วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ - ตอนที่ 1171 แค่นึกถึงฉันก็เขินแล้ว…
ตอนนั้นหนานกงเฉวียนยังไม่รู้ถึงภัยที่จะมาถึงตัว ถึงอย่างไรเขาก็ยังเชื่อว่าผู้อาวุโสหนานกงคงไม่ทำร้ายคนในครอบครัวตัวเอง ไม่ว่าจะเลือดเย็นแค่ไหนก็ตาม โดยเฉพาะกับหลานชายตัวเอง
ทว่าผู้อาวุโสหนานกงไม่สำนึกที่บีบให้คนที่จงรักภักดีอย่างชิวจิ้นต้องตายด้วยซ้ำ ทำไมเขาจะต้องสนใจหลานชายที่รู้จักกันเพียงผิวเผินด้วย
ผู้อาวุโสหนานกงไม่ได้อยากทำร้ายหลานชายตัวเอง แต่เขาต้องสู้เพื่อโอกาสครั้งเดียวนี้
…
ระหว่างนี้โม่ถิงรู้ว่าผู้อาวุโสหนานกงติดต่อกับชาวอเมริกันแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน
ดูผิวเผินเหมือนเขาติดต่ออีกฝ่ายไปเพราะปรสิตแต่หลังบานประตูไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาตกลงอะไรกันไว้
เมื่อเห็นลู่เช่อรายงานกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า ถังหนิงเองก็เริ่มเหนื่อย จึงส่งยิ้มก่อนบอกโม่ถิง “ประธานโม่คะ บอกให้ลู่เช่อเลิกตามตาเฒ่านั่นได้แล้วละค่ะ มันเปลืองแรงเปลืองเวลาที่ไปตามคนอย่างนั้นมากเลยนะคะ”
“เขาวางระเบิดได้ด้วยซ้ำ เพื่อแก้แค้นแล้วเขาทำอะไรไม่ได้บ้างล่ะครับ” โม่ถิงยังคงเป็นห่วงความปลอดภัยของภรรยาและลูกๆ ของตัวเอง
“ในเมื่อเป็นเหตุผลด้านความปลอดภัย เราก็ควรระวังตัวแทนสิคะ เราตามเขาตลอดไปไม่ได้หรอกนะคะ ทุกคนต้องพักกันทั้งนั้น
“ตลอดหลายปีมานี้ เราก็เคยชินกับการลงมือตอนที่เกิดเรื่องไม่ใช่เหรอคะ”
โม่ถิงกอดภรรยาไว้และไม่ได้ตอบ เมื่อเห็นดังนั้น ถังหนิงเอื้อมมือออกไปบีบแก้มเขา “คุณนี่นะ! พอเครียดเกินไปก็แก่ลงไปหลายปีเลยนะคะ”
“ผู้อาวุโสหนานกงอันตรายเกินไป ผมไม่มีทางเลือกนอกจากระวังเขาไว้น่ะครับ”
สุดท้ายโม่ถิงไม่ได้สั่งให้ลู่เช่อเลิกตามชายสูงวัยแต่เขาถอยออกมาเล็กน้อย
“โอเคค่ะ ฉันจะฟังคุณ วันนี้เป็นวันเกิดของซ่งหลินหลิน รีบไปก่อนจะได้ไม่เจอกับสื่อเถอะค่ะ โอเคไหม” ถังหนิงเข้าใจว่าโม่ถิงเป็นคนรอบคอบ จึงไม่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมเขาไปมากกว่านี้ กลับพูดเปลี่ยนเรื่องแทน
ช่วงนี้ทั้งคู่ยุ่งมากเสียจนไม่มีเวลาพักผ่อนมากนัก จึงคิดไปร่วมสนุกในงานวันเกิดของซ่งหลินหลินและผ่อนคลายสักหนึ่งคืน พวกเขาก้าวขึ้นรถก่อนตรงไปยังบ้านพักริมทะเลสาบซึ่งซ่งหลินหลินใช้จัดงาน
ในเวลานั้นเพื่อนร่วมวงการที่ดีหลายคนได้มาถึงแล้ว แขกส่วนใหญ่เป็นศิลปินจากไห่รุ่ย ทันทีที่เห็นถัง
หนิงกับโม่ถิงพวกเขาจึงหลีกทางให้โดยปริยาย
“ประธานโม่คะ นี่นับเป็นเกียรติหายาก ฉันหวังว่าคุณกับถังหนิงจะสนุกไปกับค่ำคืนนี้นะคะ”
โม่ถิงไม่ชอบที่คนพลุกพล่าน เขาชอบที่จะอยู่สองต่อสองกับถังหนิงมากกว่า แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าถังหนิง อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนมันก็ไม่สำคัญ
ระหว่างงานวันเกิด ซ่งหลินหลินร้องเพลงที่เธอเขียนให้กับถังหนิงและโม่ถิง ตาม ได้เป็นเพลงดังพลุแตกติดอันดับเพลงและทำลายสถิติเพลงที่เธอร้องมาเมื่อก่อนอย่างไม่เห็นฝุ่น
ท่ามกลางแสงไฟนวลตา ทุกคนละทิ้งตัวตนของตัวเองและเริ่มร้องเพลงคลอไปกับท่วงทำนองหวานหู ถังหนิงพลันรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา
ไห่รุ่ยเป็นครอบครัวใหญ่เดียวกันอยู่เสมอ มันเป็นเช่นนั้นมากตั้งแต่ครั้งที่เธอก้าวเข้ามาในสังกัดนี้ สถานที่ที่มอบความแข็งแกร่งกับทุกคน
“ถังหนิง วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน แต่มันก็เป็นวันที่ฉันได้แจ้งเกิดใหม่อย่างเป็นทางการเหมือนกัน ฉันพยายามหาทางขอบคุณ ดังนั้นชั่วชีวิตของฉัน ฉันยินดีที่จะเป็นทำเพื่อคุณนับแต่นี้ไป ต่อให้ฉันต้องไปลึกสุดถึงขุมนรก ฉันก็จะทำอย่างไม่ลังเลเลยค่ะ!”
คำพูดของซ่งหลินหลินทำให้ถังหนิงหัวเราะออกมา เธอตอบขณะเอนตัวเข้าสู่อ้อมกอดของโม่ถิง “จำเป็นต้องขอบคุณฉันด้วยชีวิตเพราะเรื่องอย่างนั้นเลยเหรอ”
“จำเป็นสิคะ!”
ซ่งหลินหลินอาจจะเมาไปบ้างกับแขกที่คนอื่นๆ ที่มาถึงก่อนถังหนิงกับโม่ถิง แก้มของเธอถึงแดงพร้อมคำพูดยานคางเล็กน้อย
“เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ฉันไม่ต้องการให้เธอไปลงนรกเพื่อฉันหรอก แค่อยากให้เธอยกห้องที่ดีที่สุดในบ้านหลังนี้ให้ฉันคืนนี้”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความอึ้ง…
อย่างไรเสียผู้ใหญ่คนไหนๆ ก็รู้ว่าถังหนิงต้องการห้องไปเพื่ออะไร
จากนั้นแขกจึงเริ่มส่งเสียงไชโยโห่ร้อง แต่ถังหนิงไม่ได้เขินอาย เธอมีท่าทีเหมือนเดิม ระหว่างนี้ประธานโม่เฝ้ามองการกระทำของภรรยาก่อนระบายยิ้มออกมา ท่าทีรักใคร่เอ็นดูของเขาได้เป็นคำตอบของทุกอย่าง
ภาพที่เห็นช่างหวานเสียเหลือเกิน!
“โอเคค่ะ!” ซ่งหลินหลินรับคำทันที “ไม่ใช่แค่ห้องที่ดีที่สุด ถ้าคุณต้องการบ้านทั้งหลัง ฉันก็ยินดีที่จะให้คุณค่ะ”
“ชิ…ถังหนิงอยู่ที่ไฮแอทรีเจนซี ทำไมต้องอยากได้บ้านธรรมดาๆ ของเธอด้วยล่ะ”
“ก็จริงนะ”
ทุกคนเริ่มหัวเราะและเพลิดเพลินไปกับงานฉลอง ในขณะที่ทุกคนกำลังร้องเพลงเต้นรำกัน ถังหนิงลากโม่ถิงมาในห้องริมทะเลสาบที่สวยที่สุดตามที่ซ่งหลินหลินบอก ก่อนที่ทั้งคู่จะอิงแอบแนบชิดกันอย่างมีความสุข
“ตั้งแต่คลอดเจ้าตัวแสบแสนซนทั้งสามคนมา เราไม่ได้มีเวลาอย่างนี้ด้วยกันมานานเท่าไหร่แล้วคะเนี่ย”
โม่ถิงไม่ตอบ เขาทำเพียงกอดภรรยาและมองออกไปยังทะเลสาบที่กว้างใหญ่
ถังหนิงเหลือบมองบาดแผลบนหลังมือของโม่ถิง และจำได้ว่าเขามักกลับมาถึงบ้านหลังจากการถ่ายทำพร้อมรอยช้ำและบาดแผลอยู่บ่อยๆ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เธอก็ปวดใจขึ้นมา “เลิกทำหลังจากเราถ่ายหนังเรื่องนี้เสร็จเถอะค่ะ”
“แค่แผลเล็กๆ น่ะครับ” โม่ถิงรู้สึกอบอุ่นใจ แม้จะผ่านมาหลายปี ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ยังคงแน่นแฟ้นและเขาเห็นคุณค่าในทุกช่วงเวลา “เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกๆ สิครับ”
“คุณเป็นตัวอย่างที่ดีมาตลอดอยู่แล้วค่ะ คุณพ่อถิง! ไหนเราก็พูดถึงเรื่องลูกแล้ว คุณคิดว่าเสี่ยวต้าน
เขอชอบใครมากกว่ากันค่ะ จื่อซีหรือว่าจื่อเฉิน”
“เธอยังเด็กอยู่เลยนะครับ!” โม่ถิงตอบ
“เธอถึงวัยที่รู้จักชอบใครสักคนแล้วละค่ะ ฉันมั่นใจว่าเธอชอบเจ้าหน้าบูดตัวน้อยแสนน่าเบื่อของเรานะคะ จื่อซีทั้งชี้เล่นและแข็งแรงแต่เขาไม่ได้เป็นคนที่น่าสนใจ ในทางกลับกันขื่อเฉินอาจจะเงียบๆ แต่เด็กผู้หญิงดูจะชอบประเภทที่นิ่งๆ เงียบๆ อย่างนี้แหละค่ะ…”
“คุณอยากให้ผมพูดตามตรงจริงๆ เหรอครับ” โม่ถิงถามข้างหูถังหนิง
“อือหึ”
“ผมหวังว่าพวกเขาจะไม่มายุ่งเกี่ยวกันอีกครับ…”
หลังได้ยินคำตอบของเขา ถังหนิงยืนขึ้นและหันไป เธอโน้มตัวมาจุมพิตที่ริมฝีปากของโม่ถิงอย่างรักใคร่พร้อมฉากทะเลสาบที่งดงามเบื้องหลัง
“ประธานโม่คะ คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมฉันถึงขอห้องนี้”
โม่ถิงโอบกอดภรรยาก่อนอุ้มเธอขึ้นมา “โอ๊ะ รู้สิครับ…ผมถึงทำให้เสียเปล่าไม่ได้ไงครับ”
ด้านนอกห้องพักชั้นพิเศษ ศิลปินของไห่รุ่ยต่างพากันแนบหูเข้ากับประตู อย่างพยายามฟังว่าคู่รักทำอะไรกัน ตอนแรกยังคงมีเสียงดังขึ้นมาบ้าง แต่ห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอย่างรวดเร็ว
“ทำไมประธานโม่เร็วขนาดนี้ล่ะ”
“เธออยากจะโดนตีเหรอไง พวกเขาคงย้ายไปที่อื่นแล้วแน่ๆ ”
“แค่นึกถึงฉันก็เขินแล้ว…”
แขกเหรื่อต่างพากันพูดถึงกิจกรรมในห้อง
อย่างที่คาดการณ์ไว้ โม่ถิงได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอกห้องก่อนอุ้มภรรยาออกมาที่ระเบียงที่ไร้ซึ่งผู้คน นี่เป็นจุดที่ดีที่สุดในการแสดงความรัก…
พวกเขากล้าดีอย่างไรมาแอบฟังประธานโม่ ยังอยากปล่อยอัลบั้มในฤดูกาลถัดไปอยู่หรือเปล่า