ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 1968 คำเตือนของจินหยาง (4) / ตอนที่ 1969 คำเตือนของจินหยาง (5)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 1968 คำเตือนของจินหยาง (4) / ตอนที่ 1969 คำเตือนของจินหยาง (5)
ตอนที่ 1968 คำเตือนของจินหยาง (4)
“เจ้าชื่ออะไร” จินหยางถามขณะมองไปที่อวิ๋นลั่วเฟิง
อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองจินหยางแล้วยิ้มบาง “อวิ๋นลั่วเฟิง”
“ข้านับถือเจ้ามาก ถ้ามีโอกาส ข้าต้องได้ประลองกับเจ้า” ท่าทางเย็นชาของจินหยางมีความเย่อหยิ่งอยู่ในนั้นและน้ำเสียงที่นางใช้ก็ฟังดูเผด็จการเหลือเกิน เสียงของนางกังวานเสียจนทุกคนได้ยิน
องครักษ์ที่ตอนแรกคิดว่าจินหยางตั้งใจจะพูดบางอย่างก็ผ่อนคลายหลังจากที่ได้ยินแบบนี้
องค์หญิงชื่นชอบการแข่งขันมาตลอดดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่นางจะท้าดวลกับใครสักคน แต่ว่าที่เขาไม่เข้าใจก็คือเหตุใดองค์หญิงถึงสนใจสตรีผู้นี้ หรือว่า…นางจะสามารถสู้กับองค์หญิงได้
ระหว่างที่องครักษ์ไม่ได้สนใจ จินหยางก็หลุบตาแล้วพูดเสียงต่ำอย่างตั้งใจ “เสด็จพ่อของข้าสั่งให้ข้าถอนตัวและไม่อนุญาตให้ข้าบอกคนอื่น ระวังตัวตอนที่อยู่ในป่าบททดสอบสวรรค์ด้วย ข้าสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างจะเกิดขึ้น”
เสียงของนางเบามากจนมีแค่อวิ๋นลั่วเฟิง ฉีซูและคนของพวกเขาเท่านั้นที่ได้ยิน
พูดจบจินหยางก็หันหลังจากไป
ตั้งแต่ที่นางเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงครั้งแรก นางนับว่าสตรีผู้นี้เป็นคู่แข่งมาตลอด ไม่ว่าในอนาคตพวกนางจะเป็นสหายหรือศัตรูกัน นางก็ไม่หวังที่จะให้สตรีผู้นี้ต้องทิ้งชีวิตไว้ในป่าบททดสอบสวรรค์!
“แม่นางอวิ๋น นางหมายความว่าอย่างไร” ฉีซูถอยออกไปแล้วถามอย่างไม่เข้าใจ
อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตาเล็กน้อย “หลังจากที่เข้าไปในป่าบททดสอบแล้ว ให้สนใจความปลอดภัยของตัวเอง องค์หญิงจินหยางไม่มีทางเตือนเราโดยไม่มีเหตุผล”
ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้รู้สึกอะไรกับจินหยางมากนักแต่เมื่อครู่อีกฝ่ายมาพึ่งมาเตือนงั้นหรือ
ถ้าที่จินหยางพูดเป็นความจริง ถ้าอย่างนั้นการประลองครั้งนี้ก็คงไม่ง่าย…
“ตอนนี้พวกเราไปได้แล้ว” จินหยางเดินไปตรงหน้าองครักษ์แล้วมองคนอื่นๆ จากอาณาจักรจินหยางอย่างเฉยชา “ข้าจะออกไปจัดการบางอย่าง พวกเจ้าเข้าไปในป่าบททดสอบสวรรค์ก่อน อีกไม่นานข้ากลับมา”
สมาชิกคนอื่นจากอาณาจักรจินหยางไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติในคำพูดของจินหยาง ในความคิดของพวกเขา จินหยางไม่มีทางทิ้งการประลองที่สำคัญแบบนี้ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม
จินหยางไม่ได้ชอบอะไรองค์ชายพวกนี้มากนักแล้วยังรังเกียจมากกว่า ดังนั้นนางจึงไม่ได้เตือนอะไรพวกเขาแล้วเดินไปที่ตีนเขา
ตอนนี้จินหยางยังไม่รู้ว่าเพราะคำที่นางเตือนอวิ๋นลั่วเฟิง ทำให้ตอนที่นางตกอยู่ในถ้ำเสือในอนาคตอันใกล้ จะมีมือหนึ่งช่วยดึงนางออกมา
…
การเดินทางจากไปของจินหยางไม่ได้ทำให้เกิดความวุ่นวายอะไรในหมู่อัจฉริยะทั้งหลาย สำหรับพวกเขาแล้ว การที่จินหยางไม่เข้าร่วมการประลองเป็นเรื่องที่ดีที่สุด แบบนี้พวกเขาก็มีโอกาสได้เป็นอันดับหนึ่ง!
ตรงกันข้ามกับอวิ๋นลั่วเฟิงที่กำลังวิเคราะห์อย่างจริงจังเพราะคำพูดของจินหยาง
ฉีอวี่เดินมาตรงหน้าฉีหลิงด้วยฝีเท้าเบาแล้วยกยิ้ม เขาเชิดหน้าขึ้นอย่างยโส “พี่รอง ท่านควรจะระวังตัวภายในป่าบททดสอบสวรรค์นะ ไม่อย่างนั้นข้าเกรงว่าท่านอาจจะจากไปโดยไม่เหลือแม้แต่ศพ ฮะ ฮะๆ!”
ฉีอวี่หัวเราะดังลั่นแล้วเดินนำกองกำลังด้านหลังเขาเข้าไปในป่า
ฉีหลิงทำราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงของเขา เขาไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองแล้วเมินการมีตัวตนของอีกฝ่ายไปทั้งอย่างนั้น
“พวกเราเองก็ไปเหมือนกันเถอะ”
ทุกคนเข้าไปในป่าต่อๆ กัน อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองคนข้างหลังนางก่อนจะหันไปมองมู่เสวี่ยซิน “มากับพวกเราเถอะ”
ความยินดีโอบล้อมหัวใจของมู่เสวี่ยซิน แล้วนางก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ได้เลย”
แน่นอนว่าเมื่อคนจากอาณาจักรอื่นแอบได้ยินคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิง พวกเขาก็คิดว่านางกลัวแล้วหวังจะอาศัยทหารของอาณาจักรหลิวเฟิงเพื่อเรียกขวัญกำลังใจกลับมา
ตอนที่ 1969 คำเตือนของจินหยาง (5)
ป่าบททดสอบสวรรค์ตอนนี้เงียบสนิท มีแต่เสียงฝีเท้าเท่านั้นที่ยังดังอยู่
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับสัตว์วิญญาณอสูรจำนวนนับไม่ถ้วน สัตว์วิญญาณอสูรพวกนั้นก็ถูกฉีหลิงและคนอื่นจัดการก่อนที่อวิ๋นลั่วเฟิงจะจำเป็นต้องลงมือ
“ตลอดทางพวกเรายังหาที่ซ่อนของหยกผนึกไม่เจอเลย ถ้าพวกเราไปต่อแบบนี้ ข้าเกรงว่าพวกเราจะเข้าไปในส่วนลึกของป่าบททดสอบสวรรค์” ฉีซูเหลือบมองอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วถามว่า “แม่นาง พวกเราควรไปต่อหรือไม่”
อวิ๋นลั่วเฟิงมองอากาศด้านหลังนาง นางสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่คุ้นเคยตรงนั้น มุมปากของนางก็ยกขึ้น “ไปต่อเลย!”
ราวกับว่าการที่มีอวิ๋นเซียวติดตามมาทำให้นางไร้ซึ่งความกลัว
“เข้าใจแล้ว”
ฉีซูและคนอื่นไม่ลังเลอีกต่อไปแล้วรีบพยักหน้า
ทุกคนมุ่งหน้าต่อไปเข้าสู่ส่วนลึกของป่า ยิ่งพวกเขาเข้าไปลึกเท่าไหร่ สัตว์วิญญาณอสูรก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น อวิ๋นลั่วเฟิงเริ่มครุ่นคิดและไม่ประมาทอีกต่อไป
“แม่นางอวิ๋น ดูสิ”
จู่ๆ ฉีซูก็ชี้ไปที่วิหคขนาดใหญ่ที่อยู่บนท้องฟ้าด้วยดวงตาที่ฉายแววตื่นเต้น “ดูนั่น! วิหคนั่นคาบหยกผนึกไว้ที่ปากใช่หรือไม่”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น อวิ๋นลั่วเฟิงก็เงยหน้า ทันใดนั้นวิหคสีแดงเพลิงตัวมหึมาก็ปรากฏสู่สายตาของนางและหยกผนึกในปากของมันก็โดดเด่นมาก
วิหคเพลิงอาจจะหยิบหยกผนึกภายในป่ามาโดยบังเอิญและไม่รู้วิธีใช้มัน ดังนั้นจึงคาบมันออกมาแล้วบังเอิญบินผ่านพวกเขาพอดี
“ฉีซู ยิงนกนั่นลงมา!”
“ได้เลย”
ฉีซูยกมือขึ้นแล้วพลังฌานสายหนึ่งก็ถูกปล่อยออกจากมือของเขาแล้วเปลี่ยนเป็นกระบี่คมก่อนจะพุ่งไปที่วิหคเพลิงอย่างแรง
ทันใดนั้นวิหคเพลิงก็ส่งเสียงร้องคร่ำครวญแล้วร่วงลงมาจากฟ้าสู่พื้นอย่างรวดเร็ว
ความจริงแล้ว ฉีซูและคนอื่นๆ เก็บพลังส่วนหนึ่งไว้ตลอดการเดินทาง นอกจากต้องจัดการกับสัตว์วิญญาณอสูรที่ตั้งใจจะสังหารพวกเขาจริงๆ เขาถึงโจมตีและสังหารพวกมัน แต่กับสัตว์วิญญาณอสูรที่ไม่ได้ยั่วยุพวกเขาเหมือนวิหคเพลิงตัวนี้ เขาก็จะแค่ทำให้พวกมันบาดเจ็บนิดหน่อยแล้วไม่ทำร้ายพวกมันถึงชีวิต
“เป็นหยกผนึกจริงๆ! นี่เป็นหยกผนึกของอาณาจักรหลิวเฟิงของพวกเรา” มู่เสวี่ยซินดีใจมากแล้วรีบเดินไปหาฉีซูด้วยรอยยิ้ม
หลังจากคิดทบทวนแล้ว มู่เสวี่ยซินก็เอาหยกผนึกมามอบให้อวิ๋นลั่วเฟิง “แม่นางอวิ๋น ข้าจะยกหยกผนึกนี้ให้ท่าน แทนที่จะยอมให้คนอื่นรวบรวมแคว้นแล้วควบคุมอาณาจักรทั้งสี่ ข้ายอมให้คนคนนั้นเป็นท่านดีกว่า”
อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้พูดอะไรแล้วเก็บหยกผนึกไป “พวกเราไปกันต่อเถอะ”
อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาโชคดีเกินไปทำให้ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็เจอถ้ำแล้วพบหยกผนึกของอาณาจักรจินหยางอยู่ด้านในแล้วได้หยกมาโดยไม่ต้องออกแรงมาก
หยกผนึกมีทั้งหมดสี่อัน อวิ๋นลั่วเฟิงมีแล้วสองอัน นั่นหมายความว่านางมีโอกาสชนะครึ่งหนึ่ง
“หืม?”
ตอนที่กำลังจะเดินต่อไป จู่ๆ พวกเขาก็พบคนจากอาณาจักรจินหยางกำลังเริ่มสู้กับเฉียวจื่อเสวียนจากอาณาจักรจื่อเยว่
“เฉียวจื่อเสวียน มอบหยกผนึกมา!” องค์ชายของอาณาจักรจินหยางตะโกนเสียงดังด้วยสีหน้าแข็งกระด้าง
“ถ้าเจ้าอยากได้หยกผนึกก็อาศัยพลังของตัวเองสิ! จะมีประโยชน์อะไรถ้าเจ้าอ่อนแอเล่า” เฉียวจื่อเสวียนโต้ตอบทันควันอย่างไม่เกรงกลัว