วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1049 คุณคุกเข่าขอโทษหรือยังล่ะ
หากพี่ชายของเขามีเรื่องกับต้นสังกัดอื่น การแสดงความจริงใจและนัดพบเป็นการส่วนตัวคงเพียงพอที่จะยุติเรื่องนี้ได้ หากแต่เขากำลังมีปัญหากับถังหนิง
เมื่อเห็นว่าหันซิวเช่อรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ผู้คนบนโลกออนไลน์จึงยิ่งเยาะเย้ยเขากว่าเดิม ความจริงแล้วมันเป็นการแสดงออกว่าพวกเขาไม่ยอมรับการกระทำของเขา
“เขานี่มันไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย! พูดตามตรงเลยนะ ฉันไม่เคยเห็นคนขี้ขลาดขนาดนี้มาก่อนเลย!”
ในตอนนี้เองที่หลงเจี่ยเอ่ยถามกลับ “หรือว่าประธานหันจะคุกเข่าแทนน้องชายของตัวเองล่ะคะ”
เดิมทีหันซิวเช่อยังอวดดีและใจจืดใจดำ ทว่าหลังจากที่หลักฐานถูกเปิดเผยออกมา เขากลับหายวับไปจากโลกออนไลน์
แน่นอนว่าเขามีสิทธิ์ที่จะหลบหายไปได้ หากแต่ถ้าเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง หลงเจี่ยจะต้องไม่พลาดในการสะสางเรื่องในอดีตแน่ ไม่ว่าเขาจะพยายามหาเรื่องอย่างไร หลงเจี่ยคงจะมีเพียงประโยคเดียวที่จะพูดกับเขา “คุณคุกเข่าขอโทษหรือยังล่ะ”
อีกทั้งต่อให้เขาก่อเรื่องก็คงไม่มีใครเชื่อเขาอีกแล้ว
เพราะเป็นเช่นนั้นหันซิวเช่อจึงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขาทั้งไม่ยอมรับผิดและตอบโต้ใดๆ ออกมาทั้งนั้น และยังให้พี่ชายต้องออกมาแบกรับความผิดแทนอีก เป็นผู้ชายประเภทที่น่ารังเกียจที่สุดสำหรับผู้หญิง
บางทีแม้แต่หันซิวเช่อเองคงคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะร้ายกาจได้ขนาดนี้ เพียงเพราะว่าไม่อยากยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง
ในตอนนี้เขาสนใจแค่เพียงกลุ่มแฟนคลับของถังหนิง
ไม่ว่าหันซิวเช่อจะออกมาตอบโต้หรือไม่ สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือไอ้สารเลวคนนี้เป็นที่เกลียดชังอย่างกับหนูท่อ…
แล้วหม่าเวยเวยล่ะ เธอไม่ได้ออกมาท้าทายอำนาจอย่างหันซิวเช่อ หากแต่เธออาศัยชื่อเสียงและความนิยมของคนอื่น มันไม่ได้ถูกนับด้วยหรือ แน่นอนว่าต้องนับด้วยอยู่แล้ว! เพียงแค่ถังหนิงยังไม่เริ่มคิดบัญชีเท่านั้น หม่าเวยเวยถึงนึกว่าถังหนิงจะปล่อยให้เธอรอดตัวไป
ทว่าในความเป็นจริงถังหนิงเป็นคนประเภทที่ชอบจัดการอย่างถอนรากถอนโคน…
ถึงอย่างไรหม่าเวยเวยเองก็ไม่เคยสำนึกในยามที่ยกชื่อของเธอมาใช้!
เพียงแค่ความโกรธของถังหนิงยังไม่ถูกจุดขึ้นมาเท่านั้น ก่อนที่หลงเจี่ยจะไปเข้าร่วมงานฉลองครบหนึ่งร้อยวันของ ลูกชาย ลู่เช่อ เธอจะต้องเปิดโปงข้อมูลในมือเสียก่อน หม่าเวยเวยคิดว่าตัวเองโชคดีหรืออย่างไรกัน จริงๆ แล้วความซวยของเธอเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นต่างหาก!
อย่างไรเสียสถานะของหลงเจี่ยก็เหนือกว่าหันซิวเช่ออยู่มาก และเธอยังมีถังหนิงคอยหนุนหลังอยู่ด้วย!
ก่อนที่งานฉลองครบหนึ่งร้อยวันจะถูกจัดขึ้น หลงเจี่ยโทรหาถังหนิง “ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าเตรียมทุกอย่างที่จำเป็นไว้แล้วล่ะค่ะ คุณรอดูการแสดงสนุกๆ ได้เลย”
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะ เธอกับลู่เช่อไปทำในสิ่งที่ต้องทำเถอะ คิดว่าไม่มีเธอแล้วฉันจะทำอะไรไม่ได้หรือไง” ถังหนิงถามกลั้วเสียงหัวเราะ เป็นเวลาเดียวกับที่หลินเฉี่ยนอยู่ที่ไฮแอทรีเจนซีเพื่อขอปฏิเสธไม่รับเงินค่าชดเชยจากไห่รุ่ย
“เราได้จู้ซิงมีเดียกลับมาแล้วก็คือได้กลับมาแล้ว ทำไมคุณต้องเกรงใจขนาดนี้ด้วยล่ะคะ”
“ฉันไม่ไดเกรงใจนะ เธอลืมไปแล้วเหรอว่าฉันยกหุ้นให้เธอในวันแต่งงาน ฉันไม่ได้ยึดติดกับอย่างอื่นหรอก แต่พอเป็นเรื่องนี้ ฉันเลยต้องคิดทบทวนให้ดีๆ ไงล่ะ” ถังหนิงบอกกลับ
เมื่อได้ยินแบบนี้และรู้ว่าเป็นความจริงใจของถังหนิงเธอก็ไม่ดื้อแพ่งอีก
“ช่วงที่ฉันไม่ได้เจอคุณเกิดเรื่องเยอะมาก หม่าเวยเวยไม่ควรที่จะ…”
“จุ๊ๆ” ถังหนิงคล้ายจะบอกให้หลินเฉี่ยนอยู่เงียบๆ ไว้และรอชมการแสดงเพียงอย่างเดียว
ดูจากแววตาของถังหนิงแล้ว หลินเฉี่ยนดูออกว่าชะตากรรมของหม่าเวยเวยคงจะจบลงอย่างไม่ธรรมดา เธอจึงเบาใจขึ้น ถังหนิงไม่ใช่คนที่จะถูกคนอื่นรังแกได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะกับคนที่พยายามอาศัยชื่อของเธอมาตลอด
หลินเฉี่ยนจึงนั่งลงรอดูการแสดงเด็ดๆ อยู่ข้างถังหนิงอย่างใจเย็น
ในขณะที่หม่าเวยเวยคงนึกไม่ถึงว่าอยู่ๆ รูปก่อนทำศัลยกรรมของเธอจะเริ่มเป็นที่พูดถึง…
หม่าเวยเวยคิดว่าตัวเองจัดการกำจัดรูปก่อนทำศัลยกรรมของตัวเองไปเพียงพอแล้ว เธอสั่นเทาไปด้วยความตะลึงงันเมื่อรู้ตัวว่ามีหนึ่งรูปที่หลุดออกไป
“เธอต้องทำศัลยกรรมถึงจะดังได้จริงๆ นั่นแหละ!”
“มิน่าล่ะ เธอถึงต้องเลียนแบบถังหนิง ก่อนทำศัลยกรรมเธอหน้าตาอย่างกับคนบ้านๆ เลย!”
“ขอนับถือความกล้าของเธอที่เข้าวงการบันเทิงด้วยหน้าตาแบบนั้นเลย!”
“เยี่ยมไปเลย! ตอนนี้ฉันก็ได้รู้สักทีว่าหน้าเดิมเธอเป็นยังไง ฉันไม่รู้สึกรังเกียจเธออีกแล้วล่ะ ยังไงเธอก็แค่หน้าเหมือนถังหนิงเพราะผ่านมีดหมอมา…”
“ยัยอุบาทว์จอมหาเรื่อง!”
อะไรคือสิ่งที่ผู้หญิงกลัวที่สุดกันล่ะ การไม่ความมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองอย่างไรล่ะ ยิ่งเมื่อถูกคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์
ถึงจะเป็นเพียงการทับถมเล็กน้อยก็เพียงพอให้ความมั่นใจของเธอพังไม่เป็นท่า!
เมื่อหม่าเวยเวยเห็นรูปในอดีตของตัวเองแพร่สะพัดไปอย่างกับไฟลามทุ่ง เธอหวาดกลัวเกินกว่าจะออกจากบ้านอย่างที่หันซิวเช่อเป็น ความจริงแล้วเธอตกอยู่ในสภาพย่ำแย่กว่าเขาเสียอีก ด้วยใบหน้าที่แท้จริงที่ถูกเปิดโปง เธอจึงไม่มีความมั่นใจที่จะอาศัยชื่อถังหนิงอีกต่อไป
ด้วยเหตุนั้นหลงเจี่ยจึงจัดการได้ถึงสองต่อสำเร็จ!
หม่าเวยเวยและหันซิวเช่อถูกกำจัดไปเสียแล้ว!
ไม่สิ ว่ากันตามจริง หม่าเวยเวยถูกกำจัดทิ้งเพราะเธอคงไม่มีหน้าออกมาก่อเรื่องอีกแล้ว หากแต่อย่าลืมว่าหันซิวเช่อยังคงอยู่ในกลุ่มแฟนคลับของถังหนิง…
ในฐานะคนที่มักจะแบ่งปันเรื่องดีๆ เท่านั้น ถังหนิงสั่งให้หลงเจี่ยโพสต์บอกข่าวดีอยู่เป็นครั้งคราว หวังว่าหันซิวเช่อคงจะไม่รู้ว่าภาพยนตร์เรื่องใหม่ของถังหนิงเสร็จสมบูรณ์แล้ว และกำลังจะทดลองออกฉาย
หม่าเวยเวยรู้ตัวว่ามาถึงจุดนี้เพราะผลกรรมที่ตามสนองตัวเอง เธอจึงได้แต่เอ่ยผ่านช่องทางโซเชียล “ที่แท้ทุกอย่างในโลกก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของฉันเอง แต่ฉันก็ยังนั่งเพ้อฝันไปเรื่อย!”
พูดกันตามจริงแล้ว หม่าเวยเวยค่อนข้างน่าสงสาร ถึงอย่างไรคนที่ล่อลวงให้เธอทำศัลยกรรมเพื่อให้ทำเงินได้อย่างรวดเร็วก็คือต้นสังกัดของเธอ ถึงเธอจะทำเกินขอบเขตและมาหาเรื่องถังหนิง ต้นสังกัดของเธอเองก็ถือว่ามีส่วนต้องรับผิดชอบอยู่มาก เพราะพวกเขาไม่ได้เลือกเส้นทางที่ใสสะอาดมาตั้งแต่แรก
ตอนนี้หม่าเวยเวยถูกแฉแล้ว พวกเขาแค่ไล่เธอออกมาอย่างกับว่าเธอไม่มีคุณค่าใดๆ ช่างน่าขันสิ้นดี
ดังนั้นผู้คนในโลกออนไลน์จึงไม่ได้เหยียบย่ำหม่าเวยเวยนัก พวกเขาต่างรู้ว่าใครเป็นคนปล่อยรูป แค่หลงเจี่ยกับถังหนิงไม่เคยบอกให้เขาโจมตีหม่าเวยเวย พวกเขาจึงบอกได้เพียงว่ามันเพียงพอให้เธอได้บทเรียนแล้ว นี่ถือว่าเป็นความเมตตาสุดท้ายที่หลงเจี่ย ถังหนิง และคนภายนอกหลงเหลือให้บ้าง
“พูดตามตรงนะ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ร้ายกาจหรือโหดร้ายเกินไปเลย”
“ในฐานะศิลปินการอาศัยชื่อเสียงและความนิยมของคนอื่นก็ถือเป็นเรื่องปกติ แค่หม่าเวยเวยทำเกินไปเฉยๆ ต่อไปนี้ฉันก็หวังว่าเธอจะใช้ชีวิตได้ตามต้องการ ตราบใดที่เธอไม่โผล่หน้ามาให้เห็นอีก ฉันก็จะไม่ต่อว่าเธออีก”
“เธอจะทำตัวเองให้เหมือนใครก็ได้ที่ไม่ใช่ถังหนิง สุดท้ายถึงได้ต้องได้รับโทษไงล่ะ เธอไม่สมควรได้รับความเห็นใจสักนิด!”
“คนเลวสองคนถูกกำจัดไปแล้ว อยู่ๆ ท้องฟ้าปักกิ่งปลอดโปร่งขึ้นมาเลย หวังว่าจะไม่โผล่หน้ามาอีกนะ! สภาพอย่างพวกเขาถ้ายังเสนอหน้ามาอีก ถังหนิงคงจะไม่ปรานีพวกเขาแล้ว!”