ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1938 เลื่อนขั้นเป็นเซียนสวรรค์ (2) / ตอนที่ 1939 เลื่อนขั้นเป็นเซียนสวรรค์ (3)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1938 เลื่อนขั้นเป็นเซียนสวรรค์ (2) / ตอนที่ 1939 เลื่อนขั้นเป็นเซียนสวรรค์ (3)
ตอนที่ 1938 เลื่อนขั้นเป็นเซียนสวรรค์ (2)
ปัง!
ร่างของอวิ๋นลั่วเฟิงกระแทกเข้ากับพื้นอย่างแรงจนทำให้เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่บนพื้น นางเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วลุกขึ้นจากพื้น ก่อนที่นางพุ่งเข้าไปหาชายชราทั้งสองอีกครั้งโดยไม่ลังเล
“ฮะ” ดวงตาของชายชราชุดเทาเต็มไปด้วยความแปลกใจและพูดด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย “เด็กน้อย ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเจ้าต่ำไปหน่อย เจ้าโดนกระแทกไปแรงขนาดนั้นยังลุกขึ้นได้อีกหรือ! ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อย”
อวิ๋นลั่วเฟิงเงยหน้าด้วยดวงตาสีนิลที่เป็นประกาย
“มาต่อกันเถอะ!”
ครั้งนี้นางลงมือก่อนแล้วพุ่งเข้าไปหาชายชราชุดเทาที่อยู่ใกล้ที่สุด
ชายชราในชุดสีเทาหลบการโจมตีของอวิ๋นลั่วเฟิง แขนของเขาชนเข้ากับไหล่ของอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างแรงจนทำให้นางถอยออกไปสองสามก้าวทิ้งเพียงเงาไว้บนท้องฟ้า
ตอนนั้นเองอวิ๋นลั่วเฟิงก็รู้สึกได้ว่าพลังของเกราะเกล็ดมังกรลดลง ถ้าตอนนี้นางไม่สามารถจัดการพวกเขาได้ นางก็คงไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ด้วยพลังของตัวเองแล้ว
“เด็กน้อย เหมือนว่าเจ้าจะทนได้อีกไม่นานนะ”
ตอนแรกอวิ๋นลั่วเฟิงยังหลบการโจมตีของพวกเขาได้ แต่ตอนนี้พลังของนางอ่อนลง เห็นได้ชัดว่านางสู้พวกเขาไม่ได้
แต่ว่าชราชุดเทาก็ยังต้องการจบการต่อสู้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงไม่ปล่อยให้อวิ๋นลั่วเฟิงได้มีโอกาสหายใจแล้วเข้าโจมตีนางอีกครั้ง
ตูม!
เมื่อมีพลังแข็งแกร่งรุกรานเข้ามาในร่างนาง อวิ๋นลั่วเฟิงก็กระอักเลือดออกมาแต่ร่างกายของนางก็ยังมั่นคงดุจเหล็กกล้าโดยไม่มีทีท่าว่าจะล้มลง
“ต่อเลย” นางเช็ดเลือดที่ปากและพูดขึ้น
“เหล่าไป๋” ชายชราในชุดสีเทามองชายชราในชุดสีขาวแล้วพูดย่างชั่วร้ายว่า “นี่ก็เริ่มดึกแล้ว พวกเราควรไปได้แล้ว ดังนั้นครั้งนี้เจ้าไม่ต้องออมมือแล้วสังหารนางด้วยพลังทั้งหมดของเจ้า!”
“ได้เลย”
ชายชราในชุดสีขาวพยักหน้า เขายกมือขึ้นช้าๆ แล้วพายุก็ค่อยๆ ก่อตัวบนฝ่ามือของเขา พายุรุนแรงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนดูเหมือนมีพลังทำลายล้างสวรรค์และปฐพี ทรงพลังมากพอจะทำลายทุกอย่าง!
ชายชราในชุดสีเทาตอบสนองแล้วทันใดนั้นสายลมแรงก็ปรากฏรอบตัวเขาจนแม้แต่ชุดคลุมสีเทาของเขาก็ยังสะบัดไปตามสายลม…
สายลมที่ใช้พลังทั้งหมดของพวกเขาคนใดคนหนึ่งสร้างขึ้นสามารถทำให้หญิงสาวผู้นี้กลายเป็นเถ้าถ่านได้ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงสายลมที่ใช้พลังทั้งหมดของพวกเขาทั้งสองคน
…
โม่เชียนเฉิงยืนอยู่ในป่าที่พังทลายอย่างมั่นคง เสียงแตกเล็กๆ ดังขึ้นจากภายในร่างของเขาแต่ว่าก็ไม่มีใครได้ยินนอกจากเขา เมื่อเขาเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงตกอยู่ในอันตราย เสียงแตกก็ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ และด้วยเสียงดังอึกทึก ผนึกภายในร่างของก็แตกออกโดยสมบูรณ์…
น่าเสียดายที่สายเกินไป
ก่อนที่โม่เชียนเฉิงจะปลดผนึกได้ การโจมตีของชายชราทั้งสองก็ถึงตัวอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วกลืนกินร่างของนางเข้าไปทันที…
“ไม่นะ!”
นัยน์ตาของโม่เชียนเฉิงหดตัวเข้าหากันขณะที่ตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวด
“แม่นางอวิ๋น!”
ฉีซูและฉีหลิงหน้าซีดและพุ่งไปยังที่ที่อวิ๋นลั่วเฟิงพึ่งยืนอยู่เมื่อครู่
พริบตาเดียวโม่เชียนเฉิงก็ขยับไปยืนอยู่ตรงนั้น
เขายืนมองที่ที่อวิ๋นลั่วเฟิงถูกกลืนไปแล้วหันไปมองฉีหลิงที่กำลังกังวล ทันใดนั้นไอสังหารก็แผ่ออกมาจากนัยน์ตาของเขา เขากำหมัดแน่นแล้วใบหน้าดุร้ายของเขาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
พวกนั้นสังหารอวิ๋นลั่วเฟิงงั้นหรือ
ใช่แล้ว! อวิ๋นลั่วเฟิงก็คงไม่ตายถ้าเขาไม่ได้พาคนพวกนี้มาที่นี่…
ดังนั้นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์ทั้งสองและคนของอาณาจักรเทียนฉีทั้งหมดต้องถูกฝังไปพร้อมนาง!
…………………………………..
ตอนที่ 1939 เลื่อนขั้นเป็นเซียนสวรรค์ (3)
“ฮึ่ม ในที่สุดพวกเราก็จัดการสตรีผู้นี้ได้เสียที่!” ชายชราในชุดสีเทาส่งเสียงขึ้นจมูกแล้วพูดอย่างร้ายกาจ “ไปกันเถอะ พวกเราควรกลับได้แล้ว”
แต่ว่าทันทีที่ทั้งคู่หันหลังกลับ จู่ๆ เสียงร้ายกาจและทรงพลังก็ดังขึ้นจากพื้นที่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นควัน
“ฉีซู หลบออกไป!”
เสียงนี้ทำให้ชายชราทั้งสองชะงัก ฉีซูและฉีหลิงหยุดไปชั่วครู่ก่อนที่จะตอบสนองแล้วรีบถอยออกไปไกล…
ดวงตาที่เศร้าโศกของโม่เชียนเฉิงก็ค่อยๆ เป็นประกาย ขณะที่เขาจ้องไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยกลุ่มควันเพราะกลัวว่าจะพลาดจุดเล็กๆ ไป…
เมื่อฝุ่นควันหายไป ร่างของอวิ๋นลั่วเฟิงก็ปรากฏขึ้นช้าๆ
หญิงสาวสะบักสะบอมเล็กน้อยแต่นางก็ยังดูสะอาดสะอ้าน เกราะเกล็ดมังกรของนางหายไปโดยสมบูรณ์ และชุดสีขาวของนางก็ฉีกขาด
ชายชราในชุดสีขาวหันกลับมามองอย่างแปลกใจและนัยน์ตาของเขาก็ปรากฏความสับสนทันที ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกหายใจติดขัด
“เจ้า…ยังมีชีวิตอยู่งั้นหรือ”
เป็นไปได้อย่างไร
สตรีผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
อวิ๋นลั่วเฟิงตอบเขาด้วยรอยยิ้มลึกลับ “ข้ามีของขวัญให้พวกเจ้าด้วย”
อะไรนะ
ก่อนที่ชายชราจะได้ทันตั้งตัว พวกเขาก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องและพายุเมฆก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
พายุเมฆนี้ขยายใหญ่จนกลายเป็นสีม่วงแล้วส่งเสียงคำราม จากนั้นสายฟ้าก็ผ่าลงมาโดยไม่มีอะไรบอกล่วงหน้า
“อ๊าก!”
ชายชราทั้งสองอยู่ใกล้กับอวิ๋นลั่วเฟิงจึงโดนสายฟ้าผ่าไปด้วย และเสียงคร่ำครวญก็ออกมาจากปากพวกเขา
“เจ้า…เจ้าผ่านด่านเลื่อนระดับงั้นหรือ”
อัสนีลงทัณฑ์จะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อมีคนผ่านด่านเลื่อนระดับจากขั้นเซียนไปสู่ขั้นเซียนสวรรค์
แล้วตอนนี้สตรีผู้นี้ก็ผ่านด่านเลื่อนระดับงั้นหรือ
“ข้าควรขอบคุณพวกเจ้าที่ช่วยให้ข้าผ่านจุดคอขวดไปได้ ถ้าไม่ได้พวกเจ้าช่วยข้าก็คงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”
ชายชราในชุดสีขาวเดือดดาลจนเกือบจะกระอักเลือดออกมา เขากัดฟัน “เจ้าคิดว่าจะใช้อัสนีสวรรค์ลงทัณฑ์สังหารพวกเราได้งั้นหรือ ข้าจะบอกให้ว่าไม่มีทาง! ข้าเคยผ่านอัสนีสวรรค์ลงทัณฑ์มาแล้ว!”
ถึงอย่างไรเขาก็ผ่านด่านเลื่อนระดับจากขั้นเซียนเป็นเซียนสวรรค์มาแล้ว ดังนั้นเขาก็ต้องเคยโดนอัสนีสวรรค์ลงทัณฑ์มาก่อนจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้อัสนีสวรรค์ลงทัณฑ์สังหารพวกเขา
อวิ๋นลั่วเฟิงส่งยิ้มร้ายกาจไปให้ “โชคร้ายหน่อยนะ อัสนีสวรรค์ลงทัณฑ์ของข้าแตกต่างจากของคนอื่น…”
ตูม! ตูม! ตูม!
ทันทีที่นางพูดจบ อัสนีสวรรค์ลงทัณฑ์ก็ผ่าลงมาอีกครั้งซึ่งครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งที่แล้ว และยังโดนร่างของชายชราทั้งสองพอดีจนทำให้พวกเขาส่งเสียงร้องโหยหวน!
แต่ว่าก็ยังไม่จบ…
อัสนีที่ทรงพลังกว่าครั้งก่อนก็ผ่าลงมาเรื่อยๆ ราวกับห่าฝนแล้วทำให้ชายชราทั้งสองไม่เหลือพลังพอจะหนี
“อ๊าก!”
เมื่อเห็นชายชราทั้งสองเอาแต่ร้องโหยหวนอย่างทรมาน คนอื่นๆ ก็ตะลึง
ฉีซูชะงักเมื่อเห็นอัสนีสวรรค์ลงทัณฑ์ที่ทรงพลัง ดวงตาของก็ว่างเปล่า
จู่ๆ เขาก็ร้องออกมาเสียงดัง “สวรรค์!”
เมื่อได้ยินเสียงของเขาฉีหลิงก็หันมามอง “เกิดอะไรขึ้น”
สีหน้าของฉีซูเปลี่ยนไปเรื่อยๆ “เมื่อประมาณเกือบหนึ่งปีที่แล้วบริเวณใกล้ๆ กับอาณาจักรหลิวเฟิงมีใครบางคนผ่านด่านเลื่อนระดับเลื่อนขึ้นเป็นขั้นเซียนแล้วทำให้เกิดอัสนีสวรรค์ลงทัณฑ์ อัสนีสวรรค์ลงทัณฑ์รุนแรงมากเสียจนทำให้ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในอาณาจักรหลิวเฟิงตกตะลึง”
“ตอนนั้นกระหม่อมเจอแม่นางอวิ๋นอยู่บริเวณที่เกิดอัสนีสวรรค์ลงทัณฑ์!…
…น่าเสียดายที่ตอนนั้นกระหม่อมคิดว่าแม่นางอวิ๋นแค่โชคร้ายถูกอัสนีสวรรค์ลงทัณฑ์ทำให้บาดเจ็บ แต่ตอนนี้กระหม่อมคิดว่าคนที่ไปกระตุ้นให้เกิดอัสนีสวรรค์ลงทัณฑ์คงเป็นนางพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อคิดอย่างนั้นฉีซูก็สูดหายใจเข้าลึกๆ
เขาจำได้ว่าทั่วทั้งอาณาจักรหลิวเฟิงตามหายอดมือแข็งแกร่งที่ทำให้เกิดอัสนีสวรรค์ลงทัณฑ์ที่ทรงพลังทั่วทุกหนทุกแห่งแต่ก็ไม่เคยคิดว่ายอดฝีมือผู้แข็งแกร่งคนนี้จะอยู่ข้างตัวเขา…