วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1053 แกจำเป็นต้องฟังสิ่งที่ฉันบอก
“ลู่เช่อ ว่ากันตามจริงแล้วเขาเป็นลูกของเธอ เธอจะทิ้งเขาไม่ได้นะ”
“อีกอย่างเธอเองก็เป็นคนผิดมาตั้งแต่แรก ไปมีลูกกับแฟนเก่าตอนที่แต่งงานแล้วได้ยังไงล่ะ อย่าทำตัวใจจืดใจดำขนาดนี้จะดีกว่า!”
บรรดาญาติๆ เริ่มให้คำแนะนำที่หวังดี
ทว่าลู่เช่อมองหน้าทุกคนด้วยท่าทีเรียบเฉยก่อนระบายยิ้ม “ใครบอกคุณว่าผมทำแฟนเก่าท้องล่ะครับ”
ทุกสายตามองไปทางคุณนายลู่
“แม่ของเธอคงไม่ได้โกหกหรอกใช่ไหม”
“ผมต้องขอโทษด้วย แต่เธอทำอย่างนั้นครับ” ลู่เช่อตอบ “ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้ว่าเด็กคนนี้เกิดมาได้ยังไงนะครับ ดีครับ…งั้น ผมจะอธิบายทุกอย่างให้ฟังเอง ตั้งแต่ที่เสี่ยวมั่นคลอดลูกสาวของเรา แม่จอมเผด็จการของผมที่อยู่ตรงนี้ก็พยายามบังคับให้ภรรยาของผมมีลูกอีกคน
“ตอนนั้นเสี่ยวมั่นยังไม่ฟื้นตัวดีจากการคลอดลูกคนแรก แม่ผมก็ยังไม่พอใจในตัวลูกสาวผม และกดดันให้เธอมีหลานชายให้
“นี่เป็นชีวิตของพวกเราเอง เธออยากจะมีลูกหรือเปล่ามันก็เป็นการตัดสินใจของเสี่ยวมั่น ถ้าคุณตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเธอ และถูกบังคับให้มีลูกอีกคนทันทีหลังจากเพิ่งคลอดลูกสาวมา คุณจะรู้สึกยังไงครับ
“พอเสี่ยวมั่นกับผมบอกปัดเธอไป เธอก็โมโหและเริ่มตวาดใส่เรา ความสัมพันธ์ของเราเลยมาถึงจุดแตกหักไงครับ!
“ที่น่ากลัวที่สุดคือเธอบอกว่าจะเลิกรังควานกับเราถ้าเรายอมทำเด็กหลอดแก้ว
“สุดท้ายเด็กคนนี้ถึงได้เกิดมาไงครับ! …
“เอาละ ตอนนี้พวกคุณก็รู้ว่าไม่มีแฟนเก่าอะไรทั้งนั้นแล้วใช่ไหมครับ ผมมีแค่เสี่ยวมั่นคนเดียวเท่านั้น! คุณใส่ร้ายแม้แต่ลูกชายตัวเองได้ลงคอเลยสินะ คุณลู่ทำให้ผมตาสว่างจริงๆ ”
ลู่เช่อไม่ไว้หน้าคุณนายลู่แม้แต่น้อยขณะที่เปิดโปงเรื่องราวทุกอย่างต่อหน้าทุกคน
หลังจากคนในตระกูลลู่ได้ยินการชี้แจงอย่างละเอียดจากลู่เช่อ พวกเขามองหน้ากันก่อนหันไปทางคุณนายลู่ “นี่มัน…นี่มัน
“ต่อให้ฉันจะบอกให้แกทำอย่างนี้ ต่อให้ฉันจะบอกให้แกคุกเข่าคำนับ ต่อให้ฉันจะบอกให้แกหย่ากับผู้หญิงคนนั้น มันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน ยังไงฉันก็เป็นแม่ของแก” คุณนายลู่โมโหกับคำพูดของลู่เช่อเพราะในใจของเธอยังรู้สึกว่าเป็นความรับผิดชอบของลู่เช่อที่ต้องปิดบังความลับที่น่าอัปยศของเธอ
ในขณะที่ไฟปะทุขึ้นระหว่างสองแม่ลูก คนตระกูลลู่ที่เหลือเอาแต่นั่งเฉย อย่างไรเสียในสถานการณ์อย่างนี้พวกเขาต่างรู้ว่าใครเป็นคนถูกและใครเป็นคนผิด
“ทุกอย่างที่ฉันทำเป็นเพราะว่าแกกับผู้หญิงคนนั้นบังคับฉันต่างหาก”
นี่คือการที่แม่ซึ่งเข้าไปยุ่มย่ามกับชีวิตส่วนตัวของลูกชายเห็นผิดเป็นถูก
“อีกอย่างลูกชายของแกก็เกิดขึ้นมาแล้วด้วย ต่อให้แกอยากจะสู้กับฉัน มันก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้หรอก…”
“เราเซ็นข้อตกลงกันไว้ว่าทันทีที่เด็กเกิดมา คุณจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของผม ดังนั้นผมจะไม่ดูแลเด็กคนนี้ และก็จะไม่ยอมรับด้วย ส่วนเรื่องกลับมาอยู่ที่บ้านเลิกคิดไปได้เลยครับ” ลู่เช่อยืนกรานหนักแน่น เดิมทีเขาไม่ได้จะทำถึงขนาดนี้ แต่…
“ลู่เช่อ ฉันยอมรับว่าเราเซ็นข้อตกลงกันจริง แต่ในฐานะแม่ของแก ต่อให้ฉันจะกลับคำแกก็ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก
“ดังนั้นแกจำเป็นต้องฟังสิ่งที่ฉันบอก!”
แขกทุกคนในงานต่างอึ้งไปกับความเกรี้ยวกราดของคุณนายลู่
เพราะเธอได้แสดงให้เห็นว่าแม่จอมบงการนั้นเป็นอย่างไร
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครกล้าปริปากออกมาสักคำ…
“แล้วถ้าผมไม่ฟังล่ะครับ” ลู่เช่อสวนกลับ
“อย่างนั้นแกก็คอยดูฉันแฉเรื่องนี้ให้ทุกคนรู้ได้เลย ในเมื่อแกไม่ต้องการลูกชายของตัวเองได้ ฉันเองก็ตัดขาดกับลูกชายตัวเองได้เหมือนกัน!”
ในตอนนี้ที่คำพูดเช่นนี้หลุดออกมาพร้อมบรรยากาศที่ทวีความตึงเครียดขึ้น ถึงเวลาที่ลู่เช่อต้องยอมแพ้แล้วไม่ใช่หรือ เขาจะต่อต้านเธอได้อย่างไรล่ะ
อย่างไรก็ตาม…ลู่เช่อยังคงมีรอยยิ้ม ความจริงแล้วใบหน้ายิ้มแย้มของเขาฉายแววเย้ยหยัน “คุณกำลังขู่ผมเหรอ คิดว่าจะชนะผมได้งั้นเหรอครับ คุณลู่
“คุณเองก็ทิ้งลูกชายตัวเองไปนานแล้วนี่ครับ ไม่ได้เพิ่งมาทำเอาตอนนี้สักหน่อย
“อย่างนั้นก็ได้ครับ ทำไมเราไม่พังไปด้วยกันซะเลยล่ะ คุณจะแฉเรื่องของผมให้คนอื่นรู้ก็ได้ แล้วผมก็จะแฉเรื่องส่วนตัวลุงให้คนอื่นรู้เหมือนกัน มาหาข่าวดีๆ ขึ้นหน้าหนึ่งในนักข่าวกันดีกว่าครับ ว่าไงล่ะ”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ คุณนายลู่มองลู่เช่ออย่างอึ้งๆ “แก…แกรู้อะไรมา”
“ผมเตือนคุณมาตั้งแต่แรกแล้วนะครับ ผมมีเส้นสายมากพอที่จะขุดคุ้ยข้อมูลตั้งแต่บรรพบุรุษของคุณเลยล่ะ ถ้าคุณยังดึงดันจะสู้กับผม ผมเองก็ต้อนรับคุณทุกเมื่อครับ” ลู่เช่อตอบ “เราเลิกคิดถึงความสัมพันธ์และพันธะระหว่างเราไปได้เลยครับ ในเมื่อมันเป็นแผนของคุณอยู่แล้ว”
ทุกคนรู้ว่าลู่เช่อจริงจังขนาดไหน
ท่าทีน่ายำเกรงของเขาทำให้ทุกคนต้องก้าวถอยหลังไปโดยปริยาย หากแต่มีเพียงภรรยาของเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเขาเจ็บปวดและกดดันมามากเพียงไหนถึงได้พูดออกมาได้ขนาดนี้
เขาจะรู้สึกผิดหวังในตัวแม่ของเขาแค่ไหนกัน
เห็นได้ชัดว่ามีแม่มากมายที่คอยทำร้ายลูกของตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องในนิยายแต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงต่างหาก
คุณนายลู่กับลูกชายจึงเอาแต่จ้องหน้ากันไปมา ไม่มีฝ่ายไหนยอมรามือ
ทั้งคู่ได้แสดงจุดยืนและพวกเขาจะไม่ยอมถอย
“ไอ้คนเนรคุณ! แกทิ้งแม่ของตัวเองได้ลงคอได้ยังไง แกมันต่ำกว่าสัตว์ซะอีก!”
ลู่เช่อไม่ยอมแพ้เมื่อเจอกับคำต่อว่าของคุณนายลู่ ระหว่างพวกเขายังเหลือบุญคุณอะไรต่อกันอีก แม้แต่คุณพ่อลู่ยังเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินสิ่งที่แม่ลูกพูดกัน อย่างไรเสียเขาก็นึกไม่ถึงว่าสายเลือดเดียวกันจะทะเลาะกันได้อย่างนี้
บางทีอาจเป็นเพราะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึมครึม เด็กตัวน้อยในอ้อมแขนของคุณนายลู่จึงเริ่มร้องไห้ออกมา ตอนนั้นเองที่คุณนายลู่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปในทันควัน
“โอ๋ๆ อย่าร้องนะลูก… ย่ารักหนูนะ”
เมื่อเธอมองไปทางแม่ลูก หลงเจี่ยไม่อยากจะเห็นพวกเขาทะเลาะกันอีกต่อไป เธอรู้ว่ามันมีแต่จะทำให้ลู่เช่อเจ็บปวดกว่าเดิม เธอจึงสะกิดหลังมือของลู่เช่อก่อนเอ่ยกระซิบ “ไปกันเถอะค่ะ…กลับบ้านกัน”
“ไปเหรอ” คุณนายลู่ว่าเย้ยหยันเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ “มีคนต้องไปแน่ล่ะ หลังจากเป็นต้นเหตุให้แม่ลูกต้องปะทะกัน เธอควรเป็นฝ่ายไปจริงๆ นั่นแหละ”
ในตอนนี้เอง…
…ลู่เช่อทนไม่ไหวอีกต่อไป คุณนายลู่จะทำอะไรกับเขาก็ได้แต่เขาจะปล่อยให้หลงเจี่ยถูกรังแกไม่ได้
“คนที่ทำให้เราต้องมีปัญหากันก็มีแต่คุณนั่นแหละครับ!
“รวมถึงทุกคนที่กำลังยืนดูอยู่ด้วย!
“อย่าต้อนผมให้จนมุมนะ! …
“ไม่อย่างนั้นผมคงได้เห็นคุณตกเป็นข่าวแน่”
บรรยากาศตึงเครียดเสียจนทุกคนต้องกลั้นหายใจ เป็นจังหวะเดียวกับตอนที่คุณนายลู่เริ่มปล่อยโฮ “แกจะทำให้แม่อกแตกตายหรือยังไงกัน”