ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1818 องค์หญิง วิ่ง! (1) / ตอนที่ 1819 องค์หญิง วิ่ง! (2)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1818 องค์หญิง วิ่ง! (1) / ตอนที่ 1819 องค์หญิง วิ่ง! (2)
ตอนที่ 1818 องค์หญิง วิ่ง! (1)
“ที่นี่คือส่วนลึกของหุบผาหลิงชวน ดังนั้นน่าจะไม่มีใครมารบกวนพวกเรา” อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดเดินแล้วหันไปหาเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ข้างๆ แล้วถามว่า “ฉีหลิงเจ้าเตรียมตัวหรือยัง”
เด็กหญิงตัวน้อยกัดปากเบาๆ ความมุ่งมั่นปรากฏในดวงตาสดใสของนาง “ข้าเตรียมตัวแล้วเจ้าค่ะ”
อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มร้าย “ข้าไม่มีผลไม้พลังฌานมาช่วยเจ้า ดังนั้นนี่อาจจะเจ็บสักหน่อย ถ้าเจ้าสามารถทนได้ เจ้าก็จะไม่ได้เป็นขยะอีกต่อไป”
ความจริงแล้วอวิ๋นลั่วเฟิงรู้วิธีที่สามารถช่วยฉีหลิงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่นางได้เจอฉีหลิงแล้ว แต่ว่าวิธีการนั้นเจ็บปวดมากดังนั้นนางจะทนไหวด้วยวัยเพียงเท่านี้ได้อย่างไร ดังนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงจึงไม่เคยพูดว่าตนเองสามารถช่วยนางได้ จนกระทั่งเมื่อสองสามวันก่อนตอนที่ฉีหลิงพูดคำเหล่านั้นออกมาที่ด้านนอกร้านโอสถตระกูลฉีจึงทำให้อวิ๋นลั่วเฟิงตัดสินใจยื่นมือช่วย
“พี่หญิงอวิ๋น หลิงเอ๋อร์ไม่กลัวเจ้าค่ะ” แสงอาทิตย์สะท้อนในดวงตาของนางเกิดเป็นประกายความหวัง
“ถ้าอย่างนั้นอย่างแรกก็นั่งลงแล้วพยายามโคจรพลังฌาน เจ้าน่าจะรู้วิธีฝึกพลังฌานอยู่แล้ว เจ้าต้องอดทนไม่ว่าจะเจ็บปวดสักแค่ไหนก็ตาม ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าตาย” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดอย่างมั่นใจขณะมองฉีหลิง
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” ฉีหลิงนั่งขัดสมาธิขณะที่กำลังนึกถึงวิธีฝึกพลังฌานที่อวิ๋นเยว่ชิงเคยสอนนาง
พลังฌานไหลมารวมกันที่ด้านหน้าของนางแล้วค่อยๆ ก่อตัวเป็นหมอกหนา หมอกหนานี้ไหลเข้าสู่ร่างของฉีหลิงผ่านทางรูขุมขนแต่ทันใดนั้นความเจ็บปวดก็พุ่งแปลบจนทำให้ฉีหลิงสั่นสะท้านและหน้าซีดเผือดไปทันที
ขณะเดียวกันก็มีมือข้างหนึ่งวางบนแผ่นหลังของนางและพลังอบอุ่นสายหนึ่งก็ไหลผ่านจากมือเข้าสู่ร่างกายของนางเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของนาง
แต่ว่าการฝึกพลังฌานของฉีหลิงต่างจากตอนที่อวิ๋นเซียวดึงแก่นเลือดออกจากหัวใจของเขา พลังฌานในโลกคัมภีร์เซียนโอสถสามารถทำให้อวิ๋นเซียวชาแล้วไม่เจ็บปวดขณะที่เขาดึงแก่นเลือดออกมาได้ แต่ไม่สามารถทำให้ฉีหลิงไม่เจ็บเลยได้
ดังนั้นร่างของนางจึงกระตุกทุกครั้งที่พลังฌานไหลผ่าน แต่นางก็กัดปากไม่ยอมส่งเสียงออกมา
“ฉีหลิง ถ้าเจ้าทนไม่ไหวก็ไม่ต้องกังวล พวกเราสามารถรอให้ข้าหาผลไม้พลังฌานมาช่วยเจ้าฝึกพลังฌานได้” เสียงของอวิ๋นลั่วเฟิงดังขึ้นจากด้านหลังของฉีหลิงแต่ก็ไม่สามารถทำให้จิตใจของนางหวั่นไหวได้แม้แต่นิดเดียว
นางสามารถพูดอึกอักได้แค่ไม่กี่คำเพราะความเจ็บปวด “อยากไปหา…ท่านป้าอวิ๋น”
นางจะยอมแพ้ไม่ได้!
เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงเห็นอย่างนั้น นางก็ไม่ได้พูดอะไรอีกแล้วส่งพลังฌานเข้าไปในร่างของฉีหลิงอย่างสงบ พลังฌานไม่สามารถสลายความเจ็บปวดของนาง แต่สามารถช่วยชีวิตนางได้!
ตราบใดที่ฉีหลิงสามารถโคจรพลังฌานไปตามเส้นเลือดได้ นางก็จะไม่ต้องเจอกับความเจ็บปวดมหาศาลเวลาฝึกพลังฌานอีกต่อไป แค่ก้าวแรกก็เป็นอันตรายถึงชีวิตแล้ว!
พลังฌานภายในร่างของนางก็มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วพยายามจะทำลายเส้นเลือดของนาง ฉีหลิงเริ่มตัวสั่นเพราะการรวบรวมพลังฌาน
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามฉีหลิงก็อายุเพียงห้าปี นางสามารถอดทนไม่ส่งเสียงแต่ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ ใบหน้าบอบบางและใสกระจ่างของนางเต็มไปด้วยน้ำตาอย่างรวดเร็ว
ถ้าไม่ใช่เพราะความมุ่งมั่นในจิตใจของนาง นางอาจจะยอมแพ้ไปแล้ว…
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ท้องฟ้าเปลี่ยนจากรุ่งเช้าเป็นยามเย็น
ฉีหลิงใกล้จะหมดสติจากความเจ็บปวดแต่เพราะพลังฌานที่อวิ๋นลั่วเฟิงส่งมาให้นางทำให้ความคิดของนางกระจ่างใส
ในที่สุด…เมื่อถึงตอนที่ฉีหลิงไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดต่อไปได้อีกก็ได้ยินเสียงระเบิดขึ้น ร่างกายของนางไม่สามารถพยุงตนเองได้อีกและล้มลงไป
…………………………
ตอนที่ 1819 องค์หญิง วิ่ง! (2)
แต่ก่อนที่ร่างกายของนางจะถึงพื้นก็มีแขนคู่หนึ่งมารับนางไว้จากด้านหลัง
“พี่หญิงอวิ๋น…ข้าทำสำเร็จหรือไม่เจ้าคะ” ฉีหลิงยิ้มอย่างโศกเศร้าด้วยใบหน้าถอดสี ลมหายใจของนางอ่อนแรงราวกับว่านางจะหายไปได้ทุกเมื่อ
อวิ๋นลั่วเฟิงรีบหยิบสมุนไพรพลังฌานออกมาจากโลกคัมภีร์เซียนโอสถแล้วป้อนนาง เมื่อฉีหลิงได้กินสมุนไพรพลังฌานเข้าไป นางก็ค่อยๆ ฟื้นฟูอย่างช้าๆ
“เจ้าทำสำเร็จแล้ว เจ้าไม่ใช่ขยะอีกต่อไปแล้ว”
คำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้ทำให้ฉีหลิงมีความสุข นางก้มหน้าแล้วพูดอย่างผิดหวังว่า “ถ้าตอนนั้นข้าอายุมากพอ ข้าไม่มีทางยอมให้ท่านป้าอวิ๋นไปเสี่ยงแน่ แล้วนางก็คงไม่ทิ้งท่านพี่กับข้าไว้…
…พี่หญิงอวิ๋น ท่านรู้หรือไม่ว่านอกจากท่านพี่แล้ว ท่านป้าอวิ๋นเป็นคนที่ดูแลข้าอย่างดีที่สุด ดียิ่งกว่าท่านแม่เสียอีก! ปีที่แล้วตอนที่ข้ากับท่านพี่ถูกไล่ออกมาจากตระกูลฉี ท่านแม่ก็ทำแค่ยืนดูเฉยๆ” ฉีหลิงเอาแต่ก้มหน้า “ข้ารู้ว่านางไม่แข็งแกร่งพอจะต่อต้านท่านพ่อแต่…เหตุใดนางถึงไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว แค่พูดสักคำก็เพียงพอแล้ว อย่างน้อย…ข้าก็จะได้ไม่รู้สึกแย่ขนาดนี้”
นางไม่ได้เกลียดมารดาหรือไม่พอใจอะไรท่าน นางก็แค่รู้สึกเสียใจที่มารดาไม่แม้แต่จะกล้าพูดออกมาสักคำเดียวเพราะว่ามารดาขี้ขลาดแล้วทำเพียงแค่มองพวกนางออกมาจวนตระกูลฉีด้วยความสิ้นหวัง
แม้แต่ท่านป้าอวิ๋นที่ไม่ได้เกี่ยวพันทางสายเลือดกับนางยังยินดีออกไปเสี่ยงชีวิตเพื่อนางแล้วเหตุใดมารดาของนางถึงอ่อนแอนัก ไม่ใช่ว่าเคยมีคนพูดว่าสตรีอาจจะอ่อนแอแต่จะกลายเป็นมารดาที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อหรอกหรือ ถ้าในอนาคตนางมีบุตร นางจะไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาโดนรังแกแน่นอน!
“ดีแล้ว ข้าไม่ใช่ขยะอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะปกป้องท่านพี่! แล้วข้าก็ยังต้องออกไปตามหาท่านป้าอวิ๋นที่ป่าบททดสอบสวรรค์ด้วย”
เมื่อฉีหลิงพูดประโยคสุดท้ายจบ ดวงตาของนางก็เป็นประกายราวกับเป็นคนละคน ความจริงแล้วอวิ๋นลั่วเฟิงก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงมีความรู้สึกดีต่อฉีหลิงแม้ว่าจะรู้จักฉีหลิงได้ไม่นาน ความชื่นชอบนี้เกิดขึ้นมาเองดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าเกิดมาจากอะไร
“ฉีหลิง ข้าให้สมุนไพรพลังฌานจำนวนมากกับเจ้า พลังฌานบริสุทธิ์ยังคงไหลเวียนอยู่ในร่างกาย เจ้า ดูดซับพลังฌานเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของเจ้าซะ” …
ตอนแรกอวิ๋นลั่วเฟิงคิดว่ามาที่นี่แค่หนึ่งเดือนก็น่าจะเพียงพอ แต่ใครจะไปรู้ว่ากว่าฉีหลิงจะฝึกพลังฌานเสร็จก็ผ่านไปสามเดือนแล้ว
สามเดือนที่ผ่านมาอวิ๋นลั่วเฟิงเองก็ไม่ได้ละเลยการฝึกพลังฌานของนางและจะออกไปหาสัตว์วิญญาณอสูรมาสู้ด้วยเป็นพักๆ ซึ่งทำให้พลังฌานในขั้นเซียนของนางแข็งแกร่งและมั่นคงขึ้น
แน่นอนว่าอวิ๋นลั่วเฟิงได้รับผลประโยชน์ครั้งใหญ่ตอนที่นางบังเอิญเจอถ้ำภูเขาเมื่อเดือนที่แล้ว นางพบว่าในถ้ำมีศพจำนวนมากและด้วยเหตุผลบางอย่างกลิ่นอายความตายของพวกเขาไม่ได้หายไปแต่ถูกเก็บสะสมเอาไว้ในถ้ำแทน
ดังนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงจึงปล่อยกองทัพโครงกระดูกออกมาเพื่อซึมซับกลิ่นอายความตายจนทำให้ความแข็งแกร่งของกองทัพโครงกระดูกพุ่งขึ้นไปอยู่ในขั้นปราชญ์ระดับสูงแล้วเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะถึงขั้นเซียน
ถึงแม้ว่ากองทัพโครงดูกจะอยู่แค่ในขั้นปราชญ์ระดับสูง แต่อวิ๋นลั่วเฟิงก็เชื่อว่าพวกเขาไม่มีทางแพ้ให้กับผู้ฝึกฌานขั้นเซียน
แล้วเพราะความแข็งแกร่งของกองทัพโครงกระดูกเพิ่มขึ้นจึงส่งผลให้ความแข็งแกร่งของอวิ๋นลั่วเฟิงก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเหมือนกัน หนูหาทองเองก็กินสมุนไพรพลังฌานทุกต้นที่พวกเขามีตลอดสามเดือนดังนั้นพวกเขาก็เลื่อนระดับขึ้นเป็นขั้นปราชญ์ ไหน่ฉาและราชินีหนูก็อยู่ที่จุดคอขวดก่อนจะผ่านด่านสู่ขั้นเซียน
น่าเสียดายที่หั่วหั่วและฉาฉาหายังวิธีเพิ่มพลังไม่ได้ ส่วนเสี่ยวโม่ เขาก็ไม่รีบเพราะความแข็งแกร่งของเขาขึ้นอยู่กับโลกคัมภีร์เซียนโอสถ