ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1908 เจี่ยนอัน (11) / ตอนที่ 1909 เจี่ยนอัน (12)
ตอนที่ 1908 เจี่ยนอัน (11)
สีหน้าของเจี่ยนอันเปลี่ยนไปทันที
ตรวจร่างกายนางงั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เท่ากับว่าทุกอย่างที่ทำลงไปล้มเหลวหรอกหรือ มารดาคนนี้ของข้าช่างทำการอื่นไม่ได้เลยนอกจากทำให้เสียเรื่องเป็นอย่างเดียว!
ถ้าไม่ใช่เพราะนางแล้วข้าจะโดนบีบบังคับมาจนถึงจุดนี้ได้อย่างไร ตอนนี้นางยังกำลังสร้างปัญหาให้ข้าอีก!
“ท่านแม่!” เจี่ยนอันตะโกน!
เสียงตะโกนนี้ควรจะเป็นการเตือน แต่มารดาของนางได้ยินแต่ความโศกเศร้า
“บุตรสาวข้า สบายใจเถอะ มารดาจะช่วยเจ้าเอง! เร็วเข้ารีบไปหาคนมาตรวจร่างกายนาง!”
สีหน้าเจี่ยนอันเปลี่ยนสีไปมาระหว่างซีดกับเทา “ข้า…อันที่จริง ข้าก็ไม่มั่นใจว่าฉีซูได้ฉวยโอกาสกับข้าหรือไม่ ถึงอย่างไรตอนนั้นข้าก็หมดสติอยู่แต่ความจริงที่ว่าเขาฉีกเสื้อผ้าข้าและย่ำยีข้าก็เป็นเรื่องจริง ตอนที่ข้าตื่นขึ้นมา ข้าเห็นเขากดตัวข้าอยู่” คำพูดของนางดูมีเหตุผล และคนอื่นก็หาคำมาปฏิเสธไม่ได้
“ฉีซู” หลังจากพูดจบ นางก็เหลือบมองฉีซู “ต่อให้เจ้าไม่ได้ทำอะไรร่างกายข้าแล้วอย่างไร เจ้าก็ยังเห็นข้าเปลือยและฉีกเสื้อผ้าข้าอยู่ดี อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่คิดจะรับผิดชอบ”
เจี่ยนปั๋วเหวินรู้สึกว่าคำพูดของเจี่ยนอันมีเหตุผลแล้วแสร้งทำหน้าสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที “นายน้อยฉี บุตรสาวของข้าบริสุทธิ์และการกระทำของเจ้าก็เท่ากับทำลายความบริสุทธิ์ของนาง! ข้าไม่สนว่าเจ้าจะได้ทำอะไรนางจริงหรือไม่ แต่วันนี้เจ้าก็ต้องรับผิดชอบ!”
ฉีซูยิ้ม “เจี่ยนอันเอาแต่บอกว่าข้าเอาตัวกดนางไว้ ข้าอยากจะถามว่าเจ้าเคยเห็นใครข่มขืนสตรีโดยใส่เสื้อผ้าไว้หรือเปล่า”
ทุกคนที่อยู่ห้องตะลึงไปทันที ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้สังเกตถึงตรงนี้เลย
จริงสิ ฉีซูใส่เสื้อผ้าอยู่ชัดๆ เหตุใดเจี่ยนอันถึงบอกว่าอีกฝ่ายพยายามจะย่ำยีนางล่ะ
เจี่ยนอันคิดคำแก้ตัวไว้แล้ว นางหลุบตา “เมื่อเห็นว่าข้าตื่นและรู้ว่าสถานการณ์ไม่ปกติ เขาก็เลยใส่เสื้อผ้ากลับไป”
“อย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ต้องเห็นข้าเปลือยใช่หรือไม่ ข้าขอถามว่าข้ามีไฝอยู่ที่ไหล่ซ้ายหรือไหล่ขวา” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของฉีซูขณะที่ดวงตาเป็นประกายเย็นชา
เจี่ยนอันสะดุ้ง ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าไฝของเขาอยู่ที่ไหล่ซ้ายหรือขวา
แต่นางรู้ดีว่านางไม่มีทางตอบคำถามของเขาได้ อีกอย่างคำตอบก็มีเพียงสองถ้านางเดาก็มีโอกาสถูกครึ่งหนึ่ง
เมื่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง เจี่ยนอันก็ตอบ “ไหล่ซ้าย”
ฉีซูยิ้ม เมื่อเห็นรอยยิ้มของเขาเจี่ยนอันก็ตื่นตระหนก “ไม่ ข้าจำผิด เป็นไหล่ขวาต่างหาก”
“ยินดีด้วย คำตอบของเจ้า…” เสียงเสื้อผ้าขาดก็ดังขึ้น ฉีซูฉีกเสื้อของตัวเองเพื่อเผยให้เห็นไหล่ที่เรียบเนียนต่อหน้าทุกคน “ผิด ข้าไม่มีไฝที่ไหล่!” เข่าของเจี่ยนอันอ่อนแรงจนเกือบจะทรุดลงไปที่พื้น นางต้องพิงมารดาเพื่อทำให้ตัวเองยืนอย่างมั่นคง
ที่จริงแล้วฉีซู…หลอกข้างั้นหรือ เขาทำตัวใจร้ายขนาดนี้ได้อย่างไร
ในสถานการณ์แบบนี้เมื่อรวมกับสีหน้าของเจี่ยนอัน แม้แต่คนสมองช้าอย่างเจี่ยนอี้ก็สังเกตเห็นความผิดปกติ
นางเบิกตากว้างแล้วเอามือปิดปากแน่น หลังจากผ่านไปสักพักนางก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดขึ้นว่า “เจี่ยนอัน เจ้ากล้าใช้ความบริสุทธิ์ของตัวเองเป็นเดิมพันเพื่อใส่ร้ายคนอื่นงั้นหรือ! เหอะ เจ้าทำเรื่องหน้าไม่อายขนาดนี้ก็เท่ากับโยนหน้าตาของตระกูลเจี่ยนทิ้งแล้ว ท่านพ่อ ข้ารู้สึกว่าพวกเราควรขับไล่เจี่ยนอันกับมารดาออกจากตระกูลเจ้าค่ะ!”
หลังจากพูดจบ มารดาของเจี่ยนอันก็เดือดดาล นางรีบดึงแขนเจี่ยนอันเข้ามา “เร็ว รีบมาขอร้องบิดาเจ้า พวกเราออกไปจากตระกูลเจี่ยนไม่ได้!”
“ท่านแม่…” เสียงของเจี่ยนอันอ่อนแรง นางรู้ว่าครั้งนี้นางจบสิ้นแล้ว!
ตอนที่ 1909 เจี่ยนอัน (12)
“เหตุใดเจ้าถึงไร้ประโยชน์ขนาดนี้ เจ้าถึงกับทำให้บิดาเป็นห่วงเชียวหรือ เจ้าขอโทษเขาเดี๋ยวนี้ พวกเราจะได้ไม่โดนไล่ออกจากตระกูล!” มารดาของเจี่ยนอันตำหนิ
เจี่ยนอันกัดปาดแน่นโดยไม่พูดอะไรออกมา นางเหนื่อยมาก เหนื่อยมากจริงๆ การทำเพื่อให้มารดาได้อยู่ในตระกูลเจี่ยนทำให้นางเหนื่อยมากจริงๆ
“ตอนนี้ความจริงก็ปรากฏแล้ว เจ้ายังจะบังคับให้ข้าแต่งงานกับนางอยู่หรือไม่” ฉีซูก้มหน้ากวาดตามองผ่านเจี่ยนอันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา “สตรีที่ช่ำชองในการวางแผนแบบนี้จะผ่านประตูจวนตระกูลฉีเข้ามาได้อย่างไร”
เรื่องวุ่นวายก็ถูกแก้ปัญหาแล้ว อวิ๋นลั่วเฟิงยืนขึ้นแล้วเผยรอยยิ้มเฉื่อยชาภายใต้แสงจันทร์ที่เงียบสงบนี้
“ฉีซู ข้าเหนื่อยแล้ว ไปกันเถอะ”
“ได้เลย” ฉีซูไม่พูดอะไรกับตระกูลเจี่ยนอีกแล้วเดินตามอวิ๋นลั่วเฟิงออกไป เขาไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว!
ดวงตาของเจี่ยนปั๋วเหวินเป็นประกายแล้วตะโกนขึ้นว่า “เดี๋ยวก่อน! ฉีซู ใครอนุญาตให้เจ้าออกไป ในเมื่อข้าบอกว่าเจ้าย่ำยีอันเอ๋อร์ก็แสดงว่าเจ้าต้องทำ ข้าจะบอกอะไรให้ เจ้าต้องแต่งงานกับนางไม่อย่างนันเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวออกไปจากตระกูลเจี่ยน!”
เหตุผลที่เจี่ยนปั๋วเหวินกล้าขู่ฉีซูแบบนี้ก็เพราะเขาเคยส่งคนของตระกูลเจี่ยนไปที่อาณาจักรหลิวเฟิง ชายคนนั้นไปอยู่ที่นั่นสองสามปีและเพิ่งกลับมาที่อาณาจักรเทียนฉีเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่เขารู้ตัวตนของฉีซู เจี่ยนปั๋วเหวินก็แอบไปคุยกับชายคนนั้นเกี่ยวกับสถานการณ์ในตระกูลฉี
แล้วเจี่ยนปั๋วเหวินก็ได้รู้ว่าอาจารย์ที่ทรงพลังของฉีซู อวิ๋นเยว่ชิงหายตัวไป! ตอนนี้ฉีซูเป็นผู้อำนาจตัดสินใจในตระกูลฉีแล้ว ในสายตาของเขาฉีซูก็เป็นแค่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ครอบครองสมบัติมากมายแต่ไร้ซึ่งพลัง
ถึงแม้ว่าเขาจะมีอาณาจักรหลิวเฟิงเป็นผู้หนุนหลัง…แต่ตระกูลเจี่ยนก็มีราชวงศ์ของอาณาจักรเทียนฉีให้พึ่งพาเหมือนกันไม่ใช่หรือ ถ้าเขาสามารถบังคับให้ฉีซูแต่งงานกับเจี่ยนอันได้ เมื่อถึงตอนนั้นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลฉีก็จะเป็นของเขา!
ส่วนเรื่องที่คู่หมั้นของฉีซูคือองค์หญิงสี่ของอาณาจักรหลิวเฟิง…เขาไม่สนใจนางแม้แต่น้อย!
ในเมื่อนางเป็นแค่คู่หมั้นของเขา ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรแม้ว่าเขาจะไม่ได้แต่งงานกับนาง ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็คิดว่าองค์หญิงป่าเถื่อนของอาณาจักรหลิวเฟิงเทียบไม่ได้กับบุตรสาวว่านอนสอนง่ายและถูกอบรมมาอย่างดีของเขา
ฉีซูหยุดฝีเท้าและยิ้มเยาะขณะพูดว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงเข้ามายุ่งเรื่องการแต่งงานของข้า ที่สำคัญข้าก็เคยบอกเจี่ยนอันแล้วว่าข้ามีคู่หมั้นอยู่ที่อาณาจักรหลิวเฟิง!”
“ถ้าเจ้าไม่แต่งงานกับคู่หมั้นคนนั้นของเจ้าแล้วอย่างไร” เจี่ยนปั๋วเหวินพูดอย่างไม่ยอมรับ เขาไม่มีทางปล่อยลูกเขยที่โดดเด่นแบบนี้ไปแน่นอน
ดวงตาของฉีซูเป็นประกายเย็นชา “คู่หมั้นของข้าคือองค์หญิงสี่ของอาณาจักรหลิวเฟิง ในขณะที่บุตรสาวเจ้าเป็นแค่ลูกอนุ นางมีคุณสมบัติอะไรมาเทียบกับคู่หมั้นข้างั้นหรือ”
ตอนแรกเขาก็ไม่อยากจะใช้ฐานะกดดันคนอื่น แต่คนพวกนี้ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว! เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเปิดเผยตัวตนของมู่เสวี่ยซิน
เจี่ยนอันเงยหน้าอย่างตะลึง ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่ชอบข้า กลายเป็นว่าที่จริงแล้วคู่หมั้นของเขาเป็นถึงองค์หญิง…
เจี่ยนปั๋วเหวินขมวดคิ้ว “บุตรสาวของข้ายินดีใช้สามีร่วมกับองค์หญิงสี่ พอถึงตอนนั้นเจ้าค่อยให้ตำแหน่งฮูหยินรองกับนางก็ได้! แน่นอนว่าเทือกเขาสมุนไพรก็ห้ามขาด อย่างน้อยก็ต้องยกให้ข้าสักสองเทือกเขา ไม่อย่างนั้น ข้าจะทำลายชื่อเสียงของเจ้า!”
“ต่อให้เจี่ยนอันยินดีแล้วอย่างไร ข้าไม่ยินดีแต่งงานกับนาง!” ฉีซูเดินไปถึงข้างตัวอวิ๋นลั่วเฟิงแล้ว เขามองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าสำนึกผิด “แม่นางอวิ๋น ข้าขอโทษที่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่าน”
อวิ๋นลัวเฟิงค่อยๆ ดึงมือที่กอดอกอยู่ออกแล้วยกยิ้ม นางมองเจี่ยนปั๋วเหวินด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ดวงตาสีดำสนิทของนางเป็นประกายเย็นชาลางๆ