ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ - ตอนที่ 2227 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (68) / ตอนที่ 2228 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (69)
- Home
- ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ
- ตอนที่ 2227 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (68) / ตอนที่ 2228 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (69)
ตอนที่ 2227 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (68)
“ฉันกำลังมองหาลูกตาของฉัน เห็นบ้างมั้ย”
“อ๊าก!!” เสียงหวีดร้องดังก้องไปทั่ว หลี่ชุ่ยชุ่ยหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อหันไปมองดูผู้ชายตรงหน้า แล้วหน้าของเธอก็เริ่มเผือดสี
ใบหน้าของชายผู้นั้นดูพิกลพิการเสียจนไม่อาจบอกได้ว่าเขาเป็นใคร เบ้าตามีเลือดนอง ปากฉีกอ้าใหญ่จนสามารถกลืนคนเข้าไปทั้งคนได้
“โอ้ ลูกตาของฉัน” ชายผู้นั้นยิ้ม “กลายเป็นว่าลูกตาของฉันอยู่กับเธอนี่เอง เอาลูกตาฉันคืนมา”
เมื่อได้ยินคำพูดชวนขนลุกเช่นนั้น หลี่ชุ่ยชุ่ยก้มลงมอง แล้วก็ได้เห็นลูกตาสองดวงอยู่ในมือของตัวเอง ด้วยความกลัว เธอรีบโยนมันทิ้งไปทันที มันหล่นลงพื้นพร้อมด้วยเสียงป๊อบ
“พี่ชาย ฉันขอร้องละ ปล่อยเราไปเถอะ ฉันผิดเอง ฉันสัญญาว่าถ้ากลับไปฉันจะทำบุญไปให้ ขออย่าได้มาหลอกมาหลอนกันอีกเลยนะ”
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เห็นหน้าของเขา แต่เธอก็ยังพอเดาได้ว่าเขาคือใครจากรูปร่างที่เห็น
อีกอย่าง มือสังหารที่พวกเธอส่งไปเป็นคนควักลูกตาทั้งสองข้างของเขาออกมาเอง แม้แต่ใบหน้าของเขา ก็ถูกคนของเธอกรีด
“ในที่สุดฉันก็เจอลูกตาของฉันแล้ว ขอบใจมากนะ” เสียงชายผู้นั้นสุภาพจนน่าขนลุก
“ว่าแต่ แล้วลูกสาวฉันอยู่ไหนล่ะ ฉันมีลูกสาวด้วยนะ เธอสัญญาเอาไว้ว่าจะดูแลลูกฉันไม่ใช่รึ ช่วยพาลูกสาวฉันกลับมาได้มั้ย คืนเธอให้ฉันด้วยเถอะ”
ชายคนนั้นลอยผ่านอวิ๋นเทียนฉีไป ใบหน้านั้นเคียดแค้นน่ากลัว “ฉันต้องการลูกสาวของฉัน ฉันต้องการลูกสาวของฉัน!”
คราวนี้ อวิ๋นเทียนฉีที่ตกใจกลัวสุดขีดเริ่มคืนสติ และตะโกนถามออกไปด้วยความกลัวว่า “พี่ชาย นั่นพี่เหรอ พี่กลับมาแล้วจริงๆ เหรอ”
“คืนลูกสาวฉันมา ลูกสาวฉัน!!!” อีกเสียงหนึ่งที่น่าขนลุกดังขึ้น
แล้วพวกเขาก็ได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งลอยอยู่ใกล้ๆ มือทั้งสองข้างของเธอบีบคออวิ๋นเทียนฉี
“แกมันไอ้คนทรยศใจคออำมหิต! แกฆ่าพวกฉัน ขโมยสมบัติของพวกฉัน แล้วยังรังแกลูกสาวของฉันอีก!”
“โอ๊ย โอ๊ย!” อวิ๋นเทียนฉีดิ้นรนหาอากาศ ใบหน้าเขาแดงก่ำ เขามองดูผู้หญิงที่ใบหน้าเปื้อนเลือดตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว “พะ พี่สะใภ้ ผมผิดไปแล้ว…”
หลี่ชุ่ยชุ่ยไม่ได้โกหกจริงๆ สองคนนี้ตามมาล้างแค้นจริงๆ
“ฮ่าๆๆๆ!” คนที่เป็นผู้ชายหัวเราะเสียงเย็น “ขอโทษงั้นเรอะ เราจะไปรอฟังคำขอโทษของแกในนรก!”
ดวงตาของอวิ๋นเทียนฉีเหลือกกลับไปข้างหลังเพราะถูกบีบคอ ในหัวเขาคิดอะไรไม่ออกแล้ว ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่เมื่อตอนที่เขาคิดว่าตัวเองกำลังจะต้องตายนั้นเอง มือที่บีบคอเขาอยู่ก็คลายออก
อวิ๋นเทียนฉีลืมตาขึ้นเพื่อที่จะพบว่า ผีทั้งสองตนที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาก่อนหน้านี้หายวับไปแล้ว เขารีบยกมือขึ้นจับลำคอตัวเอง รับรู้ได้ถึงอากาศบริสุทธิ์สะอาดที่ไหลเข้าไปจนเผลอสูดหายใจเข้าลึกอย่างลืมตา
“เรา…ยังไม่ตายหรือนี่”
การได้มีชีวิตอยู่ช่างเป็นสิ่งที่….วิเศษจริงๆ
“รีบไปจากที่นี่กันเถอะ ไม่อย่างงั้นอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว!”
เมื่อพูดจบ อวิ๋นเทียนฉีก็รีบก้าวเข้าลิฟต์ หลังจากหลี่ชุ่ยชุ่ยตามเข้ามา เขาก็กดปุ่มลงไปยังชั้นล่าง
เมื่อรู้สึกได้ว่าลิฟต์กำลังเคลื่อนตัวลงไปอย่างรวดเร็ว อวิ๋นเทียนฉีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ยังไม่ทันถอนหายใจได้สุดปอด เขาก็รู้สึกได้ว่าลิฟต์นั้นกำลังเคลื่อนที่ลงไปก็จริง แต่ตัวเลขที่ปรากฏที่ปุ่มก็ยังคงเป็นชั้นสิบอยู่นั่นเอง
มันกะ…เกิดอะไรขึ้นกันแน่…
“เราออกไปจากที่นี่ไม่ได้” หลี่ชุ่ยชุ่ยพ่นลมออกทางจมูก “ไม่ว่าเราคนไหนก็ไม่มีทางได้ไปจากที่นี่วันนี้แน่ ไม่มีทางที่พวกเขาจะไว้ชีวิตเรา”
“หุบปากนะ!” อวิ๋นชูเทียนตะคอกอย่างโกรธจัด ดวงตาของเขาแดงก่ำขณะที่กระแทกปุ่มลิฟต์ชั้นล่างสุดไม่ยั้ง “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเราจะไปจากที่นี่ไม่ได้! พวกมันก็เป็นแค่ผี! คนตายจะมาสู้อะไรกับคนเป็นได้”
ตอนที่ 2228 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (69)
หลี่ชุ่ยชุ่ยทำเสียงเยาะแล้วหลับตาลง เธอนั่งเงียบๆ อยู่ที่มุมลิฟต์ เนื้อตัวสั่นไปหมด
…
บริษัทอวิ๋นเภสัชกรรม
ร่างโปร่งใสสองร่างยืนอยู่ใต้ต้นไม้โดยมีแสงจันทร์ส่องสว่างลงมายังพวกเขา ใบหน้าของทั้งคู่ไม่มีวี่แววของความอาฆาตมาดร้ายอันน่าขนลุกในตอนแรกแล้ว และแปรเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าอ่อนโยนตามปกติของพวกเขา
“อวิ๋นลั่วเฟิง พวกเราหลอกสองคนนั่นไปแล้ว ป่านนี้คงจะสติแตกกันไปแล้วทั้งคู่…” เสียงของผู้หญิงหัวเราะคิกคักด้วยความสนุก แต่แล้วเสียงหัวเราะก็ค่อยๆ จางหายไปในตอนท้าย “แต่ พวกเราคงจะต้องไปกันแล้วละ”
“แม่…” อวิ๋นลั่วเฟิงจับมือของผู้หญิงเอาไว้แน่น “แล้วหนูจะไปเยี่ยมนะคะ”
เหมี่ยวฟางหัวเราะ “พวกเราสมความปรารถนาที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว และลูกเองก็ไม่สามารถเข้าไปยังสถานที่ที่พวกเราจะไปได้ มันเป็นโชคชะตาน่ะ เอาไว้ชาติหน้าพบกันใหม่นะลูก”
เมื่อพูดจบ ทั้งสองร่างก็ยิ่งโปร่งบางและจางหายไปในที่สุด
อวิ๋นลั่วเฟิงยังคงยืนมองจุดที่ทั้งสองหายตัวไปนิ่งนาน ก่อนจะยิ้มออกมา “ไม่มีใครห้ามข้าไม่ให้ไปในที่ที่ข้าอยากไปในแคว้นเจ็ดเมืองได้หรอก ทำไมข้าจะต้องยอมอยู่ที่หวาเซี่ยนี่ด้วยล่ะ อวิ๋นเซียว ไปกันเถอะ”
เธอหมุนตัวและออกเดินไป
…
หลี่ชุ่ยชุ่ยและอวิ๋นเทียนฉีไม่รู้ว่าอวิ๋นหลิงและเหมี่ยวฟางจากไปแล้ว
เหมี่ยวฟางไปเจอผีอีกตนที่อยู่แถวนั้น และชวนให้ตามไปหลอกคนทั้งคู่ และไม่ยอมให้ออกมาจากลิฟต์
ค่ำคืนแห่งความทรมานนั้นคงจะยาวนานทีเดียวสำหรับพวกเขา!
แน่ละว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ เมื่อผู้คนมาถึงบริษัทในวันต่อมา พวกเขาก็ได้เห็นหลี่ชุ่ยชุ่ยกำลังนอนขดอยู่ที่มุมหนึ่งบนพื้นลิฟต์ ส่วนอวิ๋นเทียนฉียังคงนั่งกดปุ่มชั้นล่างไม่หยุดด้วยแววตาหวาดระแวง
เมื่อรู้ว่าประตูลิฟต์เปิดออก เขาก็รีบเผ่นพรวดออกมาทันทีพร้อมเสียงหัวเราะดังลั่น สีหน้าราวกับคนบ้าของเขาทำให้พนักงานที่กำลังทยอยกันมาถึงบริษัทหวาดกลัว
“ฉันเป็นอิสระแล้ว! ในที่สุดข้าก็เป็นอิสระแล้ว!” เขายังคงหัวเราะ ดวงตาแดงก่ำราวกับคนคลั่ง
แม้ว่าหลี่ชุ่ยชุ่ยจะไม่ได้มีท่าทีแบบนั้น แต่เธอก็เอาแต่พูดพึมพำกับตัวเองตลอดเวลา “เหมี่ยวฟาง อย่ากลับมาหลอกหลอนกันอีกเลยนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ฉันไม่ได้ตั้งใจฆ่าพี่…”
ฆ่าพี่งั้นเหรอ
คำพูดนี้ทำเอาคนฟังต้องแปลกใจ พวกเขารีบโทรแจ้งตำรวจทันที บางคนก็รีบเข้าไปในห้องเพื่อดูภาพจากกล้องวงจรปิดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลิฟต์เมื่อคืนที่ผ่านมา ทุกคนก็ยิ่งงุนงงสับสนมากขึ้นไปอีก
ลิฟต์นั้นเคลื่อนลงมายังชั้นล่างสุดแล้ว แต่ทำไมอวิ๋นเทียนฉีถึงยังพยายามจะกดปุ่มชั้นล่างไม่หยุด ราวกับว่าลิฟต์นี่มีสิ่งน่ากลัวบางอย่างอยู่ข้างใน
ไม่ช้าตำรวจก็มาถึง คำพูดที่หลี่ชุ่ยชุ่ยพร่ำพูดระหว่างที่กำลังสติหลุดนั้นได้กลายเป็นหลักฐานมัดตัวสำหรับคดีฆาตกรรม ตำรวจลงมือสืบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นทันที
เดิมทีแล้ว ด้วยความมั่งคั่งของตระกูลหลิน การที่จะช่วยหลี่ชุ่ยชุ่ยจากเรื่องนี้ดูไม่น่าจะใช่เรื่องใหญ่
แต่เมื่อหนานกงอวิ๋นอี้ได้แจ้งแก่ปู่ของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ปู่หนานกงจึงบอกแก่ผู้บังคับบัญชาตำรวจให้สืบสวนเรื่องนี้ในฐานะคดีสำคัญ
แม้ว่าการสืบสวนจะเต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็น่าตกตะลึง เริ่มจากมีใครบางคนส่งหลักฐานที่หลี่ชุ่ยชุ่ยวางแผนใส่ความฟู่หรูเมื่อห้าปีก่อน และยังส่งภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องน้ำคาเฟ่ไปที่สถานีตำรวจด้วย แน่ละว่าตรงส่วนที่เหมี่ยวฟางปรากฏตัวออกมานั้นถูกลบทิ้งไป
และจากคำให้การของหลี่ชุ่ยชุ่ย พวกเขาก็ได้รู้ว่าอวิ๋นเทียนฉีและหลี่ชุ่ยชุ่ยได้จ้างมือสังหารไปฆ่าพี่ชายและพี่สะใภ้ของตัวเองเมื่อหลายปีก่อน เพื่อที่จะได้ฮุบสมบัติของพี่ชาย พวกเขายังค้นพบอีกด้วยว่า ทั้งคู่ใส่ความลูกสาวคนเดียวของพี่ชาย อวิ๋นลั่วเฟิง และขับไล่เธอออกจากตระกูล
ไม่ช้า ผลการสืบสวนก็ถูกเผยแพร่ออกไปทางอินเทอร์เน็ต หลายคนขอให้มีการลงโทษอวิ๋นเทียนฉีและภรรยาอย่างสาสม ไม่เช่นนั้นบรรดาคนที่ถูกพวกเขาทำร้ายคงไม่ได้รับความยุติธรรม