ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1870 ใส่ร้าย (1) / ตอนที่ 1871 ใส่ร้าย (2)
ตอนที่ 1870 ใส่ร้าย (1)
จวนองค์หญิงในอาณาจักรหลิวเฟิง
เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตลอดสามวันมานี้จวนองค์หญิงเงียบสนิทและแม้แต่พระสนมฉินที่ไม่เคยหยุดก่อกวนนางก็ไม่มายุ่งในช่วงนี้
ทว่าหลังจากผ่านไปสามวัน ความสงบสุขก็ถูกทำลาย…
คนกลุ่มหนึ่งมาปรากฏตัวที่หน้าประตูจวนองค์หญิง
คนกลุ่มนี้นำมาโดยพระสนมฉิน พวกเขาเข้ามาในจวนอย่างรวดเร็วจนคนในจวนองค์หญิงหยุดพวกเขาไม่ทัน
“เกิดอะไรขึ้น”
มู่เสวี่ยซินได้ยินเสียงเอะอะมาจากด้านนอกจึงเดินออกมาจากตำหนัก นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อสิ่งแรกที่นางเห็นคือใบหน้าร้ายกาจของพระสนมฉิน
“มู่เสวี่ยซิน เจ้ากล้าดีอย่างไร!”
พระสนมฉินกรีดร้องออกมาอย่างโกรธเคืองจนทำให้มู่เสวี่ยซินปวดหู นางนวดใบหูแล้วมองอย่างไม่ค่อยพอใจ
“เจ้ามาที่นี่เพื่อรบกวนเสด็จพ่อหรืออย่างไร”
พระสนมฉินดูโศกเศร้ามากก่อนจะใช้นิ้วเรียวบางชี้หน้ามู่เสวี่ยซิน “พระองค์ยังมีหน้าพูดถึงฝ่าบาทอีกหรือ! ก่อนหน้านี้หม่อมฉันได้ส่งคนมาคอยจับตาดูจวนองค์หญิงของพระองค์ เหตุใดพระองค์ไม่รายงานว่าฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แล้ว พระองค์ตั้งใจปิดบังบางอย่างงั้นหรือ”
มู่เสวี่ยซินหน้าบึ้ง “พระสนมฉิน เจ้าจะมาใส่ร้ายข้าโดยไม่มีหลักฐานไม่ได้ เจ้าไม่กลัวว่าจะต้องกลืนน้ำตาตัวเองหรือ”
ความจริงมู่เสวี่ยซินรู้วัตถุประสงค์ของพระสนมฉินตั้งแต่ที่นางปรากฏตัวแล้ว แต่ว่าตอนที่นางคิดถึงสิ่งที่อวิ๋นลั่วเฟิงบอกนาง นัยน์เย็นเยียบของนางก็ปรากฏเจตนาสังหาร
“องค์หญิง พระองค์หยุดเล่นลิ้นได้แล้วเพคะ!” พระสนมฉินดูโศกเศร้ามาก “แพทย์หลวงอวี้บอกข้าว่าพระองค์เอาหญ้าคืนฝันไปจากสำนักแพทย์ พระองค์ตั้งใจจะใช้มันทำอะไรเพคะ ถ้าพระองค์ไม่ได้สังหารฝ่าบาท เหตุใดถึงไม่ยอมให้พวกเราพบฝ่าบาท”
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่า เสด็จพ่อหลับอยู่ และใครก็หน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์รบกวนเขาทั้งนั้น!”
มู่เสวี่ยซินยืนตัวตรงขวางทางพระสนมฉิน นางเชิดหน้าขึ้นอย่างดื้อรั้นด้วยดวงตาที่เป็นประกายเย็นชา
ตอนแรกขุนนางทั้งหลายก็ไม่เชื่อที่พระสนมพูด แต่เมื่อเห็นมู่เสวี่ยซินขวางไม่ให้พวกเขาเข้าไปในห้อง พวกเขาก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าจักรพรรดิสิ้นพระชนม์แล้วจริงๆ เหล่าขุนนางต่างก็ตื่นตระหนกทันที ถ้าฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ อาณาจักรหลิวเฟิงก็จะตกอยู่ในภาวะสับสนวุ่นวาย
“องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางชราคนหนึ่งก้าวออกมา “กระหม่อมเชื่อว่าพระองค์บริสุทธิ์แต่ได้โปรดให้พวกเราได้พบฝ่าบาทด้วย”
มู่เสวี่ยซินขมวดคิ้ว แม่นางอวิ๋นเคยบอกว่าเสด็จพ่อจะตื่นภายในวันนี้แต่ต้องใช้เวลา ก่อนที่เขาจะตื่น เขาห้ามถูกรบกวนโดยเด็ดขาด
“ข้าบอกว่าไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปทั้งนั้น!” มู่เสวี่ยซินตะโกน “เสด็จพ่อตื่นเมื่อไหร่ ข้าจะให้พวกเจ้าได้พบเขา”
ตื่นงั้นหรือ พระสนมฉินหัวเราะเยาะในใจ ฝ่าบาทไม่มีทางตื่นขึ้นมาหรอก
“ดูเหมือนว่า องค์หญิงจะพยายามปกปิดบางอย่างนะเพคะ พระองค์ไม่กล้าให้พวกเราพบฝ่าบาทเพราะพระองค์กลัวว่าพวกเราจะรู้ว่าพระองค์วางยาพิษฝ่าบาทใช่หรือไม่เพคะ!” พระสนมฉินเริ่มสะอึกสะอื้น “ฝ่าบาทรักพระองค์มากนะเพคะ พระองค์สังหารฝ่าบาทลงได้อย่างไร!”
“องค์หญิงหลีกทาง ถ้าฝ่าบาทสบายดี เหตุใดพระองค์ถึงไม่ยอมให้พวกเราพบฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพหลี่ยิ้มเยาะและเดินเข้ามาผลักมู่เสวี่ยซินออกไป
ตอนนั้นเองหุ่นเชิดขั้นเซียนที่แอบปกป้องมู่เสวี่ยซินอย่างลับๆ ก็บินลงมาจากฟ้าแล้วกระแทกพื้นจนเกิดเสียงดัง จากนั้นใช้ร่างใหญ่โตของพวกเขาขวางทางแม่ทัพหลี่
มู่เสวี่ยซินชะงัก สองคนนี้ดูแข็งแกร่งมาก…
แต่นางมั่นใจว่านางไม่รู้จักพวกเขา!
“พวกเขาเป็น…” แม่ทัพหลี่ชะงักแล้วทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างออกแล้วรีบดึงมือกลับ “พวกเขาเป็นหุ่นเชิดจากร้านโอสถผสานฌาน!”
ตอนที่ 1871 ใส่ร้าย (2)
หุ่นเชิด?
ฉีซูงั้นหรือ
มู่เสวี่ยซินเคยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นที่ร้านโอสถผสานฌานแล้ว เมื่อนางได้ยินว่าพวกเขาเป็นหุ่นเชิดจากร้านโอสถผสานฌาน หัวใจของนางก็พลันอบอุ่น
ไม่นานนางก็สงบแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาดังก้องไปทั่วทั้งลานจนเกิดบรรยากาศอันตรายว่า “ใครก็ตามที่กล้าก้าวเข้ามาอีกก้าวเดียวจะถูกสังหารทันที!”
องครักษ์ทั้งสองที่ได้รับคำสั่งมาให้ปกป้องมู่เสวี่ยซินก็ก้าวออกมาตามคำสั่งของนาง แล้วจ้องกลุ่มคนตรงหน้าอย่างเย็นชา
พระสนมฉินรู้กสึกคับแค้นใจ นางดูถูกเด็กผู้หญิงคนนี้เกินไปจริงๆ นางไม่รู้ว่ามู่เสวี่ยซินจะยืมหุ่นเชิดมาจากฉีซู ดูเหมือนว่านางรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น น่าเสียดายที่นางไม่ได้สนใจมู่เสวี่ยมากกว่านี้ นางก็เลยไม่ได้พายอดฝีมือจากราชวงศ์มากับนางด้วย
“มู่เสวี่ยซิน เจ้าสังหารฝ่าบาท! เจ้าสมควรรับโทษตาย!” พระสนมฉินกลอกตาแล้วตะโกนขึ้นอย่างเย็นชา “เจ้าอย่าคิดนะว่าแค่มีหุ่นเชิดพวกนี้ปกป้องแล้วจะรอดไปได้ อย่าลืมว่าราชวงศ์มียอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากมาย เจ้าคิดว่าหุ่นเชิดพวกนี้จะปกป้องเจ้าได้หรือ ข้าแนะนำให้เจ้ารีบสารภาพออกมาว่าใครเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด!”
ผู้สมรู้ร่วมคิดที่นางพูดถึงก็คือฉีซู นางรู้เรื่องความรู้สึกที่มู่เสวี่ยซินมีต่อฉีซูดี เพื่อที่จะปกป้องฉีซู นางต้องยอมรับผิดแทนแน่!
แต่ว่าเมื่อเผชิญหน้ากับคำขู่ของนาง มู่เสวี่ยซินก็ทำแค่ยิ้มเยาะ “เจ้าบอกว่าข้าสังหารเสด็จพ่องั้นหรือ หลักฐานอยู่ที่ไหนล่ะ เจ้าก็แค่กล่าวหาข้าอยู่ฝ่ายเดียว! ข้าคิดว่าเจ้าต่างหากที่อยากสังหารเสด็จพ่อแล้วพยายามจะโยนความผิดให้ข้าเป็นแพะรับบาป”
“ไร้สาระ!” พระสนมฉินพูดอย่างเจ็บแค้น “ข้ารักฝ่าบาทมาก แล้วข้าจะสังหารฝ่าบาทได้อย่างไร บุตรชายข้าเองก็ไม่เหมือนเจ้า เขารักเสด็จพ่อเท่าชีวิต มีแต่เจ้าเท่านั้นแหละที่จะสังหารฝ่าบาท!”
มู่เสวี่ยซินส่งรอยยิ้มหยิ่งยโสให้นาง “ถ้าอย่างนั้นเหตุใดเจ้าถึงมั่นใจนักว่าเสด็จพ่อสิ้นพระชนม์แล้ว”
“ก็เพราะ…” พระสนมฉินยิ้มเยาะ “ข้ากังวลเกี่ยวกับฝ่าบาทจึงส่งคนมาตรวจสอบแล้วก็พบว่าฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แล้ว”
มู่เสวี่ยซินเอียงคอไปด้านข้าง “ข้าขอถามพระสนมฉินว่า เหตุใดข้าถึงต้องอยากสังหารเสด็จพ่อล่ะ”
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร เจ้าไม่ต้องการเหตุผลที่จะสังหารคนหรอก!” พระสนมฉินดูเดือดดาลราวกับว่ามู่เสวี่ยซินสังหารจักรพรรดิจริงๆ
เมื่อเห็นใบหน้าไร้ยางอายของนาง มู่เสวี่ยซินก็ยกยิ้มแต่หัวใจของนางเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
ราชครูขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาฉายแววโกรธเคือง เขาระงับความโกรธในใจแล้วพูดว่า “องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ ถ้าพระองค์คิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ก็เปิดประตูซะ หากฝ่าบาทยังมีชีวิตอยู่ พวกเราก็จะกลับไปพ่ะย่ะค่ะ”
พระสนมฉินยิ้มอย่างได้รับชัยชนะ จักรพรรดิสิ้นพระชนม์แล้ว และมู่เสวี่ยซินก็ถูกกำหนดให้ถูกฝังไปกับเขาแล้ว ไม่ว่านางจะพยายามหยุดพวกเขาแค่ไหน นางก็ไม่สามารถหลุดจากข้อกล่าวหานี้ไปได้
แต่ว่า…
ขณะที่พระสนมฉินกำลังมีความสุข เสียงทุ้มน่าดึงดูดก็ดังขึ้นจากในห้อง
“ให้พวกเขาเข้ามา”
ใบหน้าของพระสนมฉินแข็งค้างและดวงตาก็เบิกกว้างไปทันที นางเกือบจะคิดแล้วว่าตัวเองได้ยินเสียงวิญญาณ
นั่นคือเสียงของจักรพรรดิใช่หรือไม่
เป็นไปไม่ได้!
ต่อให้เขาไม่ตาย เขาก็ไม่มีทางตื่นขึ้นมาได้!
ขณะเดียวกัน ขุนนางทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ก็ได้ยินเสียงนี้ ท่ามกลางหมู่ขุนนางก็มีคนที่ดีใจ คนที่ไม่อยากเชื่อ และคนที่ตื่นตระหนก
“เป็นฝ่าบาท นี่เป็นเสียงของฝ่าบาท!”
“ข้าได้ยินถูกหรือไม่ ฝ่าบาทตื่นแล้วจริงหรือ”
ขณะที่ฝูงชนกำลังตื่นตระหนก มู่เสวี่ยซินก็เดินนำเข้าไปเปิดประตู สิ่งแรกที่นางเห็นก็คือบุรุษที่กำลังนั่งลืมตาอยู่บนที่นอน
ตอนนั้นเองมู่เสวี่ยซินก็หายใจติดขัด หลังจากที่ทรมานมาตลอดหนึ่งปีในที่สุดนางก็ได้ปลดปล่อยเสียที