ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 2191 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (32) / ตอนที่ 2192 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (33)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 2191 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (32) / ตอนที่ 2192 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (33)
ตอนที่ 2191 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (32)
“ว้าว ดูสิว่าใครมาน่ะ ฟู่ฉิง เพื่อนร่วมคลาสของฉันนี่เอง”
หญิงสาวในชุดเซ็กซี่จับมือชายหนุ่ม ก่อนจะสาวเท้าเข้ามาหาฟู่ฉิงอย่างมาดมั่น ท่าทีของเธอดูยโสและดูแคลนเป็นอย่างยิ่ง “อย่างบอกนะจ๊ะว่าเธอมากินข้าวภัตตาคารชุนหยวนเสวี่ยนี่น่ะ ครอบครัวเธอมีปัญญาจ่ายเงินกินอาหารที่นี่ด้วยเหรอ”
เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงที่กำลังจะเดินเข้าไปข้างในได้ยินเข้า จึงชะงักและหันมาหาฟู่ฉิง “เธอรู้จักเขาด้วยเหรอ”
ฟู่ฉิงพยักหน้าช้าๆ “เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่มหาวิทยาลัยหวาเซี่ยน่ะค่ะ”
เพื่อนร่วมชั้นงั้นรึ
อวิ๋นลั่วเฟิงกะพริบตา แววเย็นชาผุดวาบขึ้นในดวงตาของนาง
“พี่ลั่วเฟิง พี่เขย ไปกันเถอะค่ะ อย่าไปใส่ใจเขาเลย” ฟู่ฉิงกัดฟันพูด
“เฮ้!” เมื่อเห็นฟู่ฉิงทำท่าจะผละไป หญิงสาวก็หัวเสียและตะโกนขึ้นอย่างโกรธจัด “ฟู่ฉิง นี่เธอกล้าเมินฉันเหรอ เชื่อรึเปล่าว่าเดี๋ยวฉันจะป่าวประกาศไปให้ทั่วมหาลัยเลยว่าเธอน่ะมีเสี่ยเลี้ยง! เพราะถ้าไม่ใช่แบบนั้น แล้วผู้หญิงจนๆ อย่างเธอจะมีปัญญามากินข้าวที่นี่ได้ยังไง”
ฟู่ฉิงกำหมัดแน่น เธอโกรธจนเกือบจะสติหลุด แต่ก็ระงับใจเอาไว้ เธอหมุนตัวและกำลังจะเดินเข้าไปในภัตตาคาร
“นี่แก…”
หญิงสาวผู้นั้นโกรธจัดเสียจนเอื้อมมือออกมาหมายจะคว้าฟู่ฉิง แต่ก่อนที่จะทันได้แตะถึงตัว แขนของเธอก็ถูกมือของใครคนหนึ่งฉวยไว้เสียก่อน
“ลองพูดอีกทีซิ”
เสียงของอวิ๋นลั่วเฟิงเหี้ยมเกรียมและเยือกเย็น ทำให้หญิงสาวสะท้าน ไม่ช้าเธอก็สงบสติอารมณ์ลงได้และเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่กำลังข่มขู่เธอ
“แกต้องการอะไร”
เมื่อเห็นคนรักถูกรังแก ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกันก็สาวเท้าออกมาและพยายามที่จะร้องห้าม แต่เมื่อสายตาของเขาจับอยู่ที่ใบหน้าของอวิ๋นลั่วเฟิง เขาก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีก…
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาสวยเกินไป หนำซ้ำยังมีรัศมีร้ายกาจบางอย่างที่ชวนให้ดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง
จนผ่านไปเป็นครู่ ชายหนุ่มจึงหลุดจากภวังค์และส่งยิ้มให้ “คุณครับ คุณรู้รึเปล่าว่าการที่ทำร้ายแฟนผมจะต้องโดนลงโทษยังไงบ้าง แต่…ในเมื่อคุณเป็นคนสวย งั้นผมจะยอมปล่อยคุณไปถ้าคุณจะยอมใช้เวลาอยู่กับผมสักคืนหนึ่ง”
ทันทีที่เขาเอ่ยออกมาเช่นนั้น อากาศโดยรอบก็พลันเย็นยะเยือก ทุกคนรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างที่ซัดกระแทกเข้ามาจนหนาวสะท้าน
ฟู่หรูรีบเดินเข้ามาหาอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยความเป็นห่วง “ลั่วเฟิง อย่าไปยอมนะ อาจารย์จะปกป้องเธอเอง”
“โอ้ นี่นายเป็นอาจารย์ของเธองั้นเหรอ” ชายหนุ่มทำเสียงเยาะๆ ก่อนจะพูดต่อไปอย่างดูถูกว่า “แล้วนายจะมีปัญญาทำอะไรได้ ฉันน่ะเกลียดพวกอาจารย์ที่สุด! สาบานเลยว่าถ้าวันนี้ฉันไม่อัดนายให้อ่วม ฉันจะยอมเรียกนายว่าพ่อเลย!”
เมื่อพูดจบ ชายหนุ่มก็ยกขาขึ้นและเตะใส่ฟู่หรูทันที ฟู่หรูหน้าซีดเผือดด้วยความกลัว แต่ก็ยังคงยืนหยัดอยู่ข้างอวิ๋นลั่วเฟิง
เปรี้ยง!
อยู่ๆ มือใหญ่ก็คว้าฝ่าเท้าของชายหนุ่มไว้ แล้วกระแทกพลังใส่เข้าไปในท่อนขานั้น เสียงร้องหวีดแหลมดังขึ้น แล้วผู้คนที่อยู่รอบๆ ก็พากันวิ่งหนีด้วยความกลัวว่าจะโดนลูกหลง
“อ๊า!!! ขาฉัน ขาฉัน!!!” ชายหนุ่มกรีดร้องโหยหวน ใบหน้าหล่อเหลาเหยเก ดวงตาแดงก่ำ
ส่วนหญิงสาวที่เหยียดหยามฟู่ฉิงก็หวาดผวา ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ หันมองชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเย็นชาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เมื่อเทียบกับอวิ๋นลั่วเฟิงแล้ว ผู้ชายคนนี้น่ากลัวกว่ามาก…
เขาหักขาแฟนหนุ่มของเธอเพราะแค่ทะเลาะเถียงกันเนี่ยนะ
อวิ๋นเนี่ยนเฟิงยกมือขึ้นเท้าเอว มองดูชายหนุ่มที่กำลังกลิ้งโคโล่และแหกปากร้องลั่นๆ อยู่บนพื้น ก่อนจะพ่นลมพรืดออกทางจมูก “ท่านพ่อเจ้าคะ ผู้ชายคนนี้ทำให้ท่านแม่ต้องอับอายขายหน้า พ่ออย่าปล่อยเขาไปง่ายๆ นะเจ้าคะ ข้าว่าพ่อควรจะตัดลิ้นเขาซะจะได้ไม่ต้องพูดมากอีก!”
ตอนที่ 2192 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (33)
ดวงตาของอวิ๋นเซียวเต็มไปด้วยความกระหายที่จะปลิดชีวิต ใบหน้าของเขาเรียบเฉยปราศจากอารมณ์ เย็นชาราวกับเทพแห่งความตาย
“อย่านะ ฉันผิดเอง ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ ฉันผิดเองจริงๆ!” เมื่อชายหนุ่มได้ยินสิ่งที่อวิ๋นเนี่ยนเฟิงพูด เขาก็รีบอ้อนวอนขอความเมตตา ด้วยกลัวว่าอวิ๋นเซียวอาจจะตัดลิ้นเขาทิ้งซะด้วยความโกรธได้
เขาเชื่อว่าผู้ชายคนนี้จะทำเช่นนั้นได้จริงๆ
อวิ๋นลั่วเฟิงดึงแขนเสื้ออวิ๋นเซียวไว้และส่ายหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้น หลุบสายตาลงมองและเอ่ยพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ว่า “จำไว้ด้วยล่ะ ว่าแฟนของนายเป็นคนเริ่มเองนะ ถ้าเธอไม่ไปหาเรื่องคนอื่นก่อน นายก็คงไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้”
หญิงสาวในชุดวาบหวิวตัวสั่นเทา ท่าทางหวาดผวาหนัก
แน่นอนว่าเมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงพูดเช่นนั้น เธอก็ได้เห็นแววโกรธจัดฉายอยู่ในดวงตาของแฟนหนุ่มทันที
“อวิ๋นเซียว ช่างเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงค่อยๆ หมุนตัวและเดินเข้าสู่ด้านในของภัตตาคาร
บางอาจเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทำให้ฟู่ฉิงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ตลอดเวลาที่เดินเข้าไป หญิงสาวไม่เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว แต่เมื่อเดินพ้นประตูเข้ามาข้างในห้อง เธอก็พูดขึ้นด้วยเสียงอ่อยๆ ว่า
“พี่ลั่วเฟิง หนูขอโทษนะคะ หนูทำให้พี่เดือดร้อนอีกแล้ว…”
ห้าปีก่อนตอนที่อวิ๋นลั่วเฟิงยังอยู่ที่นี่ ฟู่ฉิงมักถูกรังแกอยู่บ่อยครั้งเพราะความไม่สู้คนของเธอ ทุกครั้ง อวิ๋นลั่วเฟิงจะต้องเป็นคนไปไปจัดการเอาคืนให้แทน ด้วยการไล่อัดพวกอันธพาลเหล่านั้น เพื่อไม่ให้กล้ามารังแกฟู่ฉิงอีก เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ไม่เคยเปลี่ยนเลย…
อวิ๋นลั่วเฟิงชะงัก นางพูดขึ้นโดยไม่ได้หันมาหาเด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยซ้ำว่า “ฉันไม่สามารถปกป้องเธอไปได้ตลอดหรอกนะ ถ้าไม่อยากโดนรังแก เธอก็ต้องทำตัวให้เข้มแข็งกว่านี้”
จะเป็นที่แคว้นเจ็ดเมืองหรือเมืองหวาเซี่ยก็ไม่ได้ต่างกันเลยซักนิด ในโลกที่ดำเนินไปด้วยกฎแห่งป่าใหญ่ มีเพียงคนที่แข็งแกร่งพอเท่านั้นที่จะไม่ถูกรังแก!
“แต่ว่าหนู…” ฟู่ฉิงห่อปาก หน้าทางดูเศร้าสร้อย
“ตอนนี้อาจารย์ก็แก่มากแล้ว เขาคงปกป้องเธอไปตลอดชีวิตไม่ได้เหมือนกัน และฉันเองก็ใช่ว่าจะอยู่ที่นี่ตลอดไป ในอนาคต เธอจะต้องเป็นคนปกป้องตัวเองนะ”
ไม่รู้เหมือนกันว่าฟู่ฉิงเข้าใจสิ่งที่นางพูดหรือเปล่า แต่อวิ๋นลั่วเฟิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก และพาเด็กสาวเข้าไปในห้อง
“คุณลูกค้า อยากจะสั่งอาหารตอนนี้เลยหรือว่า…” พนักงานเสิร์ฟเข้ามาถามอย่างนอบน้อม
“อาจารย์คะ” อวิ๋นลั่วเฟิงหันไปหาฟู่หรู “หนานกงกับคนรักของเขาจะมาที่นี่ด้วย เอาไว้เราค่อยสั่งหลังจากที่เขามาถึงดีมั้ยคะ”
“หนานกงกับแฟนรึ ฮ่าๆ!” ฟู่หรูหัวเราะอย่างยินดี ไม่ได้มีท่าทีหดหู่หม่นหมองเหมือนก่อนหน้า “ดีเลย งั้นเอาไว้พวกเขามาถึงแล้วค่อยสั่งอาหารก็ได้! ช่วยรอหน่อยเถอะนะ”
พนักงานเสิร์ฟยิ้มให้และกลับออกไป
เมื่อประตูห้องปิดลง โทรศัพท์ของใครบางคนก็ดังขึ้น
ฟู่ฉิงหยิบโทรศัพท์ออกมาดู สีหน้าขัดเขิน “พี่ลั่วเฟิง เพื่อนร่วมชั้นของฉันน่ะค่ะ”
“รับสิ” อวิ๋นลั่วเฟิงบอกเรียบๆ นางนึกเป็นห่วงชีวิตในมหาวิทยาลัยของฟู่ฉิงขึ้นมาทันทีที่ได้พบกับหญิงสาวคนนั้น และตอนนี้นางก็อยากรู้ว่าเพื่อนร่วมชั้นของฟู่ฉิงโทรมาทำไม
ฟู่ฉิงรับสายอย่างว่าง่าย และกดปุ่มเปิดสปีกเกอร์เพื่อให้ทุกคนได้ยินเสียงที่ดังมาจากปลายสาย
“ฟู่ฉิง เสี่ยวอวี่บอกฉันว่าตอนนี้เธออยู่ที่ภัตตาคารชุนหยวนเสวี่ยเหมือนกันงั้นเหรอ”
เสียงนั้นแม้จะเบา แต่ก็ฟังออกว่าเสแสร้ง ทำเอาอวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วน้อยๆ
“ฉันบังเอิญเจอกับโม่เสี่ยวอวี่ตรงทางเข้าภัตตาคารน่ะ” ฟู่ฉิงกัดริมฝีปาก ก่อนจะถามว่า “มีอะไรเหรอ เธอโทรมาทำไม”