ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1794 ตระกูลฉีที่หน้าไม่อาย (3) / ตอนที่ 1795 ตระกูลที่หน้าไม่อาย (4)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1794 ตระกูลฉีที่หน้าไม่อาย (3) / ตอนที่ 1795 ตระกูลที่หน้าไม่อาย (4)
ตอนที่ 1794 ตระกูลฉีที่หน้าไม่อาย (3)
น้ำยาสมุนไพรพลังฌานมีค่ามากว่าสมุนไพรพลังฌานเพราะว่าต้องใช้สมุนไพรพลังฌานหลายชนิดมาผสมกันและผลลัพธ์ก็ได้ผลที่ดีเยี่ยม แต่ว่าแม้แต่ตระกูลฉีที่มีอำนาจก็ไม่มีวิธีผลิตน้ำยาสมุนไพรพลังฌาน
“ท่านพ่อ” ฉีมั่วมองชายวัยกลางคน “ท่านคิดว่าผู้หญิงคนนั้น อวิ๋นเยว่ชิง เก็บซ่อนฝีมือของนางแล้วมอบสูตรน้ำยาสมุนไพรพลังฌานให้ฉีซูอย่างลับๆ แทนที่จะให้ตระกูลฉีหรือไม่ขอรับ”
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว “นั่งสารเลวนั่นกล้าปกปิดแล้วให้สูตรที่มีค่ากับฉีซูงั้นหรือ สูตรนี้จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อมาอยู่ในมือพวกเรา การยกให้ฉีซูก็เท่ากับเสียของ!”
ตอนนี้ฉีมั่วและบิดาลืมไปหมดแล้วว่าอิทธิพลตอนนี้ของตระกูลฉีได้มาเพราะอวิ๋นเยว่ชิง อาจารย์ของฉีซู ไม่ต้องพูดถึงว่าสูตรน้ำยาสมุนไพรพลังฌานเป็นของอวิ๋นเยว่ชิง ถึงแม้ว่านางจะยกให้ฉีซู ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดที่อาจารย์จะมอบของของพวกเขาให้ศิษย์ของตัวเองไม่ใช่หรือ
กลับกัน พวกเขากลับเชื่อว่าอวิ๋นเยว่ชิงควรจะมอบสิ่งดีๆ ทุกอย่างให้ตระกูลฉี! การมอบให้ฉีซูก็เหมือนการทำผิดร้ายแรงที่แม้แต่ความตายก็ชดใช้ไม่ได้!
“ท่านพ่อ สบายใจเถอะ ต่อให้เขามีสูตรน้ำยาสมุนไพรในมือแล้วอย่างไร ถ้าไม่มีสมุนไพรพลังฌาน ข้าก็สังสัยว่าเขาจะผลิตน้ำยาสมุนไพรพลังฌานดีๆ ออกมาได้อย่างไร การใช้สมุนไพรธรรมดาไม่ทำให้มีประสิทธิภาพ”
ฉีมั่วยิ้มเยาะ “หลังจากที่เขาล้มเหลว พวกเราก็ค่อยไปขโมยสูตรมาจากเขา!”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ว่าขโมย” ฉีเจิ้งยิ้มอย่างเย็นชา “สูตรน้ำยาสมุนไพรพลังฌานสมควรเป็นของตระกูลฉีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องเหมาะสมและสมควรที่จะเอาบางอย่างที่เป็นของพวกเรากลับมา เขาจะกล้าไม่เอามาให้พวกเราได้อย่างไร อวิ๋นเยว่ชิง สตรีผู้นั้นก็แค่กาฝากที่เกาะตระกูลฉีของพวกเรามาหลายปีและข้าก็ไม่เคยเรียกเก็บอะไรจากนาง สูตรนั่นก็ควรถูกเอามาชดใช้ค่าใช้จ่ายที่นางเป็นหนี้พวกเรามาตลอดหลายปี!”
ถ้าฉีซูและน้องสาวของเขาอยู่ที่นี่ พวกเขาคงได้รู้แน่ว่าบิดาของพวกเขาเป็นคนที่หน้าไม่อายอย่างที่สุด ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมฉีมั่วถึงชั่วร้ายขนาดนี้ทั้งหมดก็เพราะลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น!
“ท่านผู้นำตระกูล” จู่ๆ ประตูก็เปิดออกแล้วสตรีผู้หนึ่งก็วิ่งโซเซเข้ามาด้วยใบหน้าซีดเผือดจนดูเหมือนนางป่วย “ท่านไม่ควรทำกับซูเอ๋อร์และหลิงเอ๋อร์แบบนั้น พวกเขาเป็นบุตรท่านนะ!”
“ใครอนุญาตให้นางเข้ามา” ใบหน้าของฉีเจิ้งแสดงความหมดความอดทนและสีหน้าของเขาก็เย็นชา “มั่วเอ๋อร์ พามารดาเจ้าออกไปและถ้าไม่มีคำสั่งจากข้า นางก็ห้ามออกมาข้างนอก”
“ขอรับ ท่านพ่อ” ฉีมั่วประสานมือเคารพและส่งสายตาเย็นเยียบและรังเกียจไปที่สตรีผู้นี้
“ในฐานะสตรี เจ้าไม่ควรเข้ามายุ่งเรื่องของบุรุษ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะถูกไล่ออกจากตระกูลฉี!”
ร่างของหลินฉิงชะงักและเบิกตากว้างด้วยความตะลึง “เจ้า…เจ้ากล้าพูดกับข้าอย่างนี้หรือ ข้าเป็นมารดาเจ้านะ!”
“มารดา?” ฉีมั่วยิ้มเยาะ “เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเจ้าเป็นมารดาข้า ข้า…”
“มั่วเอ๋อร์!” อาจจะเป็นเพราะว่าเขากลัวว่าฉีมั่วจะพูดความลับบางอย่างออกไป ฉีเจิ้งจีงตะโกนขึ้นอย่างรีบร้อน “เจ้าจะยืนเฉยๆ อยู่ทำไม เอาตัวนางออกไป!”
เมื่อได้ยินคำสั่ง ฉีมั่วก็กลืนคำพูดของเขาลงไป เขาปรายตามองหลินฉิงอย่างเฉยชาขณะที่จับคอเสื้อของนางแล้วลากนางออกไป
ฉีเจิ้งสูดลมหายใจลึก แล้วนั่งลงช้าๆ
“ดูเหมือนว่าตอนนั้นข้าไม่ควรบอกเขาเรื่องตัวตนของเขาเลย”
เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว หลินฉิงให้กำเนิดบุตรชายคนโตของตระกูลฉีแต่ไม่มีคาดคิดว่าหลังจากที่เขาเกิดดอกไม้และพืชทั่วทั้งตระกูลฉีจะเหี่ยวเฉา เพราะแบบนั้นแพทย์ทำคลอดจึงบอกว่าการคงอยู่ของเขาเป็นลางร้ายและจะส่งผลต่ออนาคตของตระกูลฉี ดังนั้นเขาจึงบีบคอสังหารบุตรชายของเขาโดยไม่ลังเล!
และบังเอิญว่าภรรยาลับๆ ของเขาก็ให้กำเนิดบุตรชายซึ่งก็คือฉีมั่วในวันเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงแอบสับเปลี่ยนบุตรที่แท้จริงกลับบุตรปลอมแล้วพาฉีมั่วเข้าตระกูลฉีในฐานะของบุตรชายคนโต
ตอนนั้นหลินฉิงยังคงไม่ได้สติจากการเสียเลือดและโชคร้ายที่ถึงแม้ว่านางจะรอดแต่นางก็ไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก ดังนั้นนางจึงไม่ได้สังเกตว่าบุตรชายที่นางเลี้ยงดูมาจะไม่ใช่บุตรชายโดยสายเลือดของนาง
…………………………
ตอนที่ 1795 ตระกูลที่หน้าไม่อาย (4)
“ท่านผู้นำตระกูล”
ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ภายในห้องอย่างสำรวมด้วยความเคารพข้างๆ ฉีเจิ้งก็ได้ยินที่เขาพึมพำจึงพูดขึ้นว่า “ตอนนั้นอำนาจของตระกูลหลินมีมากกว่าตระกูลฉีและท่านก็หวาดกลัวท่านผู้นำหลินมากทำให้ท่านไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของคุณชายใหญ่ได้ แต่ว่าหลังจากนั้นตระกูลหลินก็เผชิญกับอุบัติเหตุใหญ่ ท่านถึงได้บอกความจริงคุณชายใหญ่ ที่สำคัญท่านยังอนุญาตให้คุณชายได้พบมารดาผู้ให้กำเนิด แต่ใครจะไปคิดว่าอวิ๋นเยว่ชิงจะปรากฏตัวแล้วรับคุณชายรองเป็นศิษย์กัน สุดท้ายท่านก็ไม่สามารถพามารดาของฉีมั่วเข้ามาในตระกูลได้”
“แต่ว่าตอนนี้…” ผู้อาวุโสหยุดไปชั่วครู่ก่อนพูดขึ้น “อวิ๋นเยว่ชิงตายไปแล้วดังนั้นท่านยังมีอะไรให้กังวลอีก”
นั่นสิ ตระกูลหลินก็ตกต่ำและหายไปแล้ว อวิ๋นเยว่ชิงก็ตายแล้ว คนที่จะปกป้องหลินฉิงและบุตรของนางก็ไม่มีอีกต่อไป เขายังต้องกลัวอะไรอีก
“อันที่จริง เหตุผลที่ข้าปกปิดเรื่องนี้ไว้มานานก็มีเหตุผลเพียงสองสามข้อเท่านั้น หนึ่ง อวิ๋นเยว่ชิงแข็งแกร่งเกินไปและสอง ข้าต้องการความแข็งแกร่งของนาง ถ้านางรู้ว่ามั่วเอ๋อร์และฉีเอ๋อร์ไม่ใช่พี่น้องโดยสายเลือดกัน นางก็คงไม่ช่วยตระกูลฉีแน่”
นี่เป็นเรื่องที่เขากลัวมากที่สุดในตอนนั้น อวิ๋นเยว่ชิงเย็นชาและยึดมั่นในความคิดของตัวเองอย่างมาก สิ่งที่นางรังเกียจที่สุดก็คือบุรุษที่มีภรรยาสามอนุสี่!
เมื่อปีนั้น เขาไม่กล้ารับอนุเพราะอยากได้ความช่วยเหลือของอวิ๋นเยว่ชิงทำให้ไม่ได้เจอหน้ามารดาของมั่วเอ๋อร์ถึงสิบปี! กลับกันเขาทุ่มเทดูแลหลินฉิงและบุตรของนางรวมถึงยังไม่รังเกียจนังขยะฉีหลิงด้วย!
ถ้าไม่ใช่เพราะการแสดงที่เก่งกาจของเขาแล้วล่ะก็ อวิ๋นเยว่ชิงก็ต้องรังเกียจตระกูลฉีแน่นอน!
“ผู้อาวุโส ท่านพูดถูกแล้ว ตอนนี้อวิ๋นเยว่ชิงก็ตายแล้วดังนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอีกต่อไป อีกอย่างตอนนี้ ตระกูลฉีก็มีอำนาจมากพอโดยไม่จำเป็นต้องได้ความช่วยเหลือจากนางอีกแล้ว” รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของฉีเจิ้ง
ถึงอย่างนั้นในใจเขาก็เกลียดชังอวิ๋นเยว่ชิงจนอยากฉีกตัวนางออกเป็นชิ้นๆ! ถ้าไม่ใช่เพราะนางล่ะก็ เขาก็คงไม่ต้องทำเรื่องหยามเกียรติมารดาของมั่วเอ๋อร์มาหลายปี ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือเขาจะได้ไม่ได้มาดูแลนังเฒ่าหลินฉิงเป็นสิบปี!
ทั้งหมดเป็นความผิดของอวิ๋นเยว่ชิง นางสมควรตายแล้ว!
ณ ตอนนี้ฉีเจิ้งไม่ได้รู้เลยแม้แต่น้อยว่าการกระทำทั้งหมดของเขาก็เพื่อให้ได้ความช่วยเหลือจากอวิ๋นเย่วชิง ถ้าเขาคิดจริงๆ ว่าตัวเองจะทำให้มารดาของฉีมั่วเสียใจ เขาก็สามารถปฏิเสธการช่วยเหลือจากอวิ๋นเยว่ชิงได้
เขาเพียงอยากได้ความช่วยเหลือจากคนอื่นและมีชีวิตสุขสบาย ทางเลือกที่ดีถึงขนาดนี้จะไปหาได้จากไหนอีก
“ลืมมันซะเถอะ ข้าไม่สนใจว่ามั่วเอ๋อร์จะทำอะไร เหตุใดข้าจะไม่รู้ว่าที่เขาอยากเปิดเผยความจริงก็เพราะต้องการพามารดาเขากลับมาที่จวนตระกูลฉีแล้วให้ฐานะที่คู่ควรกับนาง” ฉีเจิ้งยิ้มอย่างขมขื่น “หลายปีมานี้ ข้าปล่อยปละละเลยมารดาของมั่วเอ๋อร์จริงๆ และข้าก็ควรชดเชยให้นาง”
ถ้าฉีซูได้ยินคำพูดนี้ของฉีเจิ้ง เขาต้องกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธแน่
คนสารเลวนี่สังหารบุตรชายตัวเองและใช้บุตรชายอนุมาปลอมตัวเป็นพี่ชายของเขา หลายปีมานี้ยังใช้ชีวิตสุขสบายจากสิ่งที่อาจารย์ของเขาหามาแม้กระทั่งเมืองนี้ที่อาจารย์เขาเป็นพิชิตก็ตั้งใจจะยกให้บุตรชายอนุอีกงั้นหรือ
แล้วยังคิดว่าตัวเองทำให้มารดาของฉีมั่วเสียใจอีก เขาไม่เคยเห็นใครชั่วช้าหน้าไม่อายขนาดนี้มาก่อนเลย …
“เจ้าได้ยินข่าวนี้หรือยัง ร้านยาตระกูลฉีจะขายน้ำยาสมุนไพรพลังฌาน เขาลือกันว่าน้ำยาสมุนไพรนี้ช่วยในการฝึกพลังฌานด้วยนะ”
“เหอะ ไม่ใช่ว่าคนดูแลร้านยาตระกูลฉีอยู่ตอนนี้คือฉีซูที่ถูกไล่ออกจากตระกูลฉีหรอกหรือ ข้ามีญาติอยู่ในเมืองจักรพรรดิ เขาบอกข้าเองว่าตระกูลฉีห้ามขายสมุนไพรพลังฌาน ตามหลักแล้ว ฉีซูก็ไม่น่ามีสมุนไพรพลังฌานในมือ แล้วเขาจะเอาที่ไหนมาทำน้ำยาสมุนไพรพลังฌาน”
“เจ้าคิดว่าฉีซูขโมยสูตรมาจากตระกูลแล้วใช้สมุนไพรธรรมดาเพื่อทำน้ำยาสมุนไพรหรือเปล่า”
“ถ้าน้ำยาสมุนไพรใช้สมุนไพรธรรมดาสกัดออกมาล่ะก็ ข้าเกรงว่าผลลัพธ์จะต้องลดลงแน่นอน”