ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1894 ข่าวคราวของจีจิ่วเทียน (3) / ตอนที่ 1895 ข่าวคราวของจีจิ่วเทียน (4)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1894 ข่าวคราวของจีจิ่วเทียน (3) / ตอนที่ 1895 ข่าวคราวของจีจิ่วเทียน (4)
ตอนที่ 1894 ข่าวคราวของจีจิ่วเทียน (3)
“ในเมื่อเจ้าโดนขอให้ออกไป เหตุใดยังหน้าด้านอยู่ต่อล่ะ” มู่เสวี่ยซินยิ้มเย็น “หรือว่าเจ้ามาสอดเรื่องฉีซู”
หญิงสาวชุดแดงสะดุ้ง องค์หญิงหมายความว่าอย่างไร
มู่เสวี่ยซินไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะกำลังสับสนมากขนาดไหนแล้วพูดต่อ “หลิวเยว่ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไร เพราะเห็นแก่ที่บิดาเจ้าที่ช่วยเหลืออาณาจักรหลิวเฟิงมากมาย ข้าจะยอมปิดตาข้างหนึ่ง แต่เมื่อเจ้าได้รับการไว้หน้าแล้วก็อย่าทำตัวเกินไปนัก!”
ไม่ว่าหลิวเยว่จะดูอ่อนหวานแค่ไหนแต่นั่นก็มีไว้ดึงดูดเพศตรงข้ามเท่านั้น ถ้าเป็นสตรี มู่เสวี่ยซินก็อธิบายตัวตนนางได้ด้วยคำเดียว สตรีชั่วช้า!
สีหน้าของหลิวเยว่ซีดเผือดขณะที่หลุบตา ถ้าคนอื่นที่ไม่รู้สถานการณ์มาเห็นสีหน้าของนางคงคิดว่านางถูกมู่เสวี่ยซินใช้อำนาจรังแก
“องค์หญิง” เห็นได้ชัดว่าซูเสวี่ยเป็นพวกไร้สมองและไร้ความกลัว ยิ่งไปกว่านั้น นางยังเหมือนแมลงสาบที่ฆ่าไม่ตายแล้วลุกขึ้นมาอีกครั้งแม้ว่าจะทรมานจากการโดนโจมตีแค่ไหนก็ตาม “พวกเราไม่ได้อยากได้ตำแหน่งฮูหยินของตระกูลฉี พวกเราเพียงอยากเป็นอนุของเขาเท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าบุรุษมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติหรอกหรือ ในฐานะองค์หญิง พระองค์ไม่มีสิทธิ์หยุดเขาไม่ให้รับอนุนะเพคะ”
“อนุ?” เสียงเย็นเยียบเข้ากระดูกดังขึ้นจากด้านหลังของพวกเขา
พวกเขาเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงที่ไม่พูดอะไรเลยก่อนหน้านี้กำลังกอดอกแล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ นางฝืนยิ้มขณะเหลือบมองฉีซู “เจ้าคิดจะรับอนุงั้นหรือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ฉีซูก็ตื่นตระหนกอย่างมาก “ไม่ๆ ข้าไม่เคยคิดที่จะรับอนุ! โดยเฉพาะสตรีที่หน้าไม่อายแบบนี้ ข้าไม่มีทางรับพวกนางแม้ว่าจะมีคนยกพวกนางให้ข้าก็ตาม”
สตรีพวกนี้ไม่รู้จักกาลเทศะแล้ววิ่งมาที่ตระกูลฉีเพราะอยากเป็นอนุของของเขา แล้วพวกนางจะไม่ใช่คนหน้าไม่อายได้อย่างไร
อย่างที่คิดสีหน้าของพวกนางซีดเผือดหลังจากที่ได้ยินคำพูดของฉีซู แล้วพวกนางก็ยิ่งโกรธเคืองมากขึ้น แต่ว่าพวกนางไม่กล้าโกรธฉีซูกับมู่เสวี่ยซิน จึงทำได้แค่หันไปมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างเดือดดาล
ความคิดร้อยพันวิ่งอยู่ในความคิดของหลิวเยว่ นางหมายความว่าอย่างไร ไม่ยอมให้ฉีซูรับอนุงั้นหรือ แล้วข้าที่ตั้งใจจะเป็นฮูหยินของตระกูลฉีล่ะ
อวิ๋นลั่วเฟิงจับมือฉีหลิงแล้วทำท่าเหมือนไม่เห็นสายตาโกรธขึ้งเหล่านั้น นางยกยิ้มบาง “ถ้าอย่างนั้นก็จำคำข้าเอาไว้! หากเป็นคนไม่ทุ่มเทจริงใจ ข้าก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะทำงานให้ข้าต่อไปได้!”
พวกเขาจะเหลือพลังงานอะไรมาทำงานให้นาง เมื่อพวกเขามีบ้านเล็กบ้านน้อยที่สร้างเรื่องได้ตลอดเวลา เพราะแบบนั้นนางถึงไม่อนุญาตให้คนที่ติดตามนางมีอนุ! นี่เป็นกฎพื้นฐานของนาง!
ฉีซูรีบสาบานทันที “แม่นางอวิ๋น ท่านสบายใจได้ ชีวิตนี้ข้าจะไม่มีทางรับอนุเด็ดขาด ข้าจะไม่มีวันทำให้ภรรยาของข้าผิดหวัง”
อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มแล้วไม่พูดอะไรอีก ในเมื่อฉีซูกลับมาแล้ว นางก็ปล่อยให้เขาจัดการกับสตรีพวกนี้เอง
“ข้าอยากฝึกพลังฌานอย่างสงบ ถ้ามีคนอื่นมารบกวน ข้าจะทำให้พวกเขาต้องใช้เปลหามออกไป!
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ซูเสวี่ยก็เดือดดาลทันที “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาควบคุมนายน้อยฉี เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นนายหญิงของที่นี่งั้นหรือ เจ้า…”
ปัง!
ก่อนที่นางจะพูดจบ นางก็ถูกเตะออกมา
ฉีซูกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดขึ้นจากความโกรธ ขณะที่ตะโกนขึ้นอย่างโมโหว่า “ทุกคน มัดซูเสวี่ยแล้วให้ตระกูลซูมาพานางกลับไป!”
ซูเสวี่ยตื่นตระหนก ฉีซูโหดร้ายจริงๆ เขาไม่คิดจะปกป้องความรู้สึกของเพศที่อ่อนแอกว่าเลย เขาทนได้อย่างไร
มู่เสวี่ยซินเหลือบมองซูเสวี่ยอย่างเย็นชาแล้วถอนหายใจ “การที่เจ้าโง่ไม่ใช่เรื่องผิด แต่การที่เจ้าถูกคนอื่นหลอกใช้เป็นความผิดของเจ้าเอง ยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่จะไปหาเรื่องแม่นางอวิ๋น ได้โปรดไปถามคนแถวนี้ดูว่าสองสามวันก่อนอะไรขึ้นที่ตระกูลฉีบ้าง”
ตอนที่ 1895 ข่าวคราวของจีจิ่วเทียน (4)
โดนคนอื่นหลอกใช้งั้นหรือ ทันใดนั้นซูเสวี่ยก็เบิกตากว้างและหันไปมองหลิวเยว่
เหตุผลที่ก่อนหน้านี้นางโกรธอวิ๋นลั่วเฟิงก็เพราะข้อมูลที่หลิวเยว่บอกนาง คำพูดของนางสื่อว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นสตรีที่มาเกาะติดฉีซูโดยไม่มีความละอายจึงทำให้ซูเสวี่ยโกรธ ตอนนี้เองที่สีหน้าของหลิวเยว่ซีดเผือดขณะที่กัดริมฝีปากแน่นด้วยท่าทางน่าสงสารยิ่ง
ฉีซูพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พยายามความคุมความโกรธ “พวกเจ้าจะไสหัวไปเองหรือจะให้ข้าไล่พวกเจ้าออกไป”
สตรีเหล่านี้ก็ไม่กล้าอยู่ต่อแล้วรีบจากไปทันที นอกจากซูเสวี่ยที่ถูกจับอยู่…
ระหว่างนี้ พวกนางก็ฟังคำเตือนของมู่เสวี่ยซินแล้วออกไปสืบข่าวว่าสองสามวันก่อนเกิดอะไรขึ้นที่ตระกูลฉี มีผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนที่อยู่แถวนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่สอบถามข้อมูล
หลังจากที่รู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงสามารถต่อกรกับยอดฝีมือขั้นเซียนสวรรค์และยังเอาชนะเขาได้ด้วย หัวใจของพวกนางก็ตื่นตระหนกทันที หลังจากนั้นเมื่อพวกนางได้ยินว่าฉีซูทำงานภายใต้คำสั่งของอวิ๋นลั่วเฟิง ในที่สุดพวกนางก็เข้าใจว่าตนเองทำเรื่องที่โง่เง่าขนาดไหนลงไป…
ผู้นำตระกูลซูมาช่วยซูเสวี่ยด้วยตัวเองแล้วยังจ่ายค่าเสียหายจำนวนมากให้ด้วย
หลังจากกลับไป ผู้นำตระกูลซูก็สั่งสอนบุตรสาวอย่างหนักและบอกนางเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตระกูลฉีโดยไม่ปิดบังข้อมูลนางสักอย่างเดียว
ซูเสวี่ยตะลึงจนโง่งม และในที่สุดก็เข้าใจว่านางโดนหลิวเยว่หลอกใช้!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็โกรธมาก ผู้นำตระกูลซูเองก็โมโหเพราะเรื่องนี้แล้วใช้อิทธิพลของเขาทำให้บิดาของหลิวเยว่ต้องพบเรื่องยุ่งยาก จนถึงขั้นที่นายท่านหลิวต้องจัดประชุม…
หลังจากนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่ซูเสวี่ยและหลิวเยว่เจอกัน สตรีทั้งสองก็จะเผชิญหน้ากันและหวังว่าจะได้ฉีกอีกฝ่ายออกเป็นชิ้นๆ!
แน่นอนว่าอวิ๋นลั่วเฟิงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะฉีซูมารายงานนางว่ามีบางคนเห็นจีจิ่วเทียนที่อาณาจักรเทียนฉี! ก่อนหน้านี้ที่ฉีซูออกไปสองสามวันก็เพื่อยืนยันข้อมูลนี้
อาณาจักรเทียนฉีงั้นหรือ เมื่อได้ยินคำว่าอาณาจักรเทียนฉี อวิ๋นลั่วเฟิงก็รู้จักอยู่คนเดียวคือองค์ชายรอง
นางหรี่ตาและเคาะโต๊ะเบาๆ ขณะที่ถามต่อว่า “แล้วจักรพรรดิปีศาจล่ะ ได้ที่อยู่ของอวิ๋นเซียวหรือไม่ มีข้อมูลอะไรบ้างหรือเปล่า”
ฉีซูขมวดคิ้วแล้วตอบว่า “ดูเหมือนว่าเขาเองก็จะอยู่ที่อาณาจักรเทียนฉีเหมือนกัน แต่ข้าก็ไม่มั่นใจ”
“ฉีซู ตามข้าไปที่อาณาจักรเทียนฉีและมอบหมายงานเอาไว้ให้ผู้จัดการจ้าว” อวิ๋นลั่วเฟิงยืนขึ้นช้าๆ “ไม่ว่าข่าวนี้จะจริงหรือไม่ ข้าก็จะไม่ทิ้งความหวังแม้จะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น…พวกเราต้องผ่านอาณาจักรเทียนฉีเพื่อไปที่ป่าบททดสอบสวรรค์อยู่แล้ว”
ป่าบททดสอบสวรรค์…
ฉีซูดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออกแล้วถามขึ้นว่า “แม่นางอวิ๋น ท่านไม่แน่ใจจริงๆ หรือว่าท่านเกี่ยวข้องกับอาจารย์ข้าหรือไม่”
“ข้าไม่แน่ใจ” อวิ๋นลั่วเฟิงส่ายหน้า “ข้ารู้แค่ว่ามารดาและบิดาของข้าชื่อว่าไป๋หลิงกับอวิ๋นหยางและพวกเขาก็ตายในสนามรบ ก่อนหน้านี้ข้าเห็นกำไลหยกที่เสี่ยวหลิงเอาออกมาให้ดูก็เลยรู้ว่ากำไลนั่นเป็นของแทนใจที่ท่านพ่อให้ท่านแม่ไว้ แต่ถ้านางมีชีวิตอยู่ แล้วศพที่อยู่ในสุสานบรรพบุรุษตระกูลอวิ๋นจะเป็นของใครล่ะ”
อวิ๋นลั่วเฟิงไม่รู้จริงๆ ว่าพวกนางมีความสัมพันธ์อะไรกันหรือไม่ นางส่ายหน้าก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
กลับกันใบหน้าของฉีซูเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “อาจารย์ข้าก็มาที่แคว้นนี้จากสนามรบเหมือนกัน นางลืมอดีตและตัวตนของนางไป แต่ว่าก็มีคนที่ชื่อหลิงปรากฏในความทรงจำของนาง แต่นางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ส่วนชื่อของน้องสาวข้า อาจารย์ก็เป็นคนตั้งให้”
“แม่นางอวิ๋น” ฉีซูสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อ “ในเมื่อท่านบอกว่าไม่แน่ใจว่าศพที่อยู่ในสุสานบรรพบุรุษตระกูลอวิ๋นเป็นของใคร ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอถามบางอย่างกับท่าน ท่านเคยเห็นศพของมารดาด้วยตาตัวเองหรือไม่”