ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1810 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (1) / ตอนที่ 1811 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (2)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1810 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (1) / ตอนที่ 1811 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (2)
ตอนที่ 1810 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (1)
นายท่านรองฉีมองด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนใบหน้าจะหม่นแสงลง “คุณชายรองฉี เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนมากตัณหางั้นหรือ รีบให้สตรีพวกนี้ออกไปเดี๋ยวนี้ ข้าไม่สนใจ”
“นายท่านรองฉี ท่านเข้าใจข้าน้อยผิดแล้ว ข้าน้อยตั้งใจจะขายผู้คุ้มกันให้ท่านต่างหาก”
ทันทีฉีซูพูด ร่างของพวกนางก็ปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังจนทำให้นายท่านรองฉีสะดุ้งแล้วขมวดคิ้ว
“ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนงั้นหรือ ข้ามีผู้คุ้มันขั้นเซียนอยู่ข้างกายข้าอยู่แล้ว ข้าเกรงว่าข้าจะไม่สนใจสิ่งที่เจ้าเสนอ”
ตอนนั้นเองสตรีชุดขาวที่นั่งอยู่ข้างฉีซูก็พูดขึ้น “ท่านลองสัมผัสดูว่าพวกนางมีอะไรแตกต่างไปหรือไม่”
เมื่อนายท่านรองฉีได้ยินเสียงของนาง เขาก็หันไปมองสตรีชุดขาว
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สนใจอวิ๋นลั่วเฟิงแต่เมื่อตอนนี้ได้เห็นใบหน้านางชัดๆ แล้ว เขาก็ได้รู้ว่าที่จริงนางงดงามมากแค่ไหน นางมีใบหน้างดงามน่าหลงใหลและดวงตาสีดำสนิทที่สุกสว่าง เมื่อยกยิ้มก็ทำให้เกิดความรู้สึกร้ายกาจ
ชุดสีขาวล้วนขับให้ผิวของนางขาวราวหิมะขณะที่เส้นผมนุ่มสลวยสยายเต็มแผ่นหลังคล้ายกับน้ำตก แต่ว่านายท่านรองฉีไม่ได้เป็นชายมากตัณหา ดังนั้นเขาจึงได้สติไม่นานหลังจากตกตะลึงไป
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม “องค์ชายรองของอาณาจักรเทียนฉีไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดของพวกนางจริงหรือ”
นายท่านรองฉีเหลือบมองอวิ๋นลั่วเฟิงก่อนจะหันไปมองสตรีที่ยืนนิ่งดุจหินผาทั้งสามคนนี้อีกครั้ง
เมื่อผ่านไปสักพักเขาก็สังเกตได้ถึงอะไรบางอย่างก่อนจะพูดขึ้นว่า “หุ่นเชิดงั้นหรือ” สตรีทั้งสามดูเหมือนไม่มีชีวิต
ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า…พวกนางเป็นหุ่นเชิด!
“ใช่แล้ว พวกนางเป็นหุ่นเชิดจริงๆ” อวิ๋นลั่วเฟิงใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ “ข้างกายองค์ชายรองไม่มีทางขาดยอดฝีมือขั้นเซียนอยู่แล้ว แต่ท่านมั่นใจหรือว่าพวกเขาจะไม่ทรยศท่าน ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีคนจับตัวครอบครัว คนรักหรือบุตรหลานพวกเขาเอาไว้…พวกเขาจะยังภักดีต่อท่านเหมือนเดิมงั้นหรือ”
ทุกคนต่างก็มีจุดอ่อนกันทั้งนั้น และเมื่อศัตรูของพวกเขากำจุดอ่อนเหล่านี้ไว้ ชีวิตของเขาก็จะตกอยู่ในความเสี่ยงทันที!
ใบหน้าของนายท่านรองฉีแข็งค้าง ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้เชื่อมั่นว่าคนรอบตัวเขาจะจงรักภักดีต่อเขาตลอดไป
“แต่ว่า หุ่นเชิดเหล่านี้ไม่เหมือนกัน” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มบาง “พวกเขาไม่มีชีวิตและรู้จักเพียงแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาไม่มีทางทรยศท่านเด็ดขาด!”
นายท่านรองฉีเงียบกริบ เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิงล่อตาล่อใจเขามากจริงๆ
“ยิ่งไปกว่านั้น…” อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดก่อนพูดต่อ “หุ่นเชิดเหล่านี้ไม่ใช่แค่ไม่ทรยศท่าน แต่พวกเขาไม่เจ็บไม่ตาย ถ้ามีพวกเขาอยู่ข้างกายก็เท่ากับมีกองทัพอมตะ!”
หุ่นเชิดเหล่านี้มีความสามารถคล้ายกับกองทัพโครงกระดูกของอวิ๋นลั่วเฟิง พวกเขาไม่มีชีวิตทำให้ไม่เจ็บไม่ตาย ตราบใดที่ร่างกายของพวกเขาไม่ได้ถูกฉีกกระชากหรือกระดูกของพวกเขาไม่ได้ถูกบดขยี้ พวกเขาก็สามารถยืนขึ้นแล้วต่อสู้ได้ไม่ว่าจะบาดเจ็บแค่ไหน
“ตกลง!” อวิ๋นลั่วเฟิงโน้มน้าวนายท่านรองฉีสำเร็จเรียบร้อย “ข้าจะรับหุ่นเชิดเหล่านี้ไว้ ถ้าเจ้ามีหุ่นเชิดอีก ได้โปรดขายพวกมันให้ข้าด้วย”
“ต้องขออภัยด้วยแต่หุ่นเชิดที่ข้าให้ท่านเป็นจำนวนทั้งหมดแล้ว หลังจากนี้อีกสักพัก ฉีซูจะเริ่มขายหุ่นเชิดพวกนี้ในร้าน ตอนนั้นท่านก็ค่อยมาซื้อที่ร้านก็แล้วกัน” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มแล้วค่อยๆ ยืนขึ้น
“เข้าใจแล้ว!” นายท่านรองฉีพยักหน้า “แต่ว่า ข้ามีข้อต่อรอง เจ้าจะขายหุ่นเชิดเหล่านี้ให้ใครก็ได้แต่ห้ามขายให้องค์ชายของอาณาจักรเทียนฉีคนอื่น”
…………………………
ตอนที่ 1811 ตระกูลฉีหาเรื่องใส่ตัว (2)
“ข้าจะช่วยโน้มน้าวฉีซูให้ก็แล้วกัน” อวิ๋นลั่วเฟิงผลักความรับผิดชอบไปให้ฉีซูแทนที่จะบอกว่านางทำได้ ถึงอย่างไรตอนนี้นางก็ยังไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่านางสามารถสร้างหุ่นเชิดได้
อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้ถามเหตุผล ทุกคนต่างก็มีความลับกันทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นนายท่านรองฉีก็มาจากตระกูลราชวงศ์ ดังนั้นความลับของเขาก็คงไม่พ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางจึงไม่ได้อยากรับรู้ไปมากกว่านี้
“นายน้อย นายน้อย!” ทันใดนั้นก็มีเสียงตื่นตระหนกดังขึ้นจากด้านนอก
ฉีซูรีบยืนขึ้นแล้วผลักประตูให้เปิดออกอย่างแรงก่อนลุงจ้าวก็เดินโซเซเข้ามาด้านใน
“นายน้อย เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วขอรับ! ผู้นำตระกูลพาคนของตระกูลฉีมาที่นี่แล้วจับตัวคุณหนูที่บังเอิญมาที่ร้านโอสถไปขอรับ พวกเขาบอกว่าจะพาคุณหนูกลับไปเพื่อส่งให้ไปเป็นอนุของผู้เฒ่าเฉียนขอรับ”
“อะไรนะ” ฉีซูตัวสั่นจนเกือบล้ม เขารีบหันหลังไปประสานหมัดเคารพนายท่านรองฉี “นายท่านรองฉี ข้าน้อยมีบางอย่างต้องไปจัดการดังนั้นคงต้องขอตัวก่อน” พูดจบเขาก็พุ่งออกจากประตูอย่างรวดเร็วดุจสายลม
นายท่านรองฉีขมวดคิ้ว “ตระกูลฉีนี่มันคอยแต่จะสร้างปัญหาไร้สาระจริงๆ! ข้าเองพึ่งจะทำข้อตกลงกับฉีซูเสร็จดังนั้นข้าไม่มีทางยอมให้ฉีซูพ่ายแพ้ต่อตระกูลฉีแน่! บ่าวทั้งหลาย ไปที่ร้านโอสตระกูลฉีกับข้า!”
เขาอยากจะเห็นนักว่าตระกูลฉีจะรังแกผู้คนอย่างไร! …
คนที่อยู่ด้านนอกร้านโอสถจับกลุ่มกันดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ฉีมั่วพุ่งเข้าไปในร้านโอสถแล้วลากตัวฉีหลิงที่ซ่อนอยู่ในที่หลบภัยหลังโต๊ะจ่ายเงิน ใบหน้าบอบบางของนางถูกตบอย่างโหดร้าย
ฉีหลิงมึนงงแล้วน้ำตาของไหลออกจากดวงตาใสซื่อของนาง ร่างของนางสั่นขณะที่นางกำลังกัดปากโดยที่ไม่พูดอะไร
“ไอ้เด็กเหลือขอ เจ้ากล้าซ่อนตัวงั้นหรือ! ตระกูลฉีเลี้ยงดูขยะอย่างเจ้ามาหลายปีแต่ตอนนี้เจ้ากลับทำตัวอกตัญญู!” ฉีมั่วกระชากผมของฉีหลิงแล้วลากนางออกมาจากโถงโอสถ
“คุณหนู!”
ผู้ติดตามของฉีมั่ววิ่งเข้ามาเพื่อหยุดเขาแต่กลับถูกยอดฝีมือที่ตระกูลฉีพามาขวางทางเอาไว้ พวกเขาทำได้แค่มองฉีมั่วลากฉีหลิงออกไป
ฉีเจิ้งมองทั้งคู่อยู่ด้านนอกอย่างเย็นชา ใบหน้าของเขานิ่งสนิทเหมือนกับว่าเด็กผู้หญิงที่ฉีมั่วทำร้ายและทุบตีไม่ใช่บุตรสาวโดยสายเลือดของเขา
เมื่อเห็นสายตาเหยียดหยามของคนรอบข้าง ฉีเจิ้งก็กระแอมและพูดขึ้น “ทุกท่าน ถึงแม้ว่าฉีหลิงจะเป็นบุตรสาวของข้าแต่นางก็ทำตัวเกเรมาตั้งแต่ยังเล็กทำให้ต้องได้รับการสั่งสอน! นางอาจจะพึ่งอายุห้าปีแต่นางก็เรียนรู้ที่จะยั่วยวนคนอื่นแล้ว! บุรุษผู้หนึ่งมาที่จวนตระกูลฉีเพื่อตามหานางดังนั้นข้าก็ไม่มีทางเลือกนอกจากพานางกลับไป”
ฉีเจิ้งส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง
อย่างที่สุภาษิตเคยบอกไว้ อย่าเปิดฝาเรือนให้เพื่อนบ้านดู ฉีหลิงไม่ได้ทำเรื่องเหล่านี้แต่ต่อให้นางทำจริง การที่เขาพูดว่าบุตรสาวของตัวเองไปยั่วยวนบุรุษก็เท่ากับทำให้ตระกูลฉีเสื่อมเสียชื่อเสียงไม่ใช่หรือ
ฉีหลิงน้ำตาร่วงเต็มไปใบหน้าที่สิ้นหวังของนาง “ข้า…ข้าไม่ได้…”
ตอนแรกฉีมั่วไม่รู้ว่าบิดาตั้งใจจะพูดถึงอะไรแต่แล้วก็พลันเข้าใจเมื่อเห็นว่าฉีหลิงเริ่มพูด เขาจับศีรษะของนางกระแทกเข้ากับผนัง
“นังเด็กไม่รักดี เจ้ายังกล้าปฏิเสธอีกหรือ ในฐานะพี่ชาย วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง ดูซิว่าเจ้ายังจะกล้าทำให้ตระกูลฉีอับอายอีกไหม!”
เมื่อศีรษะของฉีหลิงกระแทกเข้ากับผนังก็ทำให้เลือดไหลออกมาเป็นสาย ใบหน้าของนางซีดเผือดและตัวนางก็สั่นแรงขึ้น