วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1009 ไม่ว่าเธอพยายามเลียนแบบขนาดไหนเธอก็ไม่มีทางเป็นถังหนิงได้หรอก!
- Home
- วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์
- ตอนที่ 1009 ไม่ว่าเธอพยายามเลียนแบบขนาดไหนเธอก็ไม่มีทางเป็นถังหนิงได้หรอก!
ด้วยเหตุนี้หันซิวเช่อจึงไม่ได้เห็นถังหนิงที่วิทยาลัยนับตั้งแต่วันนั้น
หลังจากสอบถามกับทางวิทยาลัยว่าทำไมถังหนิงถึงไม่มาเข้าเรียน ถึงได้รู้เอาทีหลังว่าเธอได้ลาออกไปแล้ว
ถังหนิงลาออก!
หันซิวเช่อนึกไม่ถึงว่าเธอจะเปลี่ยนใจอย่างกะทันหันได้ขนาดนี้
ถ้าเป็นเช่นนี้ทำไมเธอต้องลุกขึ้นมาตอกกลับคนทั้งโลกกันด้วย
แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่สมควรอยู่ แม้แต่ในปักกิ่งเธอยังไม่ยอมทนกับขี้ปากชาวบ้าน ไม่แปลกใจที่เธอจะหนีไปอีกครั้ง
หันซิวเช่อพลันหงุดหงิดระคนโกรธเกรี้ยว ผู้หญิงที่เขาเฝ้าชื่นชมมานานเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ
ไม่มีทาง…
เขาไม่อยากจะเชื่อแต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าถังหนิงได้เดินทางออกจากอังกฤษไปแล้ว
หันซิวเช่อผิดหวังที่ผู้หญิงซึ่งนับได้ว่าเป็นตำนานที่แท้กลับเป็นคนเช่นนี้
“ไม่ เป็นไปไม่ได้น่า” เขารู้สึกถูกหยามหน้า
“พวกเธอได้ข่าวว่านังตัวดีจากจีนลาออกไปแล้วหรือเปล่า”
“คนจีนนี่ขี้ขลาดกันจริงๆ เลย”
“ชื่อเสียงป่นปี้ซะขนาดนั้น ถ้าฉันเป็นเธอฉันก็คงไม่อยู่เหมือนกัน”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ชาวต่างชาติพูดกัน หันซิวเช่อก็โยนกระดาษในมือก่อนจองตั๋วเครื่องบินจากอังกฤษกลับปักกิ่งทันที
เมื่อกลับมาถึงปักกิ่ง เขาถามผู้จัดการของตัวเอง “ถังหนิงได้กลับมาปักกิ่งหรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้ยินเรื่องนั้นเลยนะ” เธอตอบ
“อย่างนั้นเธอต้องซ่อนตัวอยู่แน่ๆ…” หันซิวเช่อทั้งโกรธทั้งขายหน้า เขารู้สึกขึ้นมาทันทีว่าตัวเองได้เสียเวลาไปกับการหมกมุ่นในสิ่งที่ผิด
ทว่าในตอนนั้นเองที่ถังหนิงตัวปลอมโผล่มาในโฆษณาบนจอโทรทัศน์ เมื่อเขาเห็นเธอก็รู้สึกสนใจทันที “ฉันอยากได้ช่องทางติดต่อผู้หญิงคนนี้”
“หันซิวเช่อ นี่คุณเอาจริงเหรอเนี่ย แค่เพราะคุณแย่งถังหนิงมาไม่ได้เลยพยายามคว้าตัวนังของเลียนแบบมาเหรอ”
“เธอไม่เข้าใจหรอกน่า ฉันเล็งผู้หญิงคนนี้เพราะต้องการทำให้เห็นว่าถังหนิงก็ไม่ได้ดีเด่อะไรเลยต่างหาก”
ผู้จัดการนึกงุนงงกันการเปลี่ยนใจกะทันหันของเขา
เมื่อก่อนเขาชื่นชอบในตัวถังหนิงนักหนา แต่ตอนนี้กลับเกลียดชังเธอถึงกระดูกดำ เขาคิดอะไรอยู่กันแน่
“ซิวเช่อ ฉันว่าคุณควรไปพบจิตแพทย์บ้างนะคะ”
“ฉันรู้ว่าทำลังทำอะไรอยู่น่า” หันซิวเช่อปัดมือไปมาด้วยท่าทีนิ่งเฉย “ไปทำตามที่ฉันสั่งก็พอ”
หญิงสาวที่เขาทุ่มเทใส่ใจมานานกลับกลายเป็นคนลวงโลก หันซิวเช่อจึงออกอาการโกรธที่ถูกเหยียดหยาม มันเหมือนกับการออกตามหาช็อกโกแลตชิ้นอร่อย แต่เมื่อหยิบเข้าปากกลับค้นพบว่ารสชาติห่วยแตก และก่อนหน้านี้ตัวเองโง่อยู่ตั้งนาน
“ถังหนิงก็แค่คนขี้ขลาด พอไม่มีโม่ถิงเธอก็ไม่ได้มีดีอะไรหรอก”
…
ในขณะเดียวกันที่อเมริกา ถังหนิงไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ไปท้าทายใครบางคนเข้าให้แล้ว ด้วยเธอไม่ได้ใส่ใจหันซิวเช่อแม้แต่น้อย
หลังจากมาถึงพร้อมเหยียนเอ๋อร์ ทั้งคู่ย้ายเข้าพักที่คฤหาสน์ของพวกเขาในอเมริกาทันที โม่ถิงจัดการให้ถังหนิงได้ทำงานร่วมกับผู้กำกับชื่อดังจากไห่รุ่ยโดยเร็วที่สุด
เพื่อเลี่ยงการเกิดเรื่องวุ่นวายกับสื่อ พวกเขาระวังตัวมากกว่าตอนที่อยู่ที่อังกฤษ ถังหนิงปลอมตัวทุกวันก่อนออกนอกบ้านเพื่อไม่ให้ใครจำเธอได้
เธอโทรคุยกับอันจื่อเฮ่าอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อปลายสายรับทราบแผนของเธอ เขาก็หัวเราะออกมาก่อนบอกกับเธอว่าเธอน่าจะติดต่อเขามาก่อนหน้านี้จะได้แนะนำเธอให้หับผู้กำกับภาพยนตร์ไซไฟชื่อดังให้
“คุณคาดหวังในตัวเองไว้สูงมากเลยนะ ทำไมคุณถึงต้องเข้าใจการสร้างหนังทุกด้านด้วยตัวเองด้วยล่ะ”
“ถ้าฉันมาคาดหวังในตัวเอง คนจะมาดูหนังของฉันไหมล่ะคะ”
“ก็ได้ครับ ผมเถียงคุณไม่ได้หรอก ไหนๆ ประธานโม่ก็จัดการให้คุณแล้ว คุณก็ควรจะเรียนรู้ได้อย่างสบายใจแล้วล่ะ” อันจื่อเฮ่าหัวเราะ “แต่ช่วงที่คุณไม่อยู่ ที่ปักกิ่งยังมีข่าวซุบซิบไม่น้อยเลยนะครับ
“อีกอย่างผมก็เห็นว่าจู้ซิงมีเดียกำลังลำบาก คุณไม่คิดจะทำอะไรเลยจริงๆ เหรอครับ”
“ในเมื่อฉันส่งต่อจู้ซิงมีเดียให้หลงเจี่ยไปแล้ว ถ้าฉันเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยจะเกิดอะไรกับเธอล่ะคะ คุณก็น่าจะเข่าไปช่วยเธอเพื่อความสบายใจสักหน่อยนะคะ”
“ไม่ต้องบอกผมก็รู้ครับ…” เขาถอนหายใจก่อนว่าขึ้น “พอไม่มีคุณแล้ววงการบันเทิงก็กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อไปเลยล่ะ”
“เพราะว่าไม่มีข่าวของฉันเหรอคะ”
“ไม่ใช่ครับ เพราะมีตัวปัญหามากเกินไปต่างหาก คุณต้องอยู่คอยจับตาดูพวกเขาสิครับ”
ถังหนิงหัวเราะก่อนตอบกลับอย่างมีความนัย “ฉันเป็นแค่คนที่ถูกกีดกันจากวงการบันเทิงนะคะ…”
“พอแล้วน่า เรารู้จักกันมานาน ไม่ต้องมาเกรงใจอะไรกันแล้วล่ะ รีบกลับมาเร็วๆ ล่ะกันนะครับ ผมยังรอดูผลงาน มดราชินี อยู่นะ”
เมื่อเขาพูดจบก็วางสายไป
ในขณะเดียวกันถังหนิงหันไปมองหน้าโม่ถิงอย่างจนปัญญา “ในสถานการณ์อย่างนี้ ให้ลู่เช่อแอบช่วยได้ไหมคะ หลงเจี่ยคงยึดมั่นในศักดิ์ศรีจนไม่ยอมรับความช่วยเหลือของเขาแต่ว่า…”
“ผมบอกแล้วยังไงครับว่าจู้ซิงมีเดียไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณ” โม่ถิงเอ่ยพลางมองถังหนิง “ในเมื่อคุณตัดสินใจแล้วก็ควรจะเรียนรู้ที่จะปล่อยวางนะครับ หลงเจี่ยต้องเติบโตได้แล้ว”
หลังครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ถังหนิงพยักหน้ารับ “ก็ถูกของคุณค่ะ ฉันจะทำตามที่คุณบอกแล้วกันนะคะ”
ในเวลาเดียวกันนั้นจู้ซิงมีเดียได้เผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่จริงๆ ไม่ว่าหลงเจี่ยจะพยายามมากแค่ไหนเธอก็ไม่สามารถสร้างความฮือฮาได้อย่าครั้งที่ถังหนิงอยู่ อีกทั้งศิลปินทุกคนที่เธอเซ็นสัญญาดูเหมือนว่าจะลงเอยเหมือนหันซิวเช่อ พวกเขาไม่กระตือรือร้นที่จะก้าวหน้าหรือผลิตผลงานที่ดีออกมาแต่อย่างใด
“นี่ฉันไม่มีน้ำยาขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” หลงเจี่ยถามหลินเฉี่ยนที่กำลังตั้งท้องอยู่ “ทำไมฉันถึงทำอย่างถังหนิงไม่ได้ทั้งที่ใช้วิธีเดียวกันแท้ๆ ล่ะเนี่ย”
หลินเฉี่ยนตบบ่าหลงเจี่ยก่อนกล่าวปลอบ “คุณกดดันตัวเองมากเกินไปแล้วนะคะ คุณทำได้ดีแล้วล่ะค่ะ”
“หลงเจี่ยเครียดเพราะผมไม่เชื่อฟังสินะครับ” หลังจากมาถึงจู้ซิงมีเดียและไม่เห็นหน้าหลงเจี่ย หันซิวเช่อรู้ทันทีว่าเธอคงออกมาที่ระเบียง แต่นึกไม่ถึงว่าจะเจอหลินเฉี่ยนด้วย
“ฉันยังไม่ได้ถามคุณเลยนะว่าทำไมอยู่ๆ ถึงไปอังกฤษกะทันหัน”
“ผมไปเจอถังหนิงครับ” หันซิวเช่อไหวไหล่ “แต่หลังจากที่เธอลาออกไปผมเลยกลับมา…
…ใครบอกให้เธอดังขนาดนั้นล่ะครับ แล้วใครบอกให้ผมพลาดไม่ได้เจอเธอก่อนหน้านี้ล่ะ”
“ไหนๆ คุณก็กลับมาแล้ว ตั้งใจกับความก้าวหน้าของคุณแทนที่จะทำเรื่องไร้สาระดีกว่านะคะ”
“พอคุณพูดอย่างนี้แล้ว ผมก็อยากจะแนะนำให้ว่าในเมื่อถังหนิงไม่ได้อยู่ที่จู้ซิงมีเดียแล้ว เราน่าจะคว้าตัวถังหนิงตัวปลอมมาอยู่สังกัดเราเพื่อสร้างกระแสนะครับ คิดดูสิครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราเซ็นสัญญากับเธอ…”
หลงเจี่ยส่ายหน้าทันที “อย่าพูดถึงนังถังหนิงตัวปลอมต่อหน้าฉันอีก ไม่ว่าเธอพยายามเลียนแบบขนาดไหนเธอก็ไม่มีทางเป็นถังหนิงได้หรอก!”
สิ้นคำ หลงเจี่ยก็หันหลังเดินกลับไปที่ห้องทำงานของเธอ
ในขณะที่หลินเฉี่ยนมองหน้าหันซิวเช่ออย่างจับผิด
เธอนึกเอะใจตั้งแต่ที่หลงเจี่ยเซ็นสัญญากับคนคนนี้แล้ว