ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1966 คำเตือนของจินหยาง (2) / ตอนที่ 1967 คำเตือนของจินหยาง (3)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1966 คำเตือนของจินหยาง (2) / ตอนที่ 1967 คำเตือนของจินหยาง (3)
ตอนที่ 1966 คำเตือนของจินหยาง (2)
เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาสังหารของอู๋จุน ความตื่นตระหนกก็เกาะกุมหัวใจของเฉิงเฟยหยาง “ท่านอู๋จุน จักรพรรดินีไม่ใช่คนฉลาด แต่ข้าจะจับตาดูนางอย่างใกล้ชิดและไม่ยอมให้นางเข้ามายุ่งเรื่องของราชสำนักแน่นอน ท่านอู๋จุนได้โปรด…”
อู๋จุนไม่รอให้เฉิงเฟยหยางได้พูดจบก็ลงมือ เขาสะบัดมือตรงหน้าจักรพรรดินีแล้วเล็บคมกริบของเขาก็แทงทะลุหน้าอกนางอย่างโหดร้าย ภายใต้สายตาเคียดแค้นและเสียใจเขาก็ดึงหัวใจของนางออกไป
ตึง!
จักรพรรดินีล้มลง ศีรษะของนางตกลงบนแอ่งเลือด นางตายในขณะที่ดวงตายังเบิกกว้าง โดยมีความเศร้าโศกแผ่ออกมาจากดวงตาคู่นั้น
“ไม่นะ!” เฉิงเฟยหยางตะโกนเสียงแหบแห้งด้วยดวงตาแดงก่ำ เขากำหมัดแน่นแล้วตะโกนขึ้นอย่างเดือดดาล “ท่านอู๋จุน จักรพรรดินีไม่ได้ยุ่งกับการตัดสินใจของข้าแม้แต่น้อย! เหตุใดท่านต้องสังหารนาง!”
“ฝ่าบาท ข้ารู้สึกมานานแล้วว่าสตรีผู้นี้ส่งผลต่อท่าน แต่ว่านางไม่ได้ทำตัวเกินขอบเขตจนถึงเมื่อครู่ดังนั้นข้าก็เลยเอาหูไปนาเอาตาไปไร่มาตลอด แต่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอาณาจักรจินหยางทั้งอาณาจักร และข้าก็ไม่อนุญาตให้ท่านลังเล!” อู๋จุนสีหน้าเฉยชาแล้วมองสตรีที่อยู่ในแอ่งเลือดด้วยสายตาเหยียดหยาม เขาพูดเสริมอย่างเย็นชาว่า “ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะจักรพรรดิ การแต่งงานกับจักรพรรดินีอีกสักคนก็ไม่ใช่เรื่องยากไม่ใช่หรือ สตรีที่ไม่เชื่อฟังก็ต้องพบจุดจบแบบนี้แหละ!”
เฉิงเฟยหยางสูดหายใจเข้าลึกๆ “ถ้าจินหยางรู้เรื่องนี้ ท่านคิดว่านางจะยอมถูกบังคับให้แต่งงานกับประมุขสำนักอิสระงั้นหรือ ถ้าจักรพรรดินียังอยู่ พวกเราก็คงใช้จักรพรรดินีมาขู่นางได้”
ตอนนั้นเองที่หัวใจของเฉิงเฟยหยางสั่นสะท้าน เขาอดไม่ได้ที่จะหลับตาด้วยใบหน้าถอดสี
เขาเสียใจ! เขาเสียใจที่มาเกี่ยวข้องกับสำนักอิสระ! ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่ต้องเสียบุตรสาว และภรรยาเขาก็ไม่ต้องมาตาย!
“มีแต่พวกเราที่รู้เรื่องการตายของจักรพรรดินี จินหยางจะรู้ได้อย่างไร เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็จะบอกนางว่าจักรพรรดินีถูกสำนักอิสระลักพาตัวไปและใช้เรื่องนี้บังคับนาง และทำให้มั่นใจว่านางยินดีแต่งงานกับสำนักอิสระ”
อู๋จุนหาข้ออ้างไว้แล้ว และรอยยิ้มมั่นใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา
เฉิงเฟยหยางหลับตา ใบหน้าของเขายังคงแสดงความเจ็บปวดที่ซ่อนไม่มิด แต่ว่าเขาก็ไม่มีพลังที่จะต่อต้านอู๋จุนเลยแม้แต่นิดเดียว
“ฝ่าบาท ท่านทรงเห็นแล้วว่าชะตากรรมของจักรพรรดินีที่ทำลายแผนการเป็นอย่างไร ถ้าฝ่าบาทกล้าพูดอะไรกับจินหยาง ข้าแน่ใจว่าจินหยางจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป!” อู๋จุนขู่
เฉิงเฟยหยางตัวสั่น สักพักใหญ่เขาก็ลืมตา “ข้าไม่ได้เป็นแค่บิดาแต่ยังเป็นจักรพรรดิของอาณาจักรจินหยางด้วย เพื่ออาณาจักรจินหยาง ข้าจะไม่พูดอะไรโดยไม่คิด”
“ข้าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” อู๋จุนสะบัดแขนเสื้อแล้วส่งเสียงขึ้นจมูกก่อนจะมุ่งหน้าออกไปจากสวน
หลังจากที่อู๋จุนจากไปแล้ว เฉิงเฟยหยางก็ขาอ่อนแล้วทรุดลงไปนั่งที่พื้น “ถ้าข้ารู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ ข้าก็คงไม่พาจักรพรรดินีมาที่นี่”
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าตอนที่จักรพรรดินีตาย ดวงตาของนางจ้องไปที่มุมหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล ที่มุมนั้นมีนางกำนัลที่กำลังปิดปากแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองส่งเสียงออกไปเพราะตกใจ น้ำตาของนางไหลอาบหน้าขณะที่มองจักรพรรดินีที่นอนอยู่ในแอ่งเลือดตาไม่กะพริบ
ความจริงแล้ว จักรพรรดินีไม่ได้มาแอบฟังคนเดียว มีนางกำนัลคนนี้อยู่ด้วย เพราะว่าพวกเขาถูกพบ จักรพรรดินีรู้ว่านางหนีไม่ได้แน่จึงผลักนางกำนัลออกไปพร้อมหยกสลักสำหรับลบตัวตนที่นางบังเอิญได้มา
แน่นอนว่านางไม่ได้ทำแบบนี้เพื่อช่วยชีวิตนางกำนัล นางก็แค่หวังว่าจะมีใครสักคนที่สามารถส่งข้อความให้จินหยางได้ เพราะการกระทำของจักรพรรดินีแท้ๆ ทำให้นางกำนัลคนนี้ไม่ถูกพบตั้งแต่ต้นจนจบ
ตอนที่ 1967 คำเตือนของจินหยาง (3)
“ไม่ได้การแล้ว ข้าต้องรีบไปตามหาองค์หญิง!”
หลังจากที่อู๋จุนและเฉิงเฟยหยางจากไป นางกำนัลก็รีบวิ่งไปที่ทางออกจุดพัก แต่ว่าแค่ไม่กี่ก้าวนางบังเอิญชนกับโม่เชียนเฉิง
โม่เชียนเฉิงพึ่งรู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงทิ้งเขาไว้ข้างหลังแล้วออกเดินทางไปด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาจึงมีความโกรธอัดแน่นอยู่เต็มอก เมื่อเขาเดินชนกับนางกำนัลคนหนึ่ง เขาจึงตะโกนด้วยความโมโหทันที “เจ้าตาบอดหรือ”
“ท่าน…” เมื่อนางกำนัลยืนขึ้นก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง นางคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “ท่านเป็นสมาชิกของกลุ่มอาณาจักรเทียนฉีใช่หรือไม่เจ้าคะ”
มีคนจากอาณาจักรเทียนฉีมาที่นครเฟิงอวิ๋นแค่สี่คน เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร นางกำนัลก็ดูตื่นเต้นขึ้นมาทันทีแล้วจำได้ว่าชายหนุ่มคนนี้ยืนอยู่ข้างอวิ๋นลั่วเฟิง
ทันใดนั้นนางกำนัลก็คิดอะไรบางอย่างแล้วพูดออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้ “ในเมื่อท่านเป็นสมาชิกของอาณาจักรเทียนฉีถ้าอย่างนั้นก็รีบไปที่ป่าบททดสอบสวรรค์เร็วเจ้าค่ะ”
“ป่าบททดสอบสวรรค์งั้นหรือ” โม่เชียนเฉิงเอียงคอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงง
“อัจฉริยะของทั้งสี่อาณาจักรทุกคนไปที่ป่าบททดสอบสวรรค์เพื่อเข้าร่วมการประลอง แต่ที่จริงแล้วการประลองนี้เป็นแผนการลับๆ ของสำนักอิสระ อัจฉริยะทุกคนที่อยู่ภายในป่าบททดสอบสวรรค์จะเผชิญกับอันตรายเจ้าค่ะ”
เมื่อนางกำนัลผู้นี้พูดจบ สีหน้าของโม่เชียนเฉิงก็เปลี่ยนไปอย่างมากแล้วกลิ่นอายชั่วร้ายก็ระเบิดออกจากร่างเขา เขาพุ่งออกจากจุดพักอย่างบ้าคลั่ง
นางกำนัลผู้นี้โง่เกินไป นางรู้แค่ว่าโม่เชียนเฉิงเป็นสมาชิกในกลุ่มของอาณาจักรเทียนฉีแต่กลับบอกความลับนี้กับเขาโดยไม่รู้ว่าโม่เชียนเฉิงเป็นคนของเฉิงเฟยหยางหรือไม่
ถ้าเป็นคนอื่นนางก็คงถูกสังหารไปแล้ว โชคร้ายที่นางกำนัลไม่มีวิธีอื่น ด้วยกำลังของนางแม้เดินเร็วที่สุดก็ไม่มีใครรู้ว่านางจะไปถึงป่าบททดสอบสวรรค์เมื่อไหร่ ในเมื่อนางบังเอิญวิ่งชนโม่เชียนเฉิง นางจึงคว้าเขาไว้เป็นฟางเส้นสุดท้ายแล้วพูดออกไปจนหมด
เมื่อเห็นร่างที่จากไปของโม่เชียนเฉิง นางกำนัลก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่นางก็ยังไม่สบายใจเพราะเรื่องแค่นี้แล้วรีบจากไปเช่นเดียวกัน
…
ป่าบททดสอบสวรรค์เกิดความตึงเครียดมากอย่างเห็นได้ชัด
อัจฉริยะหลายคนมาถึงภายในป่าเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่พวกเขาสำรวจป่าทึบ คนที่เคยประสบเหตุการณ์ยากลำบากมานับไม่ถ้วนก็ยังหวาดกลัว
“องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
จู่ๆ องครักษ์คนหนึ่งก็ขยับตัวมาขวางหน้าจินหยางแล้วพูดเสียงเบาว่า “ฝ่าบาทส่งข้อความมาเมื่อสักครู่ว่าให้แจ้งองค์หญิงว่าห้ามเข้าไปในป่าบททดสอบสวรรค์พ่ะย่ะค่ะ”
จินหยางสะดุ้งแล้วดวงตาก็ฉายแววสงสัย “ทำไมล่ะ การประลองครั้งนี้สำคัญมาก เหตุใดฝ่าบาทถึงต้องการให้ข้าถอนตัว”
ท่านอู๋จุนเคยบอกว่าถ้านางไม่ได้ที่หนึ่ง นางจะถูกสั่งให้ไปแต่งงานกับจักรพรรดิของอาณาจักรอื่นอีกสามอาณาจักร แต่นางเป็นคนหยิ่งทระนงมาตลอด แล้วนางจะยอมใช้ชีวิตกับสามีร่วมกับสตรีอื่นได้อย่างไร เพื่อที่จะได้ไม่ถูกอู๋จุนจับคู่กับใครเข้า นางมีแต่ต้องชนะเท่านั้นและจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!
“กระหม่อมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทยังมีรับสั่งอีกว่าให้องค์หญิงจากไปแบบเงียบๆ และห้ามบอกคนอื่นพ่ะย่ะค่ะ”
“แม้แต่กับเสด็จพี่คนอื่นๆ ของข้างั้นหรือ”
“นี่เป็นรับสั่งของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
จินหยางเงียบ
ตั้งแต่เมื่อครู่ ความปั่นป่วนก็เกาะกุมหัวใจของนาง นางรู้สึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น การเข้าร่วมการประลองครั้งสำคัญแบบนี้แต่เสด็จพ่อของนางกลับสั่งให้นางถอนตัวและยังห้ามไม่ให้นางบอกเสด็จพี่คนอื่นๆ อีกงั้นหรือ
จินหยางสูดหายใจเข้าลึกๆ “ข้าเข้าใจแล้ว อีกสักพักข้าจะออกไป”
“ถ้าอย่างนั้นองค์หญิงก็ควรไปตอนนี้นะพ่ะย่ะค่ะ…”
จินหยางไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงช้าๆ
เมื่อฉีซูแล้วคนอื่นเห็นจินหยางเดินเข้ามา สายตาของพวกเขาก็เย็นเยียบแล้วเต็มไปด้วยความตื่นตัวราวกับกลัวว่านางจะเข้ามาโจมตี
ถึงอย่างไรพวกเขาก็มาถึงป่าบททดสอบสวรรค์แล้วดังนั้นตามกฎอัจฉริยะทุกคนก็สามารถโจมตีคู่แข่งได้!