ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1852 อย่าให้พวกเขาได้ไปแม้แต่ตำลึงเดียว (9) / ตอนที่ 1853 อย่าให้พวกเขาได้ไปแม้แต่ตำลึงเดียว (10)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1852 อย่าให้พวกเขาได้ไปแม้แต่ตำลึงเดียว (9) / ตอนที่ 1853 อย่าให้พวกเขาได้ไปแม้แต่ตำลึงเดียว (10)
ตอนที่ 1852 อย่าให้พวกเขาได้ไปแม้แต่ตำลึงเดียว (9)
เฟยเฟยก้มหน้าแล้วสะอึกสะอื้นเบาๆ เป็นพักๆ ดังนั้นฉีเจิ้งจึงไม่สังเกตเห็นสายตาโหดเหี้ยมที่แอบอยู่ในดวงตาของนางทันทีที่นางก้มหน้า …
ในเมื่อฉีซูย้ายกลับมา เขาจึงพาช่างตีเหล็กชราและภรรยามาที่ตระกูลฉีด้วย ตอนนี้ตระกูลฉีก็กลับมาอยู่ในมือของฉีซูแล้ว เขายังเข้าควบคุมสมบัติทั้งหมดในคลังด้วย แต่ว่าเขาก็รู้ดีว่าต้องมีวันที่พระสนมฉินรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลฉี! ดังนั้นเขาจึงต้องพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ตอนนี้ร้านโอสถของอวิ๋นลั่วเฟิงก็เปิดทำการแล้วด้วย ชื่อว่าโถงโอสถผสานฌาน
ข่าวเรื่องที่น้ำยาผสานฌานปรากฏขึ้นในนครเฟิงหลินก็แพร่ไปอย่างกว้างขวางตั้งแต่เมื่อสองสามเดือนก่อน ตอนนี้เมื่อทุกคนได้ยินชื่อ โถงโอสถผสานฌาน หลายๆ คนก็เชื่อมโยงร้านเข้ากับน้ำยาผสานฌานในนครเฟิงหลิน ดังนั้นแม้ว่าโถงโอสถจะตั้งอยู่ในพื้นที่รกร้างในเขตประจิม ก็มีผู้ฝึกฌานจำนวนมากมาเพื่อน้ำยาสมุนไพรจนทำให้กลายเป็นพื้นที่ที่คนพลุกพล่าน
“ทุกท่าน นอกจากน้ำยาผสานฌานแล้ว ร้านโอสถของพวกเราก็ยังขายอย่างอื่นด้วยนะขอรับ!” ผู้จัดการจ้าวต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มขณะที่พูดอย่างสุภาพ
คนที่แห่กันไปฉกฉวยน้ำยาผสานฌานก็หันไปตามเสียงของเขา
“เด็กๆ เอาหุ่นเชิดออกมา!” ผู้จัดการจ้าวไม่อธิบายอะไรมากแต่สั่งให้นำสินค้าออกมาแทน
ทันทีที่เขาพูดจบ ชายสองคนก็ลากกรงออกมาสองสามกรง เมื่อทุกคนเห็นว่าภายในมีมนุษย์อยู่ก็หน้าซีดด้วยความกลัว
“มนุษย์งั้นหรือ โถงโอสถผสานฌานค้ามนุษย์ด้วยงั้นหรือ”
“ไม่ใช่ เจ้าไม่ได้ยินที่ผู้จัดการจ้าวพูดก่อนหน้านี้หรือ ทั้งหมดนี่คือหุ่นเชิด”
“หุ่นเชิดรึ มีคนบนโลกนี้ที่สามารถสร้างหุ่นเชิดได้ด้วยงั้นหรือ นี่เป็นเรื่องจริงหรือว่าข้ากำลังฝันอยู่”
ทุกคนรู้ว่าหุ่นเชิดคืออะไร แต่ว่าพวกเขาเคยได้ยินแต่ชื่อและไม่เคยเห็นในชีวิตจริง ตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นกรงถูกลากออกมาทีละกรง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง
ไม่นานหลังจากนั้น ผู้จัดการจ้าวก็พูดต่อ คำพูดของเขาราวกับมีค้อนหนักๆ มาทุบจิตใจของทุกคน
“หุ่นเชิดพวกนี้มีความสามารถเท่าผู้ฝึกฌานขั้นเซียน! ท่านจินตนาการได้หรือไม่ว่าหมายความว่าอย่างไร” ผู้จัดการจ้าวไม่ได้พูดอะไรอีก แต่แค่ประโยคสุดท้ายของเขาก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงแล้ว
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่หุ่นเชิดแต่ยังเป็นหุ่นเชิดขั้นเซียนอีกด้วยงั้นหรือ ถ้าพวกเขาซื้อมาได้ก็หมายความว่าตระกูลของพวกเขาจะมียอดฝีมือขั้นเซียน!
พระเจ้า! นี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถนึกภาพออกได้เลย!
แน่นอนว่าถึงแม้ว่าทุกคนจะตะลึงแต่พวกเขาก็รู้ดีว่าหุ่นเชิดขั้นเซียนไม่เหมือนกับน้ำยาผสานฌาน หุ่นเชิดเป็นสิ่งที่พวกเขาซื้อไม่ได้ด้วยเงิน
“หุ่นเชิดเหล่านี้พิเศษมาก เพราะวัตถุดิบที่หายากและการผลิตก็ยากยิ่งกว่า พวกเราจึงมีหุ่นเชิดขายแค่เดือนละสามตัวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น…” ผู้จัดการจ้าวหยุดไปชั่วครู่ “เนื่องจากคำขอของผู้นำตระกูล พวกเราจึงไม่รับเงินเพื่อแลกเปลี่ยนกับหุ่นเชิด พวกท่านต้องนำของมีค่ามาแลก ถ้าอย่างเดียวไม่พอ ท่านก็สามารถนำมาหลายๆ อย่างเพื่อรวมกันให้เท่ากับราคาของหุ่นเชิดได้” เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ความวุ่นวายก็ขยายไปทั่วฝูงชน
“ผู้จัดการจ้าว พวกเราจะเอาของอะไรมาแลกกับหุ่นเชิดได้บ้าง”
ผู้จัดการจ้าวเคยถามฉีซูเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วและฉีซูก็ไปถามอวิ๋นลั่วเฟิงมาอีกที หลังจากที่ได้ยินคำถาม ผู้จัดการจ้าวก็ตอบทันทีว่า “ดวงใจแร่ดารา!”
ดวงใจแร่ดาราต่างจากแร่ดาราปกติ ดวงใจแร่ดารามาจากแก่นทั้งหมดของแร่ดาราซึ่งล้ำค่าและหายากมาก แต่ว่าหุ่นเชิดขั้นเซียนก็เหมาะสมกับราคาของชิ้นนี้!
“ผู้จัดการจ้าว น้ำยาผสานฌานที่ท่านขายใช่น้ำยาสมุนไพรจากนครเฟิงหลินที่เขาลือกันก่อนหน้านี้หรือเปล่า”
…………………………
ตอนที่ 1853 อย่าให้พวกเขาได้ไปแม้แต่ตำลึงเดียว (10)
ผู้จัดการจ้าวยิ้ม “ใช่แล้วขอรับ”
“ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าของร้านโอสถผสานฌานเป็นใคร” ชายหนุ่มยังถามต่อ
เมื่อได้ยินคำถามผู้จัดการจ้าวก็ไม่ได้รำคาญแม้แต่น้อย และยังตอบคำถามต่อ “ยกโทษให้ข้าด้วยที่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลให้ท่านได้”
คนผู้นั้นก็ยังไม่พอใจกับคำตอบ แต่ตอนที่เขาตั้งใจจะถามต่อก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง
“หลีกทางไป ทุกคนหลีกทางไปเดี๋ยวนี้!”
ทุกคนสะดุ้งแล้วเขยิบไปด้านข้าง ไม่นานภายใต้สายตาของทุกคน ทหารกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามา ผู้นำกลุ่มคือชายวัยกลางคนที่มีแสดงสีหน้าหยิ่งยโส รอยแผลเป็นบนใบหน้าทำให้เขาดูอันตราย ขณะที่ดวงตามีประกายดุร้ายและกระตือรือร้น
“จับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับร้านโอสถไปให้หมด!”
อะไรนะ
เมื่อได้ยินคำสั่งของเขาทุกคนก็ชะงัก เหตุใดเจ้าหน้าที่พวกนี้ถึงมาจับพวกเขา
“แม่ทัพหลี่ ท่านไม่ทำเกินไปหน่อยหรือ” ฉีซูเดินออกมาจากด้านหลังของผู้จัดการจ้าวด้วยสีหน้าเย็นชา “พนักงานของพวกเราทำอะไรผิด ท่านถึงมาจับพวกเรา”
ทันทีที่แม่ทัพหลี่เห็นฉีซูเขาก็สะดุ้งแล้วชะงักไปชั่วครู่ “เจ้าเป็นเจ้าของร้านโอสถผสานฌานงั้นหรือ”
“ไม่ใช่ ข้าทำงานให้คนคนหนึ่ง” ฉีซูขมวดคิ้ว “แม่ทัพหลี่ ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าท่านมาทำอะไรที่นี่”
“ฮึ่ม!” แม่ทัพหลี่ส่งเสียงขึ้นจมูก ถึงแม้ว่าฉีซูจะออกมาแต่แม่ทัพก็ไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย “ตำรับน้ำยาผสานฌานมาจากพระราชวังและก่อนหน้านี้ก็ถูกขโมยออกมา ในเมื่อตอนนี้ร้านโอสถผสานฌานขายน้ำยานี้ ก็พิสูจน์แล้วว่าเจ้าเข้าไปในพระราชวังแล้วขโมยออกมา! ทหารจับพวกมันให้หมดและปิดร้านโอสถนี่ซะ”
ฉีซูขมวดคิ้ว ในที่สุดเขาก็เข้าใจวัตถุประสงค์ที่แม่ทัพหลี่มาที่นี่ ตอนแรกเขาคิดว่ากว่าคนพวกนั้นจะมาแย่งตำรับยาไปก็น่าจะใช้เวลาสักพัก แต่ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะมาตั้งแต่วันแรกที่เปิดร้าน ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนได้ยินข่าวเรื่องน้ำยาผสานฌานแล้วเกิดอยากได้ขึ้นมา
“ตามที่แม่ทัพหลี่พูดมา ตำรับน้ำยาสมุนไพรนี่มาจากพระราชวัง แม้แต่วิธีผลิตหุ่นเชิดพวกนี้ก็มาจากพระราชวังด้วยเหมือนกันงั้นหรือ” ฉีซูเลิกคิ้วด้วยดวงตาที่เป็นประกายเย็นชา
“ใช่แล้ว!” แม่ทัพหลี่เชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง เขาทำตามคำสั่งของพระสนมฉิน ในอนาคตนางจะกลายเป็นจักรพรรดินีม่าย เมื่อนางชื่นชอบอะไร ใครจะไปกล้าขัดใจนาง
“อะไรนะ น้ำยาผสานฌานถูกขโมยมาจากพระราชวังงั้นหรือ แม้แต่วิธีผลิตหุ่นเชิดก็ด้วยรึ”
“คนพวกนี้กล้าหาญจริงๆ ที่ไปขโมยของจากพระราชวัง ตอนนี้ทหารก็มาตามจับคนทำผิดแล้ว” ฝูงชนก็เริ่มพูดคุยกันทันทีที่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ในขณะที่มองร้านโอสถอย่างดูถูกดูแคลน
สีหน้าของฉีซูมืดครึ้ม “ในเมื่อแม่ทัพหลี่เห็นว่าร้านโอสถของพวกเราขโมยตำรับยามา แสดงว่าคนจากพระราชวังต้องรู้วิธีทำน้ำยานี้ เหตุใดพวกเราไม่เชิญคนคนนั้นมาแสดงวิธีผลิตน้ำยาผสานฌานล่ะขอรับ ถ้าพวกเขาทำได้ ข้าจะเข้าไปพระราชวังเพื่อรับโทษทันที!”
แม่ทัพหลี่สะดุ้ง พระสนมฉินไม่ได้แค่ส่งเขาให้มาปิดร้านโอสถแต่ยังให้มาขโมยตำรับยาด้วย แต่ฉีซูต้องการให้พวกเขามาแสดงวิธีปรุงน้ำยาผสานฌานที่นี่งั้นหรือ
เขาจะไปหาคนคนนั้นมาจากไหนกันล่ะ
เมื่อเห็นสีหน้าดูไม่ได้ของแม่ทัพหลี่ ฉีซูก็ยิ้มเยาะ “สรุปว่า นี่เป็นวิธีที่ราชวงศ์จะมาขโมยของของคนอื่นงั้นหรือ แล้วพวกเขายังหาเหตุผลสวยหรูมาใส่ร้ายร้านโอสถของพวกเราอีกสินะ แม่ทัพหลี่ ท่านเคยเป็นคนที่ซื่อตรง แต่ผ่านมาปีเดียวท่านก็กลายเป็นคนหน้าไม่อายเสียแล้ว!”