วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1099 ทุกคนย่อมพบตัวป่วนในชีวิต
หันอวี้ฝานไม่ได้อวดดีและกระตือรือร้นอย่างที่เคยเป็น
แม้ว่าเทียนอี้จะเป็นบริษัทเล็กๆ ในวงการ ครั้งหนึ่งหันอวี้ฝานก็เคยมองว่ามันยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน
โม่ถิงมองตามสายตาของถังหนิงไปก็เห็นหันอวี้ฝาน หากศัตรูหัวใจของเขาเป็นคนอื่น เขาอาจจะแสดงท่าทีออกไปบ้าง แต่หันอวี้ฝานในตอนนี้ไม่มีปัญญาทำอะไรได้แล้ว โม่ถิงจึงแค่ปรายตามองครั้งหนึ่งก่อนจะหันหน้าหนีไป
เป็นแวบเดียวที่ทำให้หันอวี้ฝานรู้สึกตัวจากระยะห่างของเขากับโม่ถิง
หันอวี้ฝานมองไปที่ลูกสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของถังหนิง นี่เป็นลูกคนที่สามของเธอแล้ว
เธอมีลูกสาวหนึ่งคนกับลูกชายอีกสองคน และได้ขึ้นแท่นเป็นสมบัติของชาติในวงการบันเทิงแล้ว ตั้งแต่แต่งงานกับโม่ถิง เธอก็เริ่มใช้ชีวิตอยู่คนละโลกกับเขา
หันอวี้ฝานไม่ต้องการทำให้ตัวเองต้องถูกหัวเราะเยาะ จึงพยายามอยู่ให้ห่างจากถังหนิง
เขารู้ว่าตัวเองไม่คู่ควรพอที่จะเข้าไปหาเธอ
ไม่ว่าเขาจะเสียใจมากเพียงใด มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ถังหนิงยกโทษให้ได้ ยิ่งเมื่อเขาไม่ได้มีความหมายกับเธออีกต่อไปแล้ว
หันซินเอ๋อร์เห็นสายตาของถังหนิงก่อนแตะหลังมือของเธอ “อย่าใส่ใจเขาเลยค่ะ เขารู้จุดยืนของตัวเองดี”
“โอเค พิธีกำลังจะเริ่มแล้ว เธอควรไปเตรียมตัวได้แล้วนะ” ถังหนิงเอ่ยเตือน
“ค่ะ งั้นฉันไปเตรียมตัวก่อนนะคะ”
หันซินเอ๋อร์พูดจบ ก็ยกชายกระโปรงรีบเข้าไปที่ห้องแต่งหน้าส่วนตัวที่เตรียมไว้ให้เธอโดยเฉพาะ
ในจังหวะนี้เองที่โม่ถิงพลันชี้ไปทางผู้ชายในแว่นกรอบทองที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก่อนบอกกับถังหนิง “นั่นมันลูกชายคนรองของตระกูลตี๋นี่”
“เขาคือคนที่เหลียงหย่งอวี๋เกี่ยวพันอยู่ใช่ไหมคะ ดูเหมือนว่าเขาจะมากับผู้หญิงคนอื่นนะคะ” ถังหนิงเหยียดยิ้มขณะที่มองชายคนนั้น “ฉันละเกรงว่าต่อให้เหลียงหย่งอวี๋จะมีลูกชายให้เขา เธอก็ยังไม่ได้ฐานะอย่างที่ต้องการน่ะสิคะ”
“สำหรับตระกูลตี๋ เป็นธรรมดาที่จะมีผู้หญิงอีกคนที่บ้านและอีกคนอยู่ข้างนอกน่ะ”
“ไม่น่าล่ะฐานะของเธอในครอบครัวถึงไม่ได้เปลี่ยนไปทั้งที่มีลูกสาวแล้ว” ถังหนิงส่ายหน้า “ตระกูลตี๋นี่ทำกับผู้หญิงเหมือนเป็นของเล่นจริงๆ ”
แวดวงสังคมชั้นสูงช่างน่าขยะแขยงเกินจินตนาการ
มีกรณีเหมือนอย่างตระกูลตี๋ที่สามีเป็นคนร่ำรวยแต่ภรรยาของพวกเขาไม่อาจควบคุมอะไรได้อยู่มากมาย เมื่อเป็นอย่างนั้นผู้หญิงจึงต้องทำเป็นไม่รู้ว่าสามีมีชู้ ตราบใดที่พวกเธอได้ควบคุมกองเงินกองทองในตระกูล
“ฉันรู้สึกแย่กับลูกสาวสองคนนั้นจังเลยค่ะ หวังว่าเหลียงหย่งอวี๋จะมีลูกชายในเร็ววันนะคะ ถ้าเธอมีลูกสาวอีก ฉันไม่แน่ใจว่าเธอจะไปทิ้งลูกไว้ที่ไหนอีก”
สุดท้ายเหลียงหย่งอวี๋ก็มีลูกชายแต่มันเกิดขึ้นหลังจากนั้นนานพอสมควร
ถังหนิงกับโม่ถิงไม่ค่อยได้คบหาสมาคมกับตระกูลตี๋ ความจริงแล้วพวกเขาเขม่นกันและกันด้วยซ้ำ
ทว่าตระกูลตี๋ได้รับเชิญมางานเพราะพวกเขาทำธุรกิจกับตระกูลเป่ย หากไม่ได้เป็นเพราะเหตุผลนั้นไม่มีทางที่พวกเขาจะมาพบกันได้
“ตระกูลเป่ยมีธุรกิจใหญ่โตเป็นของตัวเอง ทำไมถึงได้ยอมรับลูกสะใภ้ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้ามาในตระกูลกันนะ ไม่น่าเชื่อเลย”
“ก็นั้นน่ะสิ ใช่ไหมล่ะ นอกจากยังสาวอยู่เธอก็ไม่มีอะไรที่คู่ควรให้พูดถึงเลย พวกเธอได้ยินก่อนหน้านี้หรือเปล่า เธอไม่เคยเห็นรถสปอร์ตสักครั้งในชีวิตเลยด้วยซ้ำ”
“อย่างที่เห็นแหละว่าคุณชายตระกูลเป่ยมองเธอไม่วางตาและยืนยันจะแต่งงานกับเธอให้ได้ ฉันล่ะสงสัยว่าจะรักกันหวานชื่นไปได้สักกี่วัน”
“เขาจะแต่งงานกับคนหนึ่งเพื่อครอบครัวแล้วมีอีกสามคนข้างนอกก็ได้นี่ไม่ใช่เหรอ”
“ก็จริงนะ…”
เหล่าภรรยาคนใหญ่คนโตกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ด้านนอก บทสนทนาของพวกเธอวนเวียนกับเรื่องของหันซินเอ๋อร์ไม่จบไม่สิ้น
พวกเธอจะไม่นึกอิจฉาเมื่อซินเดอร์เรลล่าอย่างซินเอ๋อร์ขึ้นมาเทียบชั้นกับลูกสาวผู้ดีของพวกเธอทั้งที่ไม่มีอะไรเลยได้อย่างไร มันอาจไม่ใช่เรื่องรำคาญใจสำหรับถังหนิงที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ แต่ซินเอ๋อร์จะปวดใจแค่ไหนหากได้ยินพวกเธอเข้าล่ะ
ถึงอย่างไรก็ช่วยไม่ได้ ซินเอ๋อร์ได้เข้ามาอยู่ในแวดวงสังคมของพวกเธอแล้ว การเผชิญหน้ากับการโดนเหยียดหยามจึงเป็นสิ่งที่คาดเดาได้
ตอนนั้นเองที่พวกเธอสังเกตเห็นถังหนิง พวกเธอนึกดูถูกพวกเต้นกินรำกินมาเสมอ แต่ไม่กล้าสบประมาทถังหนิง เหตุผลง่ายๆ คือถังหนิงไม่ได้เป็นเพียงคนในวงการบันเทิงแต่ยังเป็นประธานกรรมการบริหารถังซื่อกรุป อาณาจักรน้ำหอมที่เก่าแก่ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะมาดูถูกได้
ไม่นานพิธีการก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
บนพรมสีขาวที่ปกคลุมไปด้วยกลีบดอกไม้ หันซินเอ๋อร์คล้องแขนเป่ยเฉินตงเดินลงมาตามทางเดินในชุดเจ้าสาวลวดลายคล้ายดวงดาว
พวกเขาอยู่ในโบสถ์ที่เปิดโล่ง สถานที่ซึ่งเป่ยเฉินตงเนรมิตขึ้นมาเพื่อหันซินเอ๋อร์เป็นพิเศษ จึงมีความลับที่รู้กันเพียงสองคนเล็กๆ น้อยๆ หลายอย่างซ่อนอยู่ตามกำแพง
เป่ยเฉินตงรู้ว่าทุกคนอิจฉาหันซินเอ๋อร์ที่ได้แต่งานเข้าตระกูลที่ร่ำรวยเพราะพวกเขาดูถูกพื้นเพครอบครัวของเธอ
และแน่นอนว่าซินเอ๋อร์ที่ช่างสังเกตสัมผัสได้ถึงสายตาเชือดเฉือนที่ส่งตรงมาให้เธอ
เป่ยเฉินตงกระชับกุมมือเธอและถ่ายทอดความกล้าให้เธอ
เธอรู้จักครอบครัวที่เธอจะแต่งเข้าดี จริงๆ แล้วเมื่อก่อนเธอปฏิเสธที่จะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวด้วยซ้ำ แต่หลังจากที่เห็นเป่ยเฉินตงแสดงละครอยู่หลายเดือน เธอเองก็เกือบจะเชื่อว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าเช่นกัน เธอจึงไม่กล้าไปจากเขาให้ตัวเองต้องเจ็บปวดใจ
คุณพ่อกับคุณนายเป่ยไม่ปลื้มเบื้องหลังครอบครัวของซินเอ๋อร์ แต่พวกเขาก็ชื่นชอบนิสัยของเธอ เธอเป็นคนเดียวที่รับมือกับอารมณ์และนิสัยแปลกๆ ของเป่ยเฉินตงได้ ในฐานะพ่อแม่ พวกเขาไม่หวังสิ่งใดไปมากกว่านี้แล้ว
โดยเฉพาะเมื่อลูกชายของเขาป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
ผู้อาวุโสทั้งสองยินดีที่จะทำทุกอย่างตามใจลูกชาย รวมถึงการป่าวประกาศว่าซินเอ๋อร์เป็นลูกสะใภ้ของพวกเขาด้วย
แน่นอนว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเป่ยเฉินตงแค่แสร้งทำเฉยๆ
หากแต่ไม่ว่าเขาจะแสดงได้แนบเนียนแค่ไหนย่อมต้องถูกเปิดโปงเข้าสักวันหนึ่ง อย่างไรเสียการแสดงกับความจริงก็แตกต่างกันมากโข…
เมื่อถึงวันนั้นเขาจะจัดการอย่างไรล่ะ
เขาทำตัวดื้อแพ่งแบบนี้มาตลอด แม้มีความสามารถแต่เขาก็ยังไม่ยอมทำตัวเหมือนโม่ถิงผู้สุขุมและสงวนท่าที ซึ่งร้ายลึกจนสามารถโค่นล้มศัตรูได้ในลมหายใจเดียว เขาชอบใช้วิธีที่ไม่เหมือนใคร แค่ได้บรรลุในสิ่งที่หวังไว้ เขาไม่สนใจว่าจะต้องทำอะไร เมื่อก่อนตอนที่เขาตามตื๊อหันซินเอ๋อร์ เขาได้เผยด้านนี้ของตัวเองออกมาให้เห็นแล้ว และคราวนี้มันยิ่งเหนือชั้นไปกว่าเดิมเสียอีก
ซินเอ๋อร์รู้ว่าเขาทำไม่ถูกที่ใช้วิธีนี้แต่เธอไม่อาจทำอะไรได้
ทุกคนย่อมพบตัวป่วนในชีวิต และเป่ยเฉินตงเป็นตัวป่วนของเธออย่างไม่มีข้อสงสัย
ในขณะเดียวกันตลอดทั้งงาน เขามีแค่สิ่งเดียวที่แสดงออกชัดเจน อย่าจ้องภรรยาของผม
ความหงุดหงิดใจของเขาไม่ได้จางหายไปจนกระทั่งมาถึงเรื่องยอช์ตของพวกเขา เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่เคยพาเธอออกไปพบเจอคนอื่น เขาเกลียดที่ต้องเห็นผู้ชายคนอื่นส่งสายตาหวานเชื่อมให้ซินเอ๋อร์ที่น่ารักของเขา
หลังจากพิธีจบลง คุณพ่อกับคุณนายเป่ยนำแขกไปที่ห้องรับรอง เมื่อเห็นเหยียนเอ๋อร์ในอ้อมแขนของโม่ถิงพวกเขาก็ตกหลุมรักเธอในทันที
“โอ้ หน้าเล็กๆ นี่ดูสะอาดสะอ้านและก็น่ารักจังเลย ฉันล่ะสงสัยว่าเมื่อไหร่ไอ้ตัวแสบนั่นจะมีหลานให้ฉัน ฉันอยากจะมีสักคนให้อุ้มจริงๆ นะ”