วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1121 เอาชนะตัวเอง
คืนนั้นโม่ถิงตื่นขึ้นมาในห้องพักผ่อนของไห่รุ่ย พบว่าถังหนิงนั่งอยู่ปลายเตียง กำลังมองมาที่เขาพร้อมรอยยิ้ม “ในที่สุดคุณก็ตื่นสักทีนะคะ”
“ผมไม่ได้…”
“ฉันบอกให้ลู่เช่ออุ้มคุณมาบนเตียงเองค่ะ แต่ขยับตัวซะขนาดนั้นคุณก็ยังไงไม่ตื่นเลย” ถังหนิงฝืนยิ้มและขยับบทในมือเธอไปมา “คุณอดนอนทำทั้งคืนเลยเหรอคะ”
“ไม่ได้แย่อย่างที่คุณคิดหรอกครับ คุณได้อ่านมันหรือยังล่ะ เป็นยังไงบ้าง” โม่ถิงรีบเปลี่ยนเรื่อง “คุณบอกว่าอยากใส่การต่อสู้ของรุ่นพี่หลงเข้าไปด้วย แล้วเปลี่ยนเนื้อเรื่องให้เป็นเรื่องของลูกศิษย์กับอาจารย์นี่…”
“บทนี้มันไม่สำคัญเท่าคุณหรอกนะคะ อย่าหักโหมอย่างนี้เพราะฉันอีกนะ” ถังหนิงเอ่ยพลางสบตาโม่ถิง “ถ้าคุณเหนื่อยเกินไปและทรุดลงไปเพราะสิ่งนี้ ฉันจะทำยังไงล่ะคะ”
“ผมไม่เป็นอย่างนั้นหรอกน่า” โม่ถิงเอ่ยยืนยันขณะรั้งถังหนิงเข้ามาในอ้อมแขน “ผมจะไม่ทำอย่างนี้อีกครับ!”
ถังหนิงไม่เซ้าซี้ต่อ เธอกลับมาที่บ้านเพื่อเตรียมอาหารเย็นให้โม่ถิงและดูแลลูกสาวของเธอ จากนั้นทั้งคู่จึงนั่งลงบนโซฟาและเริ่มคุยถึงเนื้อเรื่องของมดราชินีสอง
“ฉันว่าบทค่อนข้างสมบูรณ์แล้วนะคะ แค่ต้องเพิ่มบางอย่างลงไปนิดนึง”
“คุณอยากจะให้ผมใส่อะไรลงไปเพิ่มล่ะครับ”
“ตัวร้ายที่แสนเก่งกาจค่ะ! คุณคิดยังไงกับการเล่นบทตัวร้ายล่ะคะ ฉันมั่นใจว่าคุณจะต้องเป็นตัวร้ายที่เซ็กซี่สุดๆ ไปเลย!” ถังหนิงตอบ
ได้ยินข้อเสนอของถังหนิงเช่นนั้น โม่ถิงก็อยากจะทำตามใจเธอแต่เขาก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย พวกเขาไม่ได้ตกลงกันแล้วหรือว่าเขาจะไม่รับบทในภาคต่อ แต่ดูท่าแล้วถังหนิงน่าจะหลอกล่อให้เขาตกปากรับคำอีก อย่างไรก็ตามประเด็นหลักก็ยังอยู่ที่ผู้กำกับ พวกเขายังไม่ได้จ้างอย่างเป็นทางการ ไป๋จวินเหยี่ยกำลังทำอะไรอยู่กัน
หลังจากทั้งคู่ปรึกษารายละเอียดกัน ถังหนิงก็โทรหาซย่าอวี้หลิงเพื่อถามไถ่อาการของจื่อเฉิน แน่นอนว่าคุณแม่ทั้งสองดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี
ถังหนิงมาเยี่ยมไป๋จวินเหยี่ยในวันถัดมา เมื่อเธอมาถึงโรงพยาบาลก็พบว่าเขาเก็บข้าวของเตรียมจะกลับแล้ว
“คุณตัดสินใจหรือยังคะ”
“ชีวิตคนเราก็แค่หยดน้ำในมหาสมุทรนะครับ” ไป๋จวินเหยี่ยตอบ “ขอบคุณที่ช่วยจ่ายหนี้ให้ผม ผมจะทางชดใช้คืนคุณให้ได้”
“คุณยังไม่ตัดสินใจจะเซ็นสัญญากับเราอีกเหรอคะ บทก็เสร็จแล้วและทุกอย่างก็พร้อมแล้วด้วยนะคะ!”
“ที่คุณพูดมาตอนนี้ก็ต้องขอบคุณที่เชิญผมไปด้วยนะครับ พวกที่มาทวงหนี้เลยพอเห็นความสามารถของผมบ้าง พวกเขามาตกลงกับผม บอกว่าถ้าผมช่วยเขาทำหนังไซไฟให้ เขาจะล้างหนี้ให้ผม คุณคิดว่ายังไงล่ะ”
ถังหนิงพลันพูดไม่ออกขณะที่มองหน้าไป๋จวินเหยี่ย
“ในเมื่อพวกคุณทุกคนเชื่อในตัวผม ผมอาจจะลองดูสักครั้ง ใครจะไปรู้ล่ะว่าผมอาจจะดังแซงหน้าคุณไปก็ได้”
ไป๋จวินเหยี่ยหยิบกระเป๋าสัมภาระของเขาหลังพูดจบ ในจังหวะที่กำลังจะจากไป เขาโน้มเข้ากระซิบข้างหูถังหนิง “ผมหวังว่าคุณจะหาผู้กำกับที่ถูกใจได้นะครับ”
ถังหนิงได้แต่มองไป๋จวินเหยี่ยเดินจากไปในท้ายที่สุด เธอทำอะไรไม่ได้เพราะไป๋จวินเหยี่ยเย่อหยิ่งและหัวแข็งจนไม่อาจควบคุมได้ แม้ว่าเธอจะชวนเขาหลายครั้งเจ้าตัวก็ยังไม่คิดสนใจ
ตอนนี้เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว เธอจะทำอะไรได้อีกเล่า
ไม่นานหลังจากนั้นชุนชิวฟิลม์ได้จัดงานแถลงข่าวเพื่อประกาศสร้างภาพยนตร์ไซไฟแนวผจญภัยเรื่องแรกในชื่อว่า ปรสิต พวกเขาเผยว่าผู้กำกับคือไป๋จวินเหยี่ย และนักแสดงนำคือดาราดังระดับนานาชาติ ฟ่านตี๋ตาน การแถลงข่าวนี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามทันที
ความสำเร็จของถังหนิงกับมดราชินีได้ปลุกกระแสในตลาดภายในประเทศที่ไม่ค่อยมีภาพยนตร์ไซไฟที่สร้างในจีน ดังนั้นชุนชิวจึงตัดสินใจเกาะกระแสนี้โดยคัดเลือกนักเขียนบทและนักแสดงมือหนึ่งสำหรับภาพยนตร์ของพวกเขา
ดูเหมือนว่าตลาดภาพยนตร์ไซไฟกำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่
อย่างไรก็ตาม เริ่มมีข่าวแพร่สะพัดออกไปว่าจริงๆ แล้วเดิมทีถังหนิงได้เชิญไป๋จวินเหยี่ยมาเป็นผู้กำกับให้กับมดราชินีสอง แต่เขากลับเลือกปรสิตแทน ผู้คนต่างไม่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจของเขา
มดราชินีดูเป็นทางเลือกที่ดีกว่าไม่ใช่หรือ
…
“ไป๋จวินเหยี่ยนี่ตาต่ำจริงๆ คุณดีกับเขาขนาดนี้แล้วท่านประธานยังไปพูดกับเขาเองด้วยซ้ำ เขาต้องตาบอดไปแน่ๆ !” หลงเจี่ยไม่สบอารมณ์หลังจากได้เห็นข่าว “เขาสมองเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย”
“เขาติดหนี้พวกเขาอยู่ต่างหาก ก็สมแล้วที่เขาจะชดใช้คืนด้วยวิธีนี้” ถังหนิงตอบ “อีกอย่างนี่ก็เป็นทางเลือกของเขา เขาไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก”
“คุณพูดปกป้องเขาได้ยังไงกันคะเนี่ย”
“ฉันไม่ได้ปกป้องเขา ไป๋จวินเหยี่ยไม่ใช่คนที่เลวร้ายหรอกนะ”
“แต่คุณจะไปหาผู้กำกับที่เหมาะสมจากไหนล่ะคะ ทำไมคุณไม่กำกับเองซะเลยล่ะ”
ถังหนิงส่ายหน้ากับคำแนะนำของหลงเจี่ย “ฉันอาจจะฝึกกับโจนส์มาหลายเดือน แต่ฉันก็ยังใหม่กับเรื่องทั้งหมดนี้ อีกอย่างฉันก็ไม่เคยกำกับอะไรมาก่อนด้วย”
“ก่อนที่คุณจะมาเป็นนักแสดง คุณก็ไม่เคยทำงานแสดงมาก่อนเหมือนกันนี่คะ ถ้าคุณไม่เลือกวิธีนี้ คุณจะทำยังไงล่ะ ไม่มีใครที่เหมาะสมอีกแล้วนะคะ”
แม้ว่าตอนนี้จะมีการแข่งขันในวงการสูง มันก็ดีกับภาพรวมของความก้าวหน้าในตลาดไซไฟ ตราบใดที่เป็นการแข่งขันที่เป็นมิตร มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก
ความจริงแล้วมันถือว่าเป็นความท้าทายในการทำงานของถังหนิงมากขึ้นไปอีก
“ขอฉันคิดเรื่องนี้ก่อน”
ถังหนิงรู้ว่าฝีมือของผู้กำกับเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของภาพยนตร์ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้อีกครั้งก็ทำให้เธอนึกหวังให้เฉียวเซินยังมีชีวิตอยู่
เขาจะดีใจแค่ไหนที่ได้เห็นการแข่งขันในวงการกัน
ตอนนี้ทุกคนต่างให้ความสนใจกับเรื่องไซไฟซึ่งเป็นสิ่งที่เขารัก
…
ทันทีที่โม่ถิงได้ยินว่าไป๋จวินเหยี่ยหลุดมือไป เขากล่าวปลอบภรรยาทันที “คุณยังมีตัวเลือกอื่นอีกเยอะครับ”
“ผู้กำกับแนวหน้าในจีนต่างก็มีจุดแข็งเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองทั้งนั้น ฉันไม่ได้ดูถูกพวกเขาหรอกนะคะ แค่รู้สึกว่าทุกคนมีความพิเศษในแบบฉบับของตัวเอง แล้วถ้าพวกเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด มันก็น่าเสียดายความสามารถของพวกเขาน่ะค่ะ
“ดูอย่างเฉียวเซินเป็นตัวอย่างสิคะ”
“ค่อยๆ มองหาไปก็ได้ครับ ผมมั่นใจว่าสุดท้ายคุณต้องเจอใครสักคนแน่”
ความจริงแล้วบนโต๊ะทำงานของโม่ถิงเต็มไปด้วยผลงานของผู้กำกับมากหน้าหลายตา โชคร้ายที่ด้วยไม่ค่อยมีภาพยนตร์ไซไฟในตลาดภายในประเทศ จึงมีผู้กำกับน้อยคนที่มีประสบการณ์กับภาพยนตร์แนวนี้ เหตุผลเดียวที่ถังหนิงสนใจในตัวไป๋จวินเหยี่ยเพราะวิธีการถ่ายทำที่ดิบเถื่อนของเขา ซึ่งเป็นแบบที่ถังหนิงโปรดปราน หากแต่ไม่อาจหาได้จากคนอื่น
น่าเสียดายที่เขาได้เซ็นสัญญาไปกับคนอื่นแล้ว แม้ว่าเธอจะเป็นภรรยาของนายใหญ่แห่งวงการบันเทิง เธอก็ไม่สามารถฝ่าฝืนกฎนี้ได้
ทว่าตอนนี้ไป๋จวินเหยี่ยได้เข้าร่วมกับค่ายคู่แข่งแล้ว มันจึงเป็นการกดดันถังหนิงขึ้นมากอย่างแน่นอน
มดราชินีมีเฉียวเซิน แต่ตอนนี้เขาจากไปแล้ว ถังหนิงก็เหมือนนกปีกหักที่สิ้นหวัง
แม้ว่าผู้ชมจะยอมรับในวิธีการถ่ายทำของอันจื่อเฮ่าในส่วนที่เขาได้ลงมือในภาพยนตร์เรื่องแรก ทว่า มดราชินีสองคงเป็นความท้าทายที่มากเกินไปสำหรับเขา
ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงสงสัยว่ามดราชินีสองจะตื่นตาตื่นใจอย่างในภาคแรกหรือไม่…
ถังหนิงจะเอาชนะตัวเองได้อย่างไรกัน