ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1796 ตระกูลที่หน้าไม่อาย (5) / ตอนที่ 1797 ตระกูลฉีที่หน้าไม่อาย (6)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1796 ตระกูลที่หน้าไม่อาย (5) / ตอนที่ 1797 ตระกูลฉีที่หน้าไม่อาย (6)
ตอนที่ 1796 ตระกูลที่หน้าไม่อาย (5)
ตอนนี้นครเฟิงหลินกำลังมีข่าวบางอย่างแพร่ไปทั่ว
ข่าวที่ว่าก็คืออีกสองวันร้านยาตระกูลฉีจะขายน้ำยาสมุนไพรพลังฌาน!
ด้วยข่าวที่ปล่อยออกมาอย่างกะทันหันแบบนี้ทำให้ทั่วทั้งนครเฟิงหลินตกอยู่ในความวุ่นวาย แต่ว่าทุกคนก็มีความคิดคล้ายกันคือพวกเขาไม่เชื่อว่าน้ำยาสมุนไพรที่ตระกูลฉีผลิตจะทำให้เกิดผลมากมายอะไร
“แม่นางอวิ๋น เป็นอย่างไรบ้างขอรับ” ฉีซูรีบเดินเข้ามาในเข้ามาสวนเมื่อเขาเห็นหญิงสาวนอนอยู่บนเตียงอย่างใจเย็น เขาก็วิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด “ตอนนี้เหลืออีกแค่สองวันเท่านั้นเอง ข้าเกรงว่าพวกเราจะทำช้าเกินไป”
อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบตามองฉีซูอย่างเฉยชา “กลับไปรอ อีกสองวันข้าจะเอาน้ำยาสมุนไพรพลังฌานมาให้เจ้าแน่”
ฉีซูที่ตอนแรกตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างก็กลืนเขาคำพูดของตัวเองลงไปเมื่อเห็นสีหน้าไร้ความกังวลของอวิ๋นลั่วเฟิง เขาสาบานแล้วว่าจะเชื่อใจนาง ในเมื่อนางบอกว่านางจะทำสำเร็จถ้าอย่างนั้นนางก็จะต้องไม่ผิดคำพูดแน่นอน
พูดตามตรง ตัวฉีซูเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดเขาถึงเชื่อใจอวิ๋นลั่วเฟิง อาจจะเป็นเพราะว่า…นางมีใบหน้าคล้ายอาจารย์ของเขาก็ได้ทำให้จิตใต้สำนึกของเขาเชื่อคำพูดของนาง
“เข้าใจแล้ว อีกสองวันข้าจะรอท่านอยู่ที่ห้องโถงนะขอรับ” เขามองอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกไป
“นายน้อยเจ้าคะ…”
ซืออวี่รอเขาอยู่ที่ห้องโถงมานานแล้วจนใบหน้าและดวงตาของนางเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“ข้าน้อยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้แล้วเจ้าค่ะ ท่านเยว่ชิงได้ทิ้งตำรับน้ำยาสมุนไพรพลังฌานไว้ให้นายน้อยหรือเจ้าคะ แต่ว่าถ้าไม่มีสมุนไพรพลังฌาน ตำรับนี้ก็…”
“ซืออวี่ ในเมื่อข้าทำแบบนี้ก็หมายความว่าข้ามีเหตุผลของข้า” ฉีซูขมวดคิ้ว เขาสัญญากับอวิ๋นลั่วเฟิงไว้แล้วว่าเขาจะไม่เปิดเผยตัวตนของนางแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นบ่าวของเขาเองหรือคนที่อาจารย์ของเขาทิ้งไว้ให้อย่างซืออวี่ เขาก็ไม่มีทางบอกนาง
“นายน้อย…” ซืออวี่กัดปาก “ข้าน้อยแค่กังวลเกี่ยวกับนายน้อยเท่านั้นเองเจ้าค่ะ ถ้าท่านทำไม่สำเร็จ คุณหนูก็จะถูกตระกูลฉีจับตัวไป” นางไม่เชื่อว่าฉีซูจะหาสมุนไพรพลังฌานมาได้ ถ้าก่อนหน้านี้เขามีสมุนไพรพลังฌาน เขาก็คงไม่ตกมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ “ยิ่งไปกว่านั้น ในเวลาแบบนี้ท่านยังมีเวลาว่างและอารมณ์ไปหาสตรีผู้นั้นอีกหรือเจ้าคะ” เมื่อซืออวี่เห็นว่าฉีซูเงียบ นางก็พูดขึ้นอย่างเสียใจ
ทันใดนั้นซืออวี่ก็รู้สึกได้ถึงสายตาเคร่งเครียดส่งมาให้นาง “ผู้หญิงคนนั้นที่เจ้าว่าหมายความว่าอย่างไร เจ้าควรจะรู้จักพูดให้สุภาพมากกว่านี้! อย่าคิดว่าแค่เพราะเจ้าเป็นคนที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้แล้วเจ้าจะทำตัวล้ำเส้นข้าได้ เมื่อปีนั้น อาจารย์ก็แค่เห็นว่าเจ้าพอจะมีพรสวรรค์ก็เลยช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ นางทิ้งเจ้าไว้ข้างกายข้าก็เพื่อให้ปกป้องข้าไม่ใช่ให้มาตัดสินใจแทนข้า!”
ซืออวี่หน้าซีดเผือด ตั้งแต่ที่นายน้อยถูกไล่มาที่เมืองเฟิงหลินเมื่อปีที่แล้ว นางก็ติดตามเขามาด้วย ระหว่างนั้นนางก็พบกับความยากลำบากแต่นางก็ยังพยายามอดทน
นางไม่คิดเลยว่านายน้อยจะตำหนินางเพราะสตรีที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง
“นายน้อย แค่เพราะว่านางมีใบหน้าคล้ายท่านเยว่ชิงแต่ความจริงแล้วพวกนางไม่ได้เกี่ยวข้องกันนะเจ้าคะ ได้โปรดท่านอย่าโดนนางหลอกเลยเจ้าค่ะ!”
สีหน้าของฉีซูเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “ซืออวี่ ดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่อาจารย์ไม่อยู่ ข้าจะสั่งสอนเจ้าได้ไม่ดี ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงให้เจ้าที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว เจ้าควรออกไปเถอะ”
เขาเป็นศิษย์ของอวิ๋นเยว่ชิงและซืออวี่ก็เป็นบ่าวที่อาจารย์ของเขาทิ้งเอาไว้
ในฐานะบ่าว นางกลับกล้าขัดคำสั่งของเจ้านาย แล้วเขาจะเก็บนางไว้ทำไม
…………………………
ตอนที่ 1797 ตระกูลฉีที่หน้าไม่อาย (6)
ดวงตาของซืออวี่ปรากฏความตื่นตระหนกก่อนนางจะรีบคุกเข่า “นายน้อย ข้าน้อยขอร้องนายน้อยอย่าไล่ข้าน้อยเลยเจ้าคะ ถ้าท่านเยว่ชิงกลับมาแล้วรู้เข้า นางต้องสังหารข้าน้อยแน่เลยเจ้าค่ะ!”
ฉีซูถอนหายใจเบาๆ สุดท้ายเขาก็ใจอ่อนกับซืออวี่อยู่ดี ถึงอย่างไรหนึ่งปีมานี้นางก็ต้องลำบากจากการติดตามเขาจริงๆ ดังนั้นเขาจะไล่นางออกไปในเวลาแบบนี้ได้อย่างไร
“ถ้าเจ้าให้ความเคารพแม่นางอวิ๋น ข้าก็จะยอมให้เจ้าอยู่แต่ถ้าเจ้าขัดคำสั่งข้าอีก ก็อย่าหาว่าข้าไม่สนใจความสัมพันธ์ในอดีตของพวกเราก็แล้วกัน!” ฉีซูปล่อยกลิ่นอายกดดันซืออวี่ออกจากร่างอย่างเผด็จการ
สีหน้าของซือวี่ซีดเผือดแล้วเกือบจะทรุดลงพื้นแต่นางก็ไม่กล้าเอ่ยปฏิเสธออกมาสักคำเดียว
“เจ้าไปได้แล้ว และอย่ายั่วโมโหแม่นางอวิ๋นอีก นางไม่ใช่คนที่เจ้าจะมีเรื่องด้วยได้” ฉีซูสะบัดมือและพูดอย่างเฉยชา
ถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงสามารถทำน้ำยาสมุนไพรพลังฌานได้จำนวนมากจริง สตรีผู้นี้ก็ไม่ใช่คนที่ซืออวี่จะต่อกรได้
“ข้าน้อยจะทำตามคำสั่งของนายน้อยเจ้าค่ะ”
ซืออวี่ลุกขึ้นจากพื้นแล้วก้มศีรษะจนสุดตัวเพื่อซ่อนสายตาที่ลุกโชนไปด้วยความโกรธและความไม่เต็มใจขณะที่นางถอยหลังออกไปช้าๆ …
ยังเหลือเวลาอีกสองวันก่อนจะสิ้นสุดข้อตกลงของฉีซูและตระกูลฉีก็จะมาถึง เมื่อตกกลางคืนอวิ๋นลั่วเฟิงหลบเข้าไปทำน้ำยาสมุนไพรพลังฌานในโลกคัมภีร์เซียนโอสถเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นจุดสนใจ ส่วนตอนกลางวันก็จะอ่านคัมภีร์วิชาแพทย์อยู่ที่ศาลา
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้นางสงสัยในช่วงสองวันนี้ก็คือถึงแม้ว่าซืออวี่จะแสดงสีหน้าเกลียดชังมากแค่ไหน นางก็ไม่ได้เยาะเย้ยหรือดูถูกอวิ๋นลั่วเฟิง รวมถึงไม่ได้ไล่นางออกไปด้วย อวิ๋นลั่วเฟิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นดังนั้นนางจึงไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงของซืออวี่ กลับกันนางนั่งอ่านคัมภีร์ในมืออย่างเคร่งเครียดแทน
พริบตาเดียวก็ผ่านไปสองวันและวันนี้ก็เป็นวันที่ตระกูลฉีจะขายน้ำยาสมุนไพรพลังฌาน
ฉีซูมารออวิ๋นลั่วเฟิงอยู่ที่ห้องโถงตั้งแต่เช้าตรู่และไล่ผู้ติดตามของเขาออกไปก่อนจะบอกให้ฉีหลิงคอยจับดูพวกเขาเอาไว้ด้านนอก เขาเห็นสตรีในชุดสีขาวเดินเข้ามาตั้งแต่ไกล ทันทีที่แสงอาทิตย์สาดส่องลงมากระทบใบหน้าของนางก็ทำให้เกิดเป็นภาพอันน่าหลงใหลจนผู้คนละสายตาไม่จากนางไม่ได้
ฉีซูกดความตะลึงของเขาเอาไว้และพูดขณะยกยิ้ม “แม่นางอวิ๋น ท่านมาแล้วหรือ”
เมื่อนางสะบัดธำมรงค์มิติก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือของนาง ใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มมีเสน่ห์และนัยน์ตาสีดำสนิทของนางก็ดูลึกล้ำไร้ก้นบึ้ง
“สิ่งนี้คือธำมรงค์มิติที่ข้าได้ใส่น้ำยาสมุนไพรพลังฌานไว้ด้านในแล้ว ตอนนี้ข้าจะมอบมันให้เจ้า”
หัวใจของฉีซูเต้นแรงขณะที่เขาเอื้อมไปหยิบธำมรงค์มิติด้วยนิ้วมือที่สั่นเทา
“แม่อวิ๋น น้ำยาสมุนไพรพลังฌานนี้มีผลอย่างไรขอรับ”
อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองฉีซูแล้วพูดว่า “สิ่งนี้คือน้ำยารวบรวมพลังฌาน!”
น้ำยารวบรวมพลังฌานที่นางเคยทำก่อนหน้านี้ไม่มีผลต่อคนที่แคว้นเฟิงอวิ๋น ดังนั้นนางจึงปรับเปลี่ยนตำรับยาก่อนหน้านี้และคิดค้นน้ำยารวบรวมพลังฌานนี้ขึ้นมา
“น้ำยารวบรวมพลังฌานมีผลมากกับผู้ฝึกฌานที่ขั้นต่ำกว่าขั้นเซียน ยกตัวอย่างเช่นหลังจากที่ผู้ฝึกฌานที่พึ่งจะผ่านด่านเลื่อนเป็นขั้นเซียนปราชญ์ระดับต่ำเมื่อดื่มน้ำยาสมุนไพรนี้เข้าไปก็จะสามารถเลื่อนเป็นระดับกลางได้ภายในครึ่งปี”
ภายในแคว้นเจ็ดเมืองการผ่านด่านเลื่อนเป็นขั้นเซียนยากเย็นมาก แต่ที่แคว้นเฟิงอวิ๋นแห่งนี้กลับไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย แต่ถึงอย่างนั้นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์ก็ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีในการผ่านด่านเลื่อนระดับ
เวลาครึ่งปีที่อวิ๋นลั่วเฟิงพูดถึงคือต่อให้พรสวรรค์ของเจ้าต่ำแค่ไหน เจ้าก็สามารถกลายเป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์ระดับกลางในภายในครึ่งปี ส่วนยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์ก็คิดได้เลยว่าพวกเขาจะทำสำเร็จภายในเวลาไม่กี่เดือน