างตื่นเต้น
ผู้อาวุโสทุกคนมองมาที่อวิ๋นลั่วเฟิงด้วยสายตาภาคภูมิใจ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สอนอะไรอวิ๋นลั่วเฟิงเลยก็ตามแต่แค่นางนับถือพวกเขาเป็นอาจารย์ของนางก็เพียงพอ นางก็จะเป็นความภาคภูมิใจของพวกเขาไปตลอดชีวิต
“เสวี่ยอิ๋ง พวกเรามาคุยธุระกันก่อนเถอะ” ฉยงเทียนกระแอมและพูดขึ้น
“พูดธุระอะไรกัน!” เสวี่ยอิ๋งจ้องนางฉยงเทียนก่อนจะหันมามองอวิ๋นลั่วเฟิงพร้อมรอยยิ้มบาง “เจ้าต้องเหนื่อยแล้วแน่ ให้ข้าพาเจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ ห้าปีมานี้เจ้าคงพยายามอย่างหนัก…”
ทุกคนรู้เพียงแต่ชื่อเสียงของนาง แต่พวกเขาไม่รู้ว่านางต้องลองผิดลองถูกและพบเจอความยากลำบากอะไรมาบ้าง!
อวิ๋นลั่วเฟิงสัมผัสได้ถึงความปวดใจในดวงตาของซวีคงทำให้ความอบอุ่นไหลเข้าสู่หัวใจของนาง พวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกันไม่นานแต่อาจารย์เหล่านี้ก็จริงใจกับนางมาก!
“ไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะ” อวิ๋นลั่วเฟิงส่ายหน้า “ตอนที่อาจารย์ซวีคงมาหาข้าก่อนหน้านี้และบอกให้ข้ามาที่สำนักศึกษาเมืองประจิมถ้ามีเวลา ข้าก็รู้แล้วว่าพวกท่านต้องมีบางอย่างอยากจะบอกข้า ข้าก็เลยมาที่นี่เจ้าค่ะ”
เสวี่ยอิ๋งถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว “จริงๆ เรื่องนี้แต่เดิมก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า แต่ข้าคิดว่าข้าควรบอกให้เจ้ารู้เพราะความสัมพันธ์ของเจ้ากับท่านเจ้าสำนัก”
“จีจิ่วเทียน?” หัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิงรู้สึกเหมือนโดนบีบและนางก็ถามอย่างกังวลว่า “มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับจีจิ่วเทียนหรือเจ้าคะ”
อวิ๋นเซียวหันไปมองอวิ๋นลั่วเฟิง และด้วยเหตุผลบางอย่าง ความกังวลของอวิ๋นลั่วเฟิงที่มีต่อจีจิ่วเทียนก็ทำให้เขาไม่พอใจ! แน่นอนเขาไม่ได้ไม่พอใจอวิ๋นลั่วเฟิง แต่ความไม่พอใจของเขาพุ่งไปที่จีจิ่วเทียน! แต่ว่าเขาเชื่อในตัวของอวิ๋นลั่วเฟิงและรู้ดีว่าจีจิ่วเทียนเป็นแค่สหายที่นางเชื่อใจไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ดังนั้นไม่ว่าเขาจะไม่พอใจแค่ไหน เขาก็ไม่แสดงออกมา
เสวี่ยอิ๋งเม้มปาก “ไม่นานมานี้ ท่านเจ้าสำนักบังเอิญค้นพบว่ามีมิติซ้อนทับในแคว้นเจ็ดเมือง”
“แผ่นดินเทพวิญญาณงั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงถามกลับ
“ไม่ใช่แผ่นดินเทพวิญญาณ” เสวี่ยอิ๋งถอนหายใจ “แต่ว่าท่านเจ้าสำนักก็พบว่าพลังฌานในมิตินั้นอุดมสมบูรณ์มาก ดังนั้นเขาก็เลยไม่สนใจคำคัดค้านของพวกเราและเข้าไปในมิติอย่างดื้อรั้นเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่ง แต่ว่า…ข้ามีความรู้สึกมาสักพักแล้วว่าการเดินทางของเจ้าสำนักจะไม่ง่ายดาย ดังนั้นพวกเราจึงไปหาเจ้าเพื่อให้ช่วยหาทางออก”