ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1860 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (5) / ตอนที่ 1861 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (6)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1860 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (5) / ตอนที่ 1861 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (6)
ตอนที่ 1860 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (5)
มู่เสวี่ยซินหลับตาลงช้าๆ หลังจากผ่านไปนานนางก็ลืมตาขึ้น
ดวงตากระจ่างใสของนางไม่ปรากฏร่องรอยอารมณ์ใดทั้งนั้น
“ข้อแรก ข้าไม่ได้แตะต้องเขาดังนั้นข้าจะไม่รับผิดอะไรทั้งนั้น ข้อสองต่อให้ข้าจะตีเขาจริง แล้วอย่างไร เขาตีข้าก่อน! ข้าจะเตือนเจ้าไว้อย่างหนึ่งนะ ด้วยสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ พวกเจ้าไม่มีทางหนีไปจากการลงทัณฑ์ของสวรรค์ได้! ถ้าเจ้าทำเรื่องเลวร้ายมากเกินไป ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็จะได้รับผลกรรมตามสนอง!”
“นังแม่มด เจ้าต่างหากที่จะได้รับผลกรรม เจ้าจะต้องโดนสาปแช่ง!” องค์ชายน้อยเงยหน้ามองมู่เสวี่ยซิน
เสด็จแม่บอกว่าเพราะสตรีผู้นี้เสด็จพ่อถึงไม่สนใจเขา!
สตรีผู้นี้เอาเสด็จพ่อไปจากเขา!
ดังนั้นนางสมควรตาย!
มู่เสวี่ยซินส่งเสียงขึ้นจมูกแล้วหันไปมองบุรุษที่นอนอยู่บนเตียง “ครั้งนี้ข้ามาที่นี่ก็เพื่อพาเสด็จพ่อออกไปจากที่นี่”
“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”
คนแรกที่คัดค้านก็คือหลิวอี้ เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ฝ่าบาทประชวรหนักมากจนทำได้แค่นอนบนแท่นบรรทมและทนการขยับรุนแรงไม่ได้ พระองค์จะพาฝ่าบาทไปที่ไหนพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าจะพาเสด็จพ่อไปที่จวนของข้านอกพระราชวัง”
จักรพรรดิรักมู่เสวี่ยซินมาก นอกจากตำหนักขององค์หญิงที่อยู่พระราชวังแล้ว ยังมีจวนองค์หญิงอีกที่ที่อยู่นอกพระราชวัง แต่มู่เสวี่ยซินก็แทบไม่ได้ไปอยู่ที่นั่น ดังนั้นจึงไม่มีนางกำนัลอยู่ในวังแม้แต่คนเดียวนอกจากบ่าวสองสามคนที่คอยทำความสะอาด
พระสนมฉินกะพริบตา นางวางแผนจะบังคับให้มู่เสวี่ยซินอยู่ข้างกายจักรพรรดิ จากนั้นตอนที่นางวางยาพิษจักรพรรดิจนตาย นางก็จะได้สามารถโยนความผิดให้มู่เสวี่ยซินได้ นางไม่คิดเลยว่าสตรีผู้นี้จะอยากพาจักรพรรดิออกไป!
ถ้าอย่างนั้นแผนของนางก็ง่ายขึ้น!
“องค์หญิง กระหม่อมเกรงว่าจะไม่เหมาะสม ถ้าพระองค์พาฝ่าบาทออกไปนอกพระราชวังก็จะไม่มีแพทย์ดูแลนะพ่ะย่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้นฝ่าบาทจะดีขึ้นได้อย่างไร”
“แพทย์งั้นหรือ”
มู่เสวี่ยซินยิ้มเยาะ “เสด็จพ่อแค่ประชวรเพราะทำงานหนัก ถ้าเขาได้พักดีๆ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่หายทันทีแต่เขาก็ไม่มีทางอยู่ในสภาพแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาโดนพวกคนหลอกลวงทำร้าย! ไม่ต้องห่วง ข้าจะหาแพทย์ที่มีชื่อเสียงมารักษาเสด็จพ่อเอง ถ้าเขาไม่หาย ข้ายินดีตายเพื่อชดใช้!”
หาแพทย์ที่มีชื่อเสียงงั้นหรือ
บนโลกใบนี้ ยังมีแพทย์ที่รักษาเสด็จพ่อได้อีกหรือ
นางพาเสด็จพ่อออกไปก็เพราะไม่อยากเห็นหน้าพระสนมฉินและบุตรชายนางทุกครั้งที่นางมาที่พระราชวัง นางยอมไปใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกสองสามเดือนดีกว่า
อีกอย่างนางยินดีติดตามเสด็จพ่อไปโลกหลังความตาย ดีกว่าเป็นอนุของฉีมั่ว
“กระหม่อม…”
เมื่อพระสนมฉินเห็นว่าหลิวอี้ตั้งใจจะพูดบางอย่าง นางก็รีบพูดขัดเขาทันที “ในเมื่อองค์หญิงต้องการอย่างนั้น เหตุใดพวกเราไม่ตามใจนางเล่า เดี๋ยวข้าจะไปดูฝ่าบาทเป็นครั้งคราวเอง”
จักรพรรดิประชวรหนัก ดังนั้นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในพระราชวังก็คือพระสนมฉิน
ในเมื่อนางตกลงก็ไม่มีใครกล้าคัดค้าน
มู่เสวี่ยซินเหลือบมองพระสนมฉินอย่างเย็นชาแล้วออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “ทหาร พาเสด็จพ่อไป อีกอย่างในระหว่างนี้ ถ้าข้าไม่อนุญาต ไม่ว่าใครก็ไม่ได้สิทธิ์เข้ามาในจวนของข้าทั้งนั้น!”
นางหมายถึงพระสนมฉิน!
พระสนมฉินเปลี่ยนสีหน้า นางรู้ว่ามู่เสวี่ยซินหมายถึงใคร จึงส่งยิ้มเหี้ยมไปให้
มู่เสวี่ยซิน ข้าอนุญาตให้เจ้าอยู่ต่อได้อีกไม่กี่วัน อีกสามวัน เจ้าต้องตาย!
…
ตอนนั้นเอง ภายในสวนของตระกูลฉี อวิ๋นลั่วเฟิงกำลังนั่งฟังรายงานของฉีซูเงียบๆ อยู่ในศาลา
“แม่นางอวิ๋น ถึงแม้ว่าแม่ทัพหลี่จะพยายามสร้างปัญหาให้เรา แต่ต้องขอบคุณเขา น้ำยาสมุนไพรของร้านโอสถผสานฌานของพวกเราก็ขายหมด รวมถึงหุ่นเชิดทั้งสามก็ขายออกไปได้เช่นกัน และ…ยังมีคนขายดวงใจเแร่ดาราให้พวกเราด้วย”
ดวงใจแร่ดารางั้นหรือ
ดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นประกาย เมื่อมีดวงใจแร่ดารา นางก็สามารถสร้างหุ่นเชิดที่ทรงพลังแบบอวิ๋นอี้ได้แล้ว
ตอนที่ 1861 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น (6)
อวิ๋นลั่วเฟิงหยิบดวงใจแร่ดาราที่ฉีซูยื่นให้แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “นอกจากเรื่องนี้ยังมีอะไรอีกหรือไม่”
ฉีซูเงียบและดูวิตกกังวล
อวิ๋นลั่วเฟิงมองเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่งจึงถามเบาๆ ว่า “เจ้ากังวลเรื่องขององค์หญิงสี่ใช่หรือไม่”
ฉีซูพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าไม่ได้วางแผนจะไปพบนางเร็วนัก แต่ข้าได้ยินฉีมั่วบอกว่าพระสนมฉินต้องการให้นางแต่งเข้าไปเป็นอนุของฉีมั่วดังนั้นข้าก็เลยกังวลเล็กน้อย…”
จากที่เขารู้จักมู่เสวี่ยซิน นางไม่ใช่คนที่ทนต่อความทุกข์ทรมานแบบนี้!
“ถ้าอย่างนั้นข้าอยากถามเจ้าว่ามีทางใดที่จะได้พบมู่เสวี่ยซินบ้าง” อวิ๋นลั่วเฟิงถามอย่างจริงจังขณะที่นางใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ
“ในเมืองจักรพรรดิมีตำหนักขององค์หญิงสองที่ หนึ่งอยู่ในพระราชวังและอีกหนึ่งอยู่ข้างนอกแต่นางไปที่ที่อยู่นอกพระราชวังน้อยมาก ดังนั้นหากท่านอยากเจอนาง ท่านก็ต้องไปที่พระราชวัง”
เขาไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปในพระราชวังและคนพวกนั้นก็ไม่มีทางยอมให้เขาได้พบกับมู่เสวี่ยซินด้วยเหมือนกัน
ตอนนั้นเอง ผู้คุ้มกันคนหนึ่งก็รีบเข้ามา “คุณชายรองขอรับ”
ผู้คุ้มกันคนนี้ไม่ได้เป็นคนของตระกูลฉี แต่เคยติดตามฉีซูมาก่อน
“เกิดอะไรขึ้น” ฉีซูขมวดคิ้วแล้วถาม
“องค์หญิงสี่มาที่นี่ขอรับ พระองค์อยากพบคุณชายรอง”
มู่เอ๋อร์อย่างนั้นหรือ
ร่างกายของฉีซูสั่น ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความปิติยินดีแต่เขาก็พยายามอย่างมากที่จะสะกดกลั้นเอาไว้
“มู่เอ๋อร์รู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่ตระกูลฉี ให้นางเข้ามา”
“ขอรับ คุณชายรอง” ผู้คุ้มกันค่อยๆ จากไป
หลังจากผ่านไปสักพัก ผู้คุ้มกันก็เดินนำมู่เสวี่ยซินเข้ามา เมื่อนางเห็นชายหนุ่มร่างสูงจากไกลๆ ดวงตาของนางก็เปล่งประกายอย่างมีความสุข
นางไม่ได้เห็นเขามาหนึ่งปี แต่นางรู้สึกเหมือนไม่ได้พบเขามาทั้งชีวิต และเขาก็ยังหล่อเหลาอยู่เหมือนเดิม
“ฉีซู…”
นางหยุดอยู่ไม่ไกลจากฉีซูแล้วมองเขาราวกับว่า…นางกำลังมองโลกทั้งใบ
“มู่เอ๋อร์ เจ้ามาแล้วหรือ”
ฉีซูไม่ได้ถามว่านางรู้ได้อย่างไรว่าเขาอยู่ที่ตระกูลฉีและก็ไม่จำเป็นต้องถาม ตอนนี้สิ่งเดียวที่อยู่ในความคิดเขาก็คือเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้น
“ฉีซู เจ้าไม่น่ากลับมาเลย” มู่เสวี่ยซินพูดพร้อมรอยยิ้มบิดเบี้ยว “ตอนนี้เมืองจักรพรรดิกำลังระส่ำระสาย และเสด็จพ่อก็ประชวรอยู่บนเตียง ข้า…ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้เลย”
“ครั้งนี้ข้ากลับมาเพื่อทวงความยุติธรรมให้ตัวเอง!” ดวงของฉีซูเป็นประกายเย็นชา “ฐานะทุกวันนี้ของตระกูลฉีได้มาเพราะอาจารย์ของข้า ข้าไม่มีทางยอมยกความสำเร็จของอาจารย์ให้ตระกูลฉีแน่!”
มู่เสวี่ยซินรู้สึกเหมือนมีก้อนบางอย่างติดอยู่ที่คอ จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาฉีซูโตขึ้นมาก…
“แม่นางอวิ๋น”
ทันใดนั้นนางก็เห็นสตรีที่นั่งอยู่ในศาลาแล้วจึงส่งรอยยิ้มขอบคุณไปให้นาง
“ข้าได้ยินว่าฉีซูมีสตรีคนหนึ่งร่วมเดินทางมาด้วย ข้าเดาว่าน่าจะเป็นท่าน ขอบคุณที่วันนั้นท่านช่วยข้าไว้ ไม่อย่างนั้น ข้าก็คงถูกฝังอยู่ในหุบเขาหลิงชวนแล้ว”
“อ๊ะ พี่หญิงมู่ ท่านมาแล้ว!”
ก่อนที่อวิ๋นลั่วเฟิงจะได้ตอบอะไร ร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจากด้านข้าง
ร่างกายของฉีหลิงนุ่มนิ่มมากในขณะที่รอยยิ้มของนางอ่อนหวานและดูไร้เดียงสา นางไม่ได้ขี้ขลาดเหมือนครั้งแรกที่เจออวิ๋นลั่วเฟิงอีกต่อไปแล้ว
อวิ๋นลั่วเฟิงวางตำราในมือลงแล้วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาร้ายกาจของนางตกอยู่ที่มู่เสวี่ยซิน
“จักรพรรดิของอาณาจักรหลิวเฟิงประชวรหนักอยู่บนเตียงงั้นหรือ เขาเป็นอะไรล่ะ”
ดวงตาของมู่เสวี่ยซินมืดครึ้ม “เสด็จพ่อประชวรเพราะตรอมใจเรื่องเสด็จแม่มาตลอดหลายปี แต่ว่าเพราะมีคนหลอกลวงบางคนในสำนักแพทย์หลวง ฝ่าบาทจึงไม่หายดีแต่กลับหมดสติแทน”